13 มี.ค. เวลา 13:30 • ดนตรี เพลง

"INDY CAMP มัดรวมรีวิว เพลง & MV"

สำหรับโปรเจกต์น้ำดี
“INDY CAMP 2023”
ก็นับว่าบัดนี้ผลงานชั้นเยี่ยมเปี่ยมคุณภาพ
ทั้ง 11 เพลง ก็ได้ปล่อย MV
ที่มิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน
ตั้งตารอคอยรับชมรับฟังมาโดยตลอด
สู่สายตาสาธารณชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งแต่ละ MV ล้วนได้รับเสียง Feedback ในทางที่ดี
ในแง่ของการถ่ายทอดเรื่องราวจากบทเพลง
และการสื่อสารอารมณ์ด้วยน้ำเสียงเพราะๆ
จากศิลปินดาวรุ่งดวงใหม่ทั้ง 11 ดวง
พวกเธอช่างล้วนมีพรสววรค์
ที่สามารถจรดปลายปากกา
สร้างสรรค์บทเพลงใหม่
เรียบเรียงเสียงประสานดนตรีอย่างกลมกล่อม
และมีส่วนร่วมในการพัฒนาไอเดีย
ในการทำผลงานคุณภาพคับแก้วเหล่านี้
สื่อให้เห็นถึงวี่แววความเก่งฉกาจ
ที่จะสามารถก้าวเดินไปต่อ
บนถนนหนทางสายศิลปินได้อย่างสบายๆ
ถึงเวลาอันควรแล้ว
ที่แอดภู โอตะหน้ายักษ์ นักเลงกลอน
จะมาบอกเล่าถึงความรู้สึก
ที่มีต่อ MV เพลงทั้งหมดเหล่านี้
เรามาก้าวเดินกันไปทีละก้าว
ผ่านเรื่องราวที่ถูกเรียงร้อย
ทั้งหมดกันได้เลยครับ,,,
EP.1 “ประโยคบอกลา (.JPG) - มายยู กวิสรา” 📸🖼️
เรื่องราว
- เปิดฉากเพลงแรกของโครงการที่ได้ปล่อย MV ออกมาก่อนใครเพื่อน ด้วยโทนภาพบรรยากาศหม่นๆ โดยเนื้อเรื่องคือ “มายยู” กำลังนั่งอยู่ในห้องมืดๆ ดูวิดิโอฟุตเทจเก่าๆ ที่ได้บันทึกความทรงจำ ของตนเองกับอดีตแฟนหนุ่มเอาไว้ ซึ่งฟุตเทจนี้ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวความทรงจำดีๆ ที่ทั้ง 2 คนมีร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเค้กวันเกิด เดินจูงมือกันไปเที่ยวเดินเล่นในสวน ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ ก็เหลือเพียงแค่อดีตที่ไม่มีวันหวนคืน
โดยในห้องก็ยังมีภาพถ่ายโพลารอยด์แขวนไว้เต็มห้อง สื่อได้ว่าหัวใจของเธอนั้นยังคงจมปลักอยู่กับเรื่องราวในอดีต และยากนักที่จะมูฟออนออกมาจากความเจ็บปวดนี้ได้ แต่ในที่สุดมายยู ก็สามารถนำพาตัวเองหลุดออกมาจากห้องแสนมืดหม่น มาสู่สวนอันกว้างใหญ่และสว่างไสว สื่อถึงหัวใจของเธอที่หลุดพ้นจากความเจ็บปวด แทนประโยคบอกลาความหลัง สู่การเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างแท้จริง
พระเอก MV รับบทโดย “เนส” พ่อหนุ่มขาวตี๋ที่เคยมีผลงานมากมาย ทั้งการกำกับและการแสดง ทำให้มายยูสนอกสนใจที่จะร่วมงานด้วย ซึ่งหนุ่มเนสก็ทำหน้าที่พระเอกได้เป็นอย่างดี แม้จะปรากฏในรูปแบบ Flashback แต่ก็ส่งผลต่ออารมณ์ของเนื้อเรื่องเป็นอย่างมาก
ด้านเพลง
- ตัวเพลงเป็นเพลงเศร้าอย่างเต็มรูปแบบ ยิ่งถ่ายทอดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ นุ่มลึก แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์เศร้าหมองของมายยู ทำให้เป็นเพลงที่มืดหม่นสมกับชื่อเพลง และมายยูยังแถมลูกเล่นการร้องแบบแอดลีปส์แทนเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจากหัวใจอีกด้วย ฟังแล้วขนลุกเลยทีเดียว
สรุป
- เป็นเพลงที่สมกับเป็นหัวหอกในการเปิดโครงการ INDY CAMP 2023 อย่างเป็นทางการ และทำให้ทุกคนเห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของมายยู ซึ่งรอวันที่จะเผ่นผงาดมาเป็นเวลาเนิ่นนาน สมกับที่ทุกท่านรอคอย และเปิดตัวไปได้อย่างสมศักดิ์ศรี
EP.2 “รักเทอที่สุดในจักรยาน (You-niverse) - สตางค์ ตริษา” 🚲🩷
เรื่องราว
- เรื่องราวของคู่รักวัยรุ่นที่ชอบเดินทางด้วยจักรยาน โดยน้อง “สตางค์” นางเอกผู้แสนดีคนนี้ ชื่นชอบที่จะนั่งซ้อนท้ายจักรยานของแฟนหนุ่มเป็นอย่างมาก ทั้งคู่มีโมเมนต์ดีๆ ร่วมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปิกนิกเล็กๆ กลางสวนสาธารณะที่แสนร่มรื่น นั่งเล่นกีต้าร์ ร้องเพลง เป่าฟองสบู่ หยุดแวะซ่อมจักรยาน ยืนชมวิวสวยๆ กลางสะพาน
ยิ่งตอนที่สตางค์นอนหนุนตักแฟนหนุ่มรูปหล่อ และจับมือกันตอนอยู่บนสะพาน ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศของทั้งสองคนน่ารักปะลุ๊กปุ๊กปิ๊กมากขึ้น ก่อนจะตัดไปสู่ฉากปั่นจักรยานในชุดแต่งงาน ซึ่งสตางค์ในชุดเจ้าสาวสาวเริ่ดมาก พร้อมฉีกยิ้มกว้างด้วยความสุข จบไปอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งสุดฟินหัวใจ
- พระเอก “Guncharlee (กัน - เสฐพงษ์ เอวสุข)” หนุ่มหล่อที่ใครหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตา จากตัวละครสมทบในซีรีส์ “จังหวะชีวิตลิขิตฝัน” และศิลปินซึ่งได้ออกซิงเกิ้ลเป็นของตัวเองแล้ว สู่บทบาทพระเอก MV คู่กับน้องสตางค์คนน่ารัก ซึ่งหนุ่มกันก็สมบทบาท สามารถปั่นจักรยานได้อย่างแข็งขัน ให้สตางค์ได้โอบเอวไว้อย่างปลอดภัย (ใครอิจฉาบ้าง 555555)
หนุ่มกันบอกเลยว่า “ชิวๆ สบายมากครับ” ซึ่งก็ตรงกับ Fact ที่ว่าสตางค์ซึ่งยังฝังใจกับเหตุการณ์ในอดีตจนไม่กล้าขี่จักรยานอีกเลย คราวนี้ได้คนหล่อมาช่วยปั่นให้ซ้อนท้ายแล้วนะครับ ฮิๆๆๆๆ
- ระหว่างการถ่ายทำ มีฝรั่งที่อยู่ในละแวกนั้นเห็นเข้า จนถึงกับเข้าใจผิดว่ามีการถ่ายพรีเวดดิ้งเกิดขึ้นจริงๆ 555555
ด้านเพลง
- เพลงนี้มาแนวฟังง่ายสบายๆหูตามความถนัดของสตางค์ หากแต่เพิ่มเติมลูกเล่นเทคนิคเข้าไปมากขึ้น เพราะเพลงนี้ทำให้สตางค์ได้ใช้น้ำเสียงที่สะกดอารมณ์คนฟังได้อยู่หมัด ตัวเพลงมีเนื้อเรื่องซึ่งมีที่มาที่ไปน่าสนใจ และได้มีการโชว์ท่อนแรปสุดแสนจะต๊าชที่สตางค์ได้แต่งออกมา จนใครต่อใครที่ได้ฟังก็ถึงกับทึ่งไปตามๆ กัน บวกกับน้ำเสียงทุ้มๆ นุ่มนวลของสตางค์ในสำเนียงการร้องสไตล์เพลงสากล ก็ทำให้เพลงนี้ติดหูผู้ฟังได้ไม่ยากเย็นนัก
สรุป
- เป็น MV ที่น่ารักที่สุดในจักรวาลแห่งนี้ มีโทนสีฉากหลังที่อบอุ่นสบายตา และเนื้อเรื่องที่ Feel Good จบเรื่องไปอย่างสวยงาม ดูทีไรก็ฟินทุกทีเลยครับ ต๊าชมากลูก!!
EP.3 “วาสนาผู้ใด (Can it be me?) - ข้าวฟ่าง ญานิศา” 🔮💞
เรื่องราว
- เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักแสนว้าวุ่นในรั้วโรงเรียน เมื่อข้าวฟ่าง แอบมีใจให้กับสาวหล่อเท่ห์สุดคูล ผู้เป็นเสมือนขวัญใจของสาวๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งแค่ได้มองเธอคนนั้นวอร์มอัพอยู่ในสนามกีฬา มันก็ใจเต้นตึกตักแล้ว แต่ข้าวฟ่างก็พบว่า เธอมีศัตรูหัวใจอยู่ไม่น้อยเลย และเพลงนี้ก็คลาคล่ำไปด้วยแขกรับเชิญพิเศษ ซึ่งล้วนแต่เป็นเมมเบอร์ BNK48 ทั้ง รุ่น 3 และรุ่น 4 เรียกได้ว่าเป็น MV ที่ cameo เยอะที่สุดใน MV ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ (มีใครบ้างต้องลองไปหาดูกันนะครับ)
ต่อด้วยฉากสำคัญที่สาวหล่อเท่ห์คนนั้นได้เปิดโต๊ะดูดวง ซึ่งก็มีสาวๆ มาต่อแถวเป็นจำนวนมาก ข้าวฟ่างก็ได้มีโอกาสใกล้ชิด และดูเหมือนว่าสาวหล่อคนนั้นก็ดูจะสนอกสนใจข้างฟ่างอยู่ไม่น้อย เพราะยังมองตามหลังเธอหลังจากเดินออกไปแล้ว เอาละครับ วาสนาผู้ใดกันล่ะทีนี้ 555555 ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ไป ก็ต้องไปลุ้นเองนะครับว่า เรื่องหัวใจของทั้งคู่ จะไปต่อกันแบบไหนอย่างไร
ซึ่งตำแหน่งพระเอกที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “พีค” สาวมาดเท่ห์ ขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย ที่สามารถตกหัวใจได้ทั้งแฟนคลับหญิงชายและเมมเบอร์ด้วยกัน รอบนี้สาวพีคก็ได้ช็อตโชว์หล่อไปได้หลายช็อตมาก เอาแค่ขยับตัวนิดๆ เชิดหน้าขึ้นหน่อย มันก็ทำให้ใครที่ได้เห็นถึงกับ อะเฮื้อ โดนตกไปตามๆ กัน
ด้านเพลง
- สำหรับเพลงแรกในชีวิตของข้างฟ่าง สาวน้อยที่พกความตลกมาเต็มพิกัด ครั้งนี้เธอได้ใส่พลังความน่ารักเข้าไปในเพลงเยอะมาก โดยเฉพาะคำว่าวาสนา ภาษายุคก่อนที่ทำให้อดนึกถึงเพลงรักขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้นไม่ได้ ยิ่งท่อนแรปก็สุดจะแหวกแนว ด้วยการแต่งเนื้อไปถึง 3 ภาษา ไทย อังกฤษ จีน ซึ่งก็สามารถสื่อถึงความถนัดของเธอได้เป็นอย่างดี โดยรวมแล้วออกมาเป็นเพลงที่แสนน่ารัก ฟังสบายๆ ด้วยกลิ่นอายของความรักวัยรุ่น ยิ่งท่อน Was it me? Was it me? ที่เมมเอามาแซวกันเองว่าวาซาบิ วาซาบิ ยิ่งติดหูเลย
สรุป
- เป็น MV ที่น่ารักมาก นับเป็นเพลงที่แจ้งเกิดให้ข้าวฟ่างได้อย่างเต็มตัวเลย และยังเชื่อว่าเธอจะยังสามารถสร้างสรรค์เพลงใหม่ในอนาคตได้อีกเป็นแน่
EP.4 “ไม่อยากเก็บไว้ในใจ (สักวันคงกล้าพอ) - ซัทจัง สวิชญา” 🩷🩷🩷
เรื่องราว
- เปิดฉากมาด้วยซัทจังโทรชวนเพื่อนสาวคนสนิท 2 คน มาปาร์ตี้ที่บ้าน ซึ่งห้องนอนของซัทจังยังคงคุมโทนด้วยสีโปรดของเธอนั้นคือสีชมพู ก่อนที่ 2 เพื่อนสาวจะพบว่า ซัทจังมีไดอารี่เล่มโปรดซึ่งได้เขียนระบายความในใจ และพร่ำพรรณนาถึงคนที่เธอแอบรักอยู่
จนถึงกับตั้งชื่อไดอารี่เล่มชมพูหวานแหววนั้นว่า “ถึงคุณแฟนในอนาคต” และแล้วเพื่อนชายของ 3 สาว ก็ปรากฏตัวขึ้น และเขาคนนี้ก็คือคนที่ซัทจังแอบปิ๊งอยู่นั่นเอง 2 เพื่อนสาวจึงหลบฉากไปอย่างรู้งาน ปล่อยให้ทั้ง 2 อยู่ด้วยกัน แล้วหนุ่มหล่อรายนี้ก็ได้เห็นไดอารี่ของซัทจังเป็นที่เรียบร้อย และดูเหมือนว่าหนุ่มหล่อ จะชอบใจเอามากๆ เลยล่ะครับ
โดยเหล่าตัวละครที่ทำให้เนื้อเรื่องสมบูรณ์ ได้แก่น้อง “เซร่า” และ “กอหญ้า” เพื่อนสนิทของซัทจังนั่นเอง จึงทำให้ฉากที่ทั้ง
3 สาวหยอกล้อและเล่นกันนั้นดูสมจริงมากขึ้น พร้อมกับพระเอกหนุ่มที่ปรากฎตัวมาได้จังหวะเหมาะเจาะ ทำให้เรื่องราวนี้จบลงด้วยดี อีกทั้งงานนี้ยังได้ “แพนด้า จิดาภา” มาร่วมงานช่วยแต่งหน้าให้ซัทจัง อีกทั้งยังให้คำปรึกษามากมาย สมกับที่เป็นพี่สาวใจดีแห่งแก๊ง Friday ครับ
ด้านเพลง
- เพลงมาด้วยแนวใสๆ สบายๆ หู โดยซัทจัง ได้ใส่อารมณ์ความสดใสแบบวัยรุ่นตัวน้อยเข้าไปในเพลงเยอะมาก สังเกตได้ถึงเนื้อเพลงที่ไม่ได้ซับซ้อนและฟังยากจนเกินไป ทั้งยังใส่ลูกเล่นเสียงสั่นๆ ที่ตรงกับประโยคหนึ่งในเพลงเป็นการเสริมอารมณ์เพลงอีกด้วย
มาพร้อมกับท่าประจำเพลงคือท่าขยับมือตรงคำว่า “ถาม ถาม ถาม” ส่งผลให้เพลงแรกในชีวิตของซัทจัง ถูกเรียกชื่อเล่นจากชาวดาวเสาร์ว่า “น้องถาม” ไปโดยปริยาย พร้อมกับการโชว์สเต็ปโซโล่กีต้าร์จากเจ้าน้องเล็กคนนี้ เห็นได้ว่าความสดใสยังมีอยู่ในตัวเธออย่างเต็มเปี่ยม และได้ฝากพลังความซาบซ่านไว้ในเพลงสุดน่ารักเพลงนี้
สรุป
เป็นเพลงแนวน่ารักๆ แบบสดใสวัยรุ่น ฟังง่าย มีท่าประจำเพลงที่ทำให้เพลงนี้ถูกจดจำได้ง่ายขึ้น
EP.5 “bye hero - ฟอร์จูน ปัณฑิตา” 🐈🐈
เรื่องราว
- บทเพลงสุดเศร้าสะเทือนใจนี้ เริ่มต้นด้วยคำอาลัยแด่เจ้า “ฮีโร่” เพื่อนแมวผู้ซึ่งกลับดาวไปแล้วว่า “dear my hero” ตามมาด้วยเนื้อเรื่องของฟอร์จูน ที่ได้เปิดกล่องนำเอากล้องถ่ายรูปแทนความทรงจำ พลางคิดในใจว่า “กล้องยังใช้ได้อยู่มั้ยนะ?”
ซึ่งในห้วงความทรงจำของเธอก็ได้ถ่ายทอดให้คนดูได้เห็นถึงมิตรภาพแสนน่ารักผ่านมุมมองของเจ้าแมวฮีโร่
ยามที่มีฟอร์จูนคอยเล่น คอยเอาใจใส่ หาอาหารอร่อยๆ ให้กิน มันช่างมีความสุขเหลือเกิน แต่ดูเหมือนว่ากล้องถ่ายรูปเจ้ากรรม จะแบตหมดเสียแล้ว อีกทั้งยังขัดข้องเพราะไม่ได้ใช้มาเนิ่นนาน กัปตันทีม C ที่เริ่มร้อนรนจิตใจ จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะซ่อมกล้องให้กลับมาใช้ได้ดังเดิม แต่ความพยายามกลับไม่สัมฤทธิ์ผล จึงได้แต่ร้องไห้เสียใจ ก่อนที่ภาพของเจ้าฮีโร่ (ที่เคยถูกบันทึกไว้จริงๆ) ได้ฉายออกมาอีกครั้ง ก็ยิ่งพาให้หัวใจดวงน้อยของเธอนั้น เจ็บปวดทรมานสุดเกินจะบรรยายเป็นคำพูดใดๆ ได้
ซึ่งทำให้ใครก็ตามที่ได้รับชมนั้นยากที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ ยามได้เห็นภาพเก่าๆ เมื่อครั้งยังมีชีวิต ใครเลยจะนึกว่า น้องแมวตัวหนึ่งกลับเป็นเพื่อนที่ดีที่สามารถเยียวยาหัวใจมนุษย์คนหนึ่งได้ แม้ว่าผู้เขียนจะไม่เคยพบเจอฮีโร่ตัวเป็นๆ มาก่อน แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรัก ความผูกพัน ที่ทั้งฟอร์จูนและฮีโร่ ต่างก็มีให้กันเสมอมาจวบจนวันลาจาก
ด้านเพลง
- เมื่อเจ้าแม่เพลงเศร้าอย่าง “ฟอร์จูน” ต้องมาถ่ายทอดความเจ็บปวดรวดร้าวผ่านบทเพลงที่แต่งขึ้นจากชีวิตจริง ก็ยิ่งทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเพลงนี้ ถึงกับอินและเศร้าตามเธอไปด้วย ซึ่งสำหรับเพลงนี้ก็ปรากฎในรูปแบบเพลงสากล เป็นเนื้อภาษาอังกฤษตลอดเพลง
แต่ทุกคำที่ปรากฏนั้น กลับสื่อถึงอารมณ์ที่แสนปวดร้าวขมขื่นใจ จนฟังกี่ทีก็เศร้าและขนลุกตามฟอร์จูนทุกครั้งที่ได้ฟัง เห็นได้ถึงความละเอียดลออในหัวใจ ที่พิถีพิถันในการรังสรรค์บทเพลงอยู่เสมอ เพราะเธอสามารถถ่ายทอดความรู้สึก ได้ตั้งแต่คำร้อง ทำนอง ไปจนถึงน้ำเสียงและห้วงอารมณ์ส่วนลึกเลยทีเดียว
สรุป
- เป็นบทเพลงและ MV ที่เรียกน้ำตาได้มากที่สุดในบรรดา MV ทั้งหมดทั้งมวล และกลายมาเป็นเพลงอนุสรณ์ ที่บ่งบอกถึงมิตรภาพที่แสนงดงามระหว่างคนกับน้องแมวซึ่งยังคงตราไว้ในดวงจิต ตราบจนทุกวันนี้
อุทิศแด่..... “ฮีโร่”
คิดถึงเสมอนะเพื่อน
ขอให้มีความสุข
ได้วิ่งเล่นอยู่บนดาวแมวนะ
เชื่อว่านายไม่ได้หายไปไหน
แต่ยังอยู่ในใจ ในความทรงจำ
ของพี่ฟอร์และพวกเราเสมอ,,,
EP.6 “คงต้องบอกให้รู้ - วี วีรยา” 💕❣️
เรื่องราว
- ว่าด้วยความรักที่ก่อเกิดในรั้วมหาวิทยาลัยกับแก๊งเพื่อนรัก 3 สาว โดยมีวี และมามิ้งค์ เป็นคู่หลัก เสริมด้วยจีจี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า วี-มามิ้งค์จะสนิทกันมาก ดูมีความสุขทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดและใช้เวลาร่วมกัน ชนิดที่มีอาการหึงหวง ยามที่ได้เห็นหนุ่มๆ มาอ้อล้อขอไลน์ โดยที่จีจี้ เฝ้าคอยจับตาดูความเป็นไปในความสัมพันธ์ของทั้ง 2 สาวอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งวันหนึ่งที่วีและมามิ้งค์ ได้ไปแฮงเอาท์กันที่บาร์แห่งหนึ่ง เมื่อบรรยากาศพาอารมณ์และหัวใจเคลิบเคลิ้มจนความรู้สึกข้างในใจที่ทั้งสองแอบเก็บไว้มานานก็เริ่มเผยออกมา จังหวะที่มือเพรียวบางของมามิ้งค์เอื้อมไปแตะวีนั้นก็ปรากฏร่างของจีจี้ที่เข้ามาแทรกกลาง ทำเอาจังหวะสวีทของ 2 สาว เปลี่ยนเป็นช๊อตฟีลจังหวะนรกไปในพริบตาทันที
ซึ่งแขกรับเชิญคราวนี้เรียกเสียงฮือฮาได้มาก เนื่องด้วย “มามิ้งค์” สาวอินดี้ข้ามวงที่เป็นที่สนอกสนใจของวีมาตั้งแต่ไลฟ์ครั้งก่อน ตามด้วย “จีจี้” เพื่อนคู่รักคู่กัดของวี ที่ขึ้นว่าสนิทกันแต่ก็ตีกันบ่อยเป็นที่ 1 เสมอ การที่มีสองสาวนี้มาเสริมทัพให้กับวี ช่วยทำให้เนื้อเรื่องดูแข็งแกร่ง และทำให้คนดูอินไปกับความสัมพันธ์ของพวกเธอได้ง่ายขึ้น
ด้านเพลง
สาวห้าวหน้าหวานอย่างวี ยังคงถ่ายทอดความดิบของเพลงได้ตามความถนัดเช่นเคย โดยเพลงนี้จะเป็นเพลงช้าๆแต่ไม่เนิบนาบ มีกลิ่นอายของเสียงกีต้าร์และจังหวะกลองฟิลแจ๊ส และบรรยากาศเหมือนฟังเพลงอยู่ที่ร้านนั่งชิลล์ และวียังคงใช้เสียงห้าวปนหวานของเธอ ทำให้คนฟังได้คล้อยตามไปกับเรื่องราวในเพลงได้เป็นอย่างดี เห็นได้ถึงการตกผลึกทางความคิดในการทำเพลง ที่ก้าวไปอีกระดับหนึ่งแล้วของวี
สรุป
- เป็นเพลงที่มีความหมายดี แต่เนื้อเรื่องหักมุมตั้งแต่ Teaser ยัน MV เลย
EP.7 “เกินเธอ - แพนด้า จิดาภา” ❤️⭕
เรื่องราว
- เกี่ยวกับความรักข้างเดียวที่มีเส้นด้ายสีแดงเกี่ยวก้อยหัวใจเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อแพนด้า ฝันว่าได้รับเส้นด้ายแดงจากหนุ่มมาดเซอร์ที่เธอมีใจให้ ทำเอาหัวใจของเธอนั้นถึงกับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะวาดภาพระบายสีทีไร ก็ยังไม่สามารถสลัดภาพหนุ่มคนนั้นออกจากหัวสมองได้ อยากเจอเขาคนนั้น จนกระทั่งเกิดภาพหลอนแห่งจินตนาการ ที่ทำให้เหมือนเธอนั้นเดินหลงวนเวียนอยู่ในป่า อยากที่จะหาทางออกมา จนกระทั่งเริ่มตระหนักได้ว่า ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา ที่เกิดขึ้นมาจากความรักข้างเดียวของเธอนั่นเอง
ด้านเพลง
- สำหรับครั้งนี้ แพนด้า ได้ลองเปลี่ยนแนวจากเพลงเร็วมีจังหวะ มาเป็นเพลงช้าๆ ฟังง่ายสบายๆ ดูบ้าง ซึ่งเธอก็ยังไม่ทิ้งลายการร้องเพลงที่มีเทคนิค ในการใช้ลูกล่อลูกชนในการใช้เสียงน้ำเสียง ดนตรีเปลี่ยนมาเป็นแนวชิลล์ๆสบาย มีกลิ่นอายความอะคูสติคอยู่มาก สามารถเปิดฟังได้เรื่อยๆ อย่างไม่มีเบื่อ
สรุป
- เป็นเพลงที่ฟังง่าย MV มีความล้ำๆ ต้องดูซ้ำถึงจะเข้าใจในเรื่องราว
EP.8 “อย่ามาทำให้เขิน (You make me feel shy) - นีนี่ พิชญาภา” 🩷❤️💚
เรื่องราว
- เช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าแจ่มใส นีนี่ สาวน้อยหน้าหวานที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ริมสระน้ำ ได้บังเอิญเห็นหนุ่มหล่อตี๋ตรงสเปค เพียงเท่านั้นก็ทำเอาเธอเขินจนหน้าแดง กระทั่งหนุ่มหล่อได้มานั่งตรงเก้าอี้ใกล้ๆ นีนี่จึงอยากลองหาโอกาสทำความรู้จัก แต่ติดตรงเขินเลยไม่กล้าพูดออกไปตรง เลยขอลองใช้วิธีแบบทำให้เธอสนใจเราดีกว่า เริ่มจากแกล้งทำให้หนังสือตกพื้น เอ้าเพลงมา
“ช่วยเก็บหนังสือของฉันหน่อยได้มั้ย เพราะฉันทำมันตก” เดี๋ยวๆ ผิดเพลงละครับ 5555
หนุ่มตี๋ก็ได้เก็บหนังสือคืนให้ เอาละสิ ดูเหมือนว่าจะเข้าแผน เพราะหนุ่มตี๋ก็เริ่มเหล่ๆ เธอบ้างแล้ว อุ้ยๆๆ เขิน พอนีนี่ทำท่าจะดินกลับบ้าน หนุ่มตี๋ก็เดินตามมา ง่อวว มีใจเข้าให้แล้วละสิ แล้วทั้งสองก็เดินไปด้วยกัน ไม่ต้องสงสัยเลย ว่านีนี่ที่หันหลังให้กล้องนั้น จะเขินจนหน้าแดงระเรื่อขนาดไหนกันนะ
ด้านเพลง
- เปิดมาเป็นกลิ่นอายความเป็น T-Pop อย่างเห็นได้ชัดมาก โดยเฉพาะการจั่วหัวเป็นเพลงช้าๆ เนิบๆ ซึ่งสำหรับนีนี่ที่ได้ทำเพลงของตัวเองเป็นครั้งแรกถือว่าโอเคเลย ด้วยความที่เธอเคยมีประสบการณ์การทำวงดนตรีประกวดมาก่อน เลยทำให้นำเอาอิทธิพลของเพลงไทยสมัยนิยมมาปรับใช้ได้เยอะมาก จนพูดได้ว่าแทบจะสลัดภาพไอดอลญี่ปุ่นออกไปได้หมดสิ้น และทำให้เพลงนี้กลายเป็นแนวเพลงที่คนนิยมฟังและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
สรุป
- เป็นเพลงช้าๆ ที่น่ารัก สมกับคาแรคเตอร์ของนีนี่ ฟังได้เรื่อยๆ ได้กลิ่นความเป็นเพลงป๊อปสไตล์ไทยๆ
EP.9 “Just Not Today (ไม่ใช่วันนี้) – Mellfias” 😭🥲
เรื่องราว
- เป็นภาพความหลังที่ฉายชัดในความฝันของปีโป้ เกี่ยวกับเธอและเพื่อนสาวอย่าง “ปะริมะ” ซึ่งทั้งคู่มีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน ผ่านโทนภาพหม่นๆ บีบคั้นอารมณ์ทุกครั้งยามที่ได้เห็น แต่สุดท้ายดูเหมือนเป็นว่าจารย์โป้ที่สะดุ้งตื่นขึ้นมานั้น จะยังคงสลัดภาพเรื่องราวในอดีตนี้ไม่หลุดจากหัวเลย ราวกับว่าเป็น parasite (ปรสิต) ที่ยังคงเกาะอยู่ในสมองของเธออยู่ทุกวันไปนั่นเอง
การกลับมาของ “ปะริมะ” ในครั้งนี้เธอมาพร้อมมาดใหม่ ผมสั้นหน้าม้า แต่เสน่ห์และความน่ารักของเธอไม่เคยน้อยลงเลย ยังคงความเป็นไอ้ต้าวเบบี้ที่ทรงเสน่ห์และน่าค้นหาเหมือนเช่นเคย ทำเอาผู้เขียนถึงกับดีใจที่ได้เห็นเธอกลับมาร่วมงานกับเพื่อนสนิทอย่างปีโป้อีกครั้ง ทุกคนสามารถไปติดตามและเป็นกำลังใจให้กับน้องได้ในเส้นทางใหม่นะครับ (IG: aliceyinjuly)
ด้านเพลง
- “ปีโป้ Mellfias” ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐาน ในการทำเพลงแบบฟังยาก เฉพาะทาง มีความแฝงไว้ซึ่งปรัชญา ราวกับดูหนังแนวล่ารางวัล รวมถึงการทำดนตรีที่ล้ำหน้าเกินใครๆ แหวกแนวมันทุกคน เพื่อนๆคนอื่นทำมาแบบฟังสบายๆ แต่จารย์โป้จะแหกมันให้หมด ธรรมดาโลกไม่จำ เห็นได้ว่าเพลงจะมาแนวหม่นๆ มีการใช้เนื้อร้องทั้งไทยและอังกฤษผสมผสานกัน กลายมาเป็นเพลงที่คอเพลงสายปรัชญา ไม่ควรพลาดที่ได้รับชมรับฟัง
สรุป เป็นเพลงที่อารมณ์หนักหน่วง เหมาะกันแฟนเพลงสายฮาร์ดคอร์นิดๆ
EP.10 “ทานตะวันนึงถึงเธอ - นาย ภัทรนรินทร์” 🌻
เรื่องราว
- เปิดเรื่องมาเป็นนายนั่งพักผ่อนในสวน ฟังเพลงและวาดรูป ก่อนจะพบว่ามีคู่รักมาจู๋จี๋กันอยู่หลายคู่ ทำเอานายถึงกับมองบนด้วยอิจฉา เพราะเธอเป็นสาวโสดเพียงคนเดียวในที่นี้ ซึ่งภาพวาดที่เธอวาดลงไปนั้น ก็สื่อถึงความในใจว่า อยากจะลองมีคนรักสักคนคงจะดีไม่น้อย
โดยภาพใน MV วนเวียนอยู่กับการเล่นกับกล้องของนายซะส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีเรื่องราวความรักหวานแหววของนายกับพระเอกคนไหนเลย ต่างไปจาก MV ของเพื่อนๆ ที่มักจะมีพระเอกหรือตัวละครสมทบที่คุ้นหน้าคุ้นตามาร่วมแสดงด้วย
ด้านเพลง
- ดนตรีมาแนวสดใส มีเสียงกีต้าร์โซโล่ขึ้นมาก่อน พร้อมจังหวะกลองที่ฟังแล้วชวนสนุกสนานอารมณ์ดี ได้ฟิลลิ่งแบบเพลงประกอบละครซีรีส์หรือหนังรักวัยรุ่น ฟังง่ายๆ สบายหู ซึ่งนายก็ได้ใส่พลังและอินเนอร์ผ่านน้ำเสียงใสๆ ของเธอ ทำให้เป็นเพลงที่สนุกสนานมากๆ อีกเพลงของอินดี้แคมป์ ผู้เขียนถึงกับเคยฟังแล้วขยับหัวตามจังหวะเพลงอยู่บ่อยครั้ง เพราะเป็นเพลงที่เรียกบรรยากาศสดใสและครื้นเครงได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการร้องที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูประดิษฐ์ปรุงแต่งมากจนเกินไป ทำให้เพลงนี้ติดหูได้ไม่ยากเย็น
สรุป
- เพลงน่ารัก ติดหู ถูกใจผู้เขียนมาก แต่ MV ไม่ค่อยมีเรื่องราวมากมายเท่าที่ควร ดีที่ความน่ารักสดใสของนาย ทำให้ MV ยังคงมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้
EP.11 “Be here with me - มามิ้งค์ มาณิฌา” 👽🛸 ⛰️
เรื่องราว
- เข้าสู่เพลงสุดท้ายของโปรเจกต์ โดย “มามิ้งค์” สาวน้อยสุดอินดี้ที่จะพาทุกคนไปร่ายรำกลางธรรมชาติ และครั้งนี้แถมให้พิเศษ เธอพาเราทุกคนร่วมเดินทางไปกับเธอในทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ป่าเขาลำเนาไพร ทุ่งราบ เครื่องบิน รถไฟ เมืองใหญ่ มามิ้งค์พกหัวใจที่รักในอิสรเสรี พาเราท่องเที่ยวไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว เธอนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ราวกับว่าโลกใบนี้เป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว (แต่ถ้ามีใครอีกคนอยู่ด้วยก็คงจะดีนะ) ตัวเรื่องบอกเล่าสื่อสารด้วยภาพฟิลม์นัวร์ ทำให้เป็น MV ที่มีความแปลกกว่าทุก MV เลย
ด้านเพลง
- เทพีดาวอังคารยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ ทำเพลงแนวใหม่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเพลงใต้ดิน เพราะความแปลกที่โดดเด่นกว่าเพลงของเพื่อนๆร่วมโครงการ โดยครั้งนี้เริ่มมีการใส่จังหวะเข้ามา พร้อมกับใช้เนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ซึ่งบวกกับการเรียบเรียงดนตรีที่อาจจะทำให้ฟังยากอยู่พอประมาน ต้องลองฟังสักหลายรอบ พร้อมดู MV ไปด้วย จึงจะเข้าใจเจตนาที่มามิ้งค์ตั้งใจจะสื่อสารออกมาได้
สรุป
- เป็นเพลงที่แปลกแหวกแนวอย่างแท้จริง เข้าตำราความเป็นอินดี้อย่างถึงที่สุด อินดี้ตั้งแต่นักร้องยัน MV ปิดท้ายโปรเจกต์ซีซั่น 2 นี้ไปได้อย่างดี (เนื่องจากในนี้แปะลิ้งค์ได้ไม่เกิน 10 ดังนั้นเพลงขอแปะคำค้นนะครับ Ytd: "Be here with me | MARMINK Manichar [ Official MV ]"
บทสรุปสู่ก้าวต่อไป
ก็จบกันไปแล้วนะครับ
สำหรับการรีวิว MV เพลงอินดี้ทั้งหลาย
ผู้อ่านท่านใดหากถูกใจเพลงไหน
ชอบ MV ของใคร
หรือว่ารักในศิลปินท่านใด
ก็มาแลกเปลี่ยนบอกเล่ากันได้เลย
*Special Thanks*
“ขอขอบคุณ”
คณะครูอาจารย์ ตลอดจนทีมงาน
ABAC School of Music
ที่นอกจากจะเอื้อเฟื้อสถานที่แล้ว
ยังเป็นหัวใจสำคัญในการทำเพลงของน้องๆ
คอยไกด์ คอยแนะนำแนวทาง
สร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็นตัวเองที่สุด
และมีคุณภาพที่สุดในกรอบเวลาจำกัด
และขอขอบคุณ Independent Records (iR)
ที่ได้จัดตั้งโครงการพิเศษนี้ขึ้นมาเป็นฤดูกาลที่ 2
ซึ่งสร้างเสียงตอบรับที่ดีมากมาย
เป็นโครงการน้ำดีที่ควรส่งเสริม
และหวังใจว่าในอนาคต
จะมีการจัดทำ Season 3 ต่อไปนะครับ
แต่การเดินทางของเหล่าศิลปินทั้ง 11
ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้
เหล่ามิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน
สามารถไปร่วมกันส่งท้ายโครงการ
ในคอนเสิร์ตสุดท้ายอย่าง #TheLastStair
ที่ทุกท่านจะได้ชมการแสดงสุด Exclusive
เสมือนเป็นงานเลี้ยงอำลา
ปิดฤดูกาลนี้ไปด้วยกัน
หากว่าใครกดบัตรทันละก็
พบกันได้นะครับ ฉีดยาแล้ว
เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนเสมอนะ
เหล่าศิลปินดาวรุ่งทั้งหลายเอ๋ย
คอนส่งท้ายเอาให้โฮ่งไปเล้ย! 🎶🎸🎹
โฆษณา