14 มี.ค. เวลา 00:00 • หนังสือ
Bangkok, Thailand

5 คำถามช่วยให้คนในทีมไม่ตีจาก

ช่วงที่ทำงานบริษัท และยังมีนโยบายให้พนักงาน work from home ได้ 2 วันต่ออาทิตย์ เชื่อว่าหลายคนยังอยากทำงานที่บ้านบ้าง
ตอนนั้นจำได้ว่าดีใจทุกครั้งที่ได้พบเจอเพื่อนร่วมงาน หรือคนรู้จักที่คอยช่วยเหลืองานแต่ความดีใจนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพราะจะได้คำทักทายกลับมาว่า
“พี่ครับ ผม/หนูไปแล้วนะ” หรือไม่ จะได้อัพเดทจากคนในทีมนั้นๆว่า “อ้อ! คนนี้เขาลาออกไปแล้ว”
เราก็จะแอบเศร้า เสียดายยังไม่ได้รำ่ลากันเหมือนที่เคยทำ สมัยมาทำงานทุกวัน
การทำงานที่ไม่ค่อยสนิท หรือเจอกันทุกวันเหมือนสมัยก่อนโควิด ก็อาจเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้คนทำงานห่างกัน ดังนั้นบทสนทนา การทักทาย ความเอาใจใส่ก็น้อยลง ส่งผลให้คนทำงานลาออกกันง่ายขึ้น ความผูกพันกับทีมหรือองค์กรก็ดูเจือจาง เป็นเพราะอะไร?
ได้อ่านบทความจาก Harvard Business Review เกี่ยวกับ 5 คำถามนี้ได้เก็บรวบรวมจากการพูดคุยกับพนักงานที่กำลังจะลาออกกว่าร้อยคน ว่า…
ถ้าหัวหน้ามีคำถามเหล่านี้กับพวกเขา ไม่ใช่วันที่ HR มาถามตอนบอกลาออก หรือมาถามตอน Exit interview คงทำให้พวกเขารู้สึกว่าอย่างน้อย ยังมีคนใส่ใจ เข้าใจ และมองว่าเขามีคุณค่ากับองค์กรนี้
มาดูกันคะว่า 5 คำถามนี้มีอะไรบ้าง
1. คุณต้องการเติบโดภายในองค์กรนี้อย่างไร
(How would you like to grow within this organization?)
คำถามนี้แสดงถึงการให้ความสำคัญ การให้โอกาสของคนในทีมในเรื่องการพัฒนาความก้าวหน้าในสายงานที่สามารถผลักดันเขาไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นการโค้ช การมอบหมายงานที่ท้าทาย การสปอนเซอร์ (เวลา โอกาส การเรียนรู้) ฯ
2. คุณรู้สึกว่างานคุณตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตหรือไม่
(Do you feel a sense of purpose in your job?)
การที่คนเราจะทำงานอะไรได้นานๆและมีความสุขต้องหา Golden Circle ให้เจอ (โดย Simon Sinek)
Credit photo: Stefan Lindegaard
นั่นคือ “WHY” (ทำไมถึงทำงานนี้/ทำไมถึงทำที่นี่) รู้สึกว่างานนี้มีความหมายบางอย่างกับชีวิต และหากสิ่งที่ทำโยงเข้าสู่ values (ค่านิยม/ความเชื่อ) ได้อีก ยิ่งทำให้สิ่งที่ทำดูมีคุณค่าและอยากทำมากขึ้นไปอีก
3. คุณต้องการให้ฉันช่วยอะไรที่จะทำให้คุณทำงานนี้ให้ดีที่สุด
(What do you need from me to do your best work?)
คำถามนี้เหมือนใบเบิกทางให้เลยคะ เหมือนมีคนมาช่วยทำให้งานดูง่ายขึ้น แถมสร้างบรรยากาศ “ความปลอดภัย” ให้พนง.รู้สึกกล้าแชร์ข้อมูล อยากนำเสนอไอเดียใหม่ๆ อยากยกระดับงานให้ดียิ่งขึ้น
จริงๆคำถามนี้มีความหมายซ่อนอยู่นั่นคือ “ความใส่ใจ” ของหัวหน้างาน ที่คอยถามไถ่ รับฟัง สนับสนุน ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้เดินทางนี้คนเดียว หรือจะโดนทิ้งกลางทางหรือเปล่า
4. คุณคิดว่าอะไรที่องค์กรเราไม่ได้ทำ ทั้งๆที่ควรจะทำ
(What are we currently not doing as a company that you feel we should do?)
คำถามนี้เหมือนเทส “ความไว้วางใจ” ของทั้งสองฝั่งเลยคะว่า เปิดใจรับฟัง ยอมรับความเห็นต่างกันได้มากแค่ไหน หัวหน้าที่พร้อมเปิดพื้นที่ รับฟังฟีดแบคด้วยใจ ไม่ตัดสิน แล้วนำคำตอบมาพิจารณาว่าควรทำอะไรในมุมพนง.เพิ่มขึ้นอีก หรือเราในฐานะหัวหน้า/องค์กรมองข้ามอะไรไปหรือไม่
ในมุมพนง.รู้สึกได้ใจเลยคะ หากสิ่งที่บอกกลายเป็นสิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรม แต่ถ้าถาม…แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการสื่อสารว่าอะไรทำได้/ทำไม่ได้ก็อาจกลายเป็นผลลบที่ทำให้พนง.หมดใจเร็วยิ่งขึ้นเช่นกัน
5. คุณมีโอกาสได้ทำสิ่งที่คุณทำมันได้ดีในทุกวันหรือไม่
(Do you have the opportunity to do what you do best every day?)
ข้อนี้แอบชื่นชอบเป็นพิเศษเพราะเชื่อว่า…
คนเราจะทำงานได้ดี และมีความสุขก็ต่อเมื่อได้ใช้จุดแข็งของตัวเองกับงานที่ทำอยู่ รู้สึกฟิน สนุก ไฟลุก เพิ่มพลังบวกกับงานที่ทำ
แต่ แต่ แอบน่าเสียดายตรงที่…ไม่แน่ใจว่า “หัวหน้าเคยนั่งคุยกับพนง.บ้างไหมว่าจุดแข็งของเขามีอะไรบ้าง” ที่สำคัญคำถามเหล่านี้จะทรงพลังและมีความหมายต่อเมื่อมีการพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ และใส่วิตามินแห่งความใส่ใจ
Photo by Hannah Busing on Unsplash
เชื่อเลยว่า…น้องคนไหนก็อยากสู้ไปกับพี่ ถึงแม้กายจะห่างแต่เราไม่ห่างใจกันเลยคร้า
Credit: HBR article — 5 Questions every manager needs to ask their direct reports

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา