14 มี.ค. เวลา 10:28 • ปรัชญา

“#ความเกิดเป็นทุกข์”

ธรรมทาน #คำสอนหลวงพ่อ
 
โอกาสนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายได้พากันสมาทานศีลและก็สมาทานพระกรรมฐาน
เสร็จแล้ว ต่อนี้ไปก็ขอให้ทำจิตให้สงบ ตั้งใจฟังคำแนะนำชั่วครู่หนึ่งในขณะที่ฟังคำแนะนำ
นอกจากจะจำแล้ว ขอได้โปรดติดตามไปด้วย
 
การเจริญพระกรรมฐานในพระพุทธศาสนาให้เราต้องการมรรคผลเป็นสำคัญ ไม่ใช่ว่าเราจะ
ทำเป็นเพียงแค่อุปนิสัย แต่ความจริงถ้าได้เป็นอุปนิสัยเข้าถึง“ไตรสรณาคมน์” ก็รู้สึกว่าดี แต่
ทว่าเรายังไม่จำกัดความเกิดได้ เพราะว่า “ความเกิดเป็นทุกข์ ”
พระพุทธเจ้ากล่าวว่า
🌼 “ชาติปิ ทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์
🌼 ชราปิ ทุกขา ความแก่เป็นทุกข์
🌼 มรณัมปิ ทุกขัง ความตายเป็นทุกข์”
ทีนี้ถ้าหากว่าเรามีความเกิด เราเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ติดตามเรามาก็ได้แก่ ความแก่ ความ
ป่วยไข้ไม่สบาย อาการขัดข้องในอารมณ์ แล้วก็มีความพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มี
ความตายไปในที่สุด
 
ทีนี้การเจริญกรรมฐานในพระพุทธศาสนา เราไม่ต้องการความเกิด เพราะถ้ามีเกิดแล้วมันก็
มีแก่ มีเจ็บ มีตาย มีพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีความขัดข้องใจเป็นปกติ อันนี้ “เป็น
อาการของความทุกข์ ”
 
ทีนี้ถ้าเราจะไม่เกิดก็หาวิธีการผ่อน นี่เราคิดว่าเราจะถึงอรหัตผลไม่ได้ภายในปัจจุบันทันด่วน
ก็จงหาทางผ่อนคือวิธีการเกิด หรือเรียกว่าค่อยทำค่อยไป รักษาใจให้สบาย รักษาอารมณ์ให้
ปกติ ทีนี้ถ้าเราไม่ปรารถนาจะเกิด
✳️ “ก็จงคิดถึงความตายไว้เป็นปกติ จงอย่าประมาทในชีวิต เพราะว่าความตายไม่มีนิมิต
เครื่องหมาย”
พระพุทธเจ้ากล่าวกับ “เปสการี” ว่า“ความตายเป็นของเที่ยง แต่ว่าชีวิต คือความเป็นอยู่เป็น
ของไม่เที่ยง สัตว์และคนทั้งหมดที่เกิดมาในโลก ตายเหมือนกันหมดทุกคน แต่ในเมื่อเราตาย
แล้ว ไม่ใช่ว่ามันจะมีสภาพสูญแล้วก็หมดเรื่องกันไป”
คำว่าตายนี่มันตายได้เพียงแค่ “ขันธ์ ๕” จิตของเรามันไม่ได้ตายด้วย ถ้าจิตของเราเลวเราก็
ไปสู่ทุคติ คือ “นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน” ถ้าจิตของเราดี ดีเล็กน้อยก็ไปเกิดเป็น
“มนุษย์” ได้ ถ้าดีมากขึ้นไปอีกหน่อย มี “หิริ” และ “โอตตัปปะ” มีความอายความชั่ว เกรง
กลัวผลของความชั่ว ความชั่วในที่นี้ได้แก่การละเมิดศีล ๕ อย่างนี้เราก็เกิดเป็น “เทวดา” ได้
ถ้าอารมณ์จิตของเราตั้งอารมณ์ไว้เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง ในด้านของกุศลใน “พระกรรม
ฐาน ทั้ง ๔๐ กอง” อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ อารมณ์จิตตั้งมั่นที่เรียกกันว่าฌาน อย่างนี้
เราก็เกิดเป็น“พรหม”
 
ถ้าเราทำตนให้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า คือพระอรหันตผลเป็นที่สุด เราก็ถึง “#พระ
นิพพาน” ถ้าเรายังไม่ถึงพระอรหันต์ เป็นเพียงพระโสดาบัน พระสกิทาคามี อย่างนี้ก็ชื่อว่า
จำกัดการเกิดให้สั้นเข้า ..
===================
จากหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๔๓๓ หน้าที่ ๔๒-๔๓
โฆษณา