17 มี.ค. เวลา 12:00 • หนังสือ

สรุปหนังสือ พันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่

หากว่าเคยอ่านหนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด ของคุณคิมรันโด ที่ได้พูดถึงปัญหาของวัยรุ่น เช่น กังวลอนาคต กดดันตัวเอง แล้วไหนจะเรื่องความรักอีก และรู้สึกว่าจี้จุดมาก ๆ วันนี้จึงอยากให้ลองอ่านหนังสือที่จะมาสรุป ซึ่งเป็นหนังสือของคุณคิมรันโดเช่นกัน นั่นก็คือ พันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร
- ผู้ที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
- ผู้ที่เพิ่งเรียนจบกำลังเข้าสู่วัยทำงาน
- ผู้ที่แสวงหาแนวทางการดำเนินชีวิตในวัยผู้ใหญ่ที่ดี
- ผู้ที่กำลังท้อแท้ในชีวิต ทั้งเรื่องงาน ความรัก ความฝัน
หนังสือเล่มนี้เป็นแนวไหน
คุณคิมรันโด ได้บอกว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือประเภทฮาวทู (how to) ที่สามารถชี้นำแนวทางจนแก้ปัญหานั้นได้เลย แต่เป็นเพียงการเล่าเรื่องราวที่คล้ายกับปัญหานั้น ให้ผู้อ่านตกตะกอนความคิด แก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง และหนังสือเล่มนี้จะต่างจากหนังสือเพราะเป็นวัยรุ่น จึงเจ็บปวด ก็คือ ใส่ความเป็นปรัชญาความรู้เข้าไปและมีวิจัยอ้างอิงในบางหัวข้อนั่นเอง
เนื้อหาของหนังสือ ได้แบ่งเป็น 4 เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต ได้แก่ ชะตาชีวิต งาน ความรัก และความฝัน
พาร์ทที่ 1 Amor fati จงรักในชะตาชีวิตของคุณ
ถ้าพูดถึงโชคชะตา บางครั้งเราจะนึกถึงคนที่เกิดมาด้วยความยากลำบาก ฐานะทางบ้านไม่ดี ครอบครัวที่แตกหัก แม้จะดูเลวร้าย แต่นี่เป็นสิ่งเราไม่ควรเก็บมาเป็นปมด้อยในชีวิต ในหนังสือ ได้ยกตัวอย่าง ผู้ที่เกิดมาด้วยความลำบากครอบครัวหนึ่ง แม่ป่วย พ่อก็ชวนทะเลาะ พี่ชายใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ทำให้น้องชายคนนี้กลายเป็นเสาหลักของบ้าน จนทำให้มีความคิดว่าจะจบชีวิตหลังจากที่แม่เสีย
เมื่อคุณคิมรันโดได้ฟัง จึงกล่าวประโยคหนึ่งซึ่งเป็นภาษาละตินว่า Amor fati จงรักในชะตาชีวิตของคุณ แม้เป็นคำที่ดูเหมือนจะไม่ช่วยปลอบโยนได้ดี แต่เชื่อเถอะว่าหากเราอดทน ผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ ชะตาชีวิตที่เลวร้ายจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและคอยเป็นล้อเกวียนที่คอยผลักดันให้ตัวเราก้าวหน้า
ถ้าคิดว่าเป็นความผิดของคนอื่น แค่หิมะบนร่มก็ยังรู้สึกหนัก
ถ้าคิดว่าเป็นหน้าที่ของตัวเอง แม้เหล็กที่อยู่บนบ่าก็ยังรู้สึกเบา
หนังสือ พันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่
1
สำหรับคนที่คิดจะลาออกจากงานเพื่อที่จะมาทำตามความฝัน อย่างการทำธุรกิจส่วนตัว หนังสือให้ข้อคิดได้ดีมาก คือ ทบทวนตัวเองให้ดีว่าจริง ๆ แล้วเราอยากทำตามความฝันหรือเราไม่มีความอดทนต่องานที่ทำเลยอ้างว่าอยากไปทำตามความฝันกันแน่ ถ้าหากการทำงานในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาตัวเองในด้านหนึ่ง เมื่อเราเก็บเกี่ยวสิ่งนั้นหมดแล้ว นี่จึงสามารถเป็นเหตุผลที่ดีในการลาออกได้
ถึงคนที่ลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาตลอด แต่ยังไม่เห็นการเจริญเติบโตที่สวยงาม ลองมาฟังเรื่องของต้นไผ่เหมาจู๋ ที่ 5 ปีแรกหลังจากหว่างเมล็ดพันธ์จะไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด ๆ จนกระทั่ง 5 ปีต่อมาจะเจริญอย่างรวดเร็วสามารถสูงได้เกือบ 25 เมตร เพราะตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมาไผ่เหมาจู๋กำลังหยั่งรากอยู่ใต้ดิน เมื่อถึงเวลาก็จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
จงเป็นตัวของตัวเอง ในบทนี้พูดถึงคนที่ทำตามกระแสจนหลงลืมความเป็นตัวเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดกันมาแล้วหลายรอบมากในเพจ เพราะเรารู้สึกว่าคนสมัยนี้มักจะชอบทำตามผู้อื่น ซื้อของตามคนอื่น แต่สิ่งที่ได้คือสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเอง ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างการซื้อหนังสือตามกระแสเมื่อซื้อมาอ่านกลับพบว่าไม่ชอบ ก็เลยรีวิวในด้านลบอย่างนี้เป็นต้น
พาร์ทที่ 2 คนหนุ่มสาวจงก้าวไปสู่โลกภายนอก
ยอมรับความล้มเหลว บางครอบครัวเลี้ยงลูกให้เติบโตมาโดยไม่ให้รู้จักคำว่าล้มเหลว เมื่อโตมาเจอเหตุการณ์หนักเข้าบางครั้งก็ไปไม่เป็นเลยทีเดียว ดังนั้นสีสันของชีวิตมันจำเป็นต้องสัมผัสการล้ม ลุก คลุกคลานกันบ้าง
การเลือกเส้นทางชีวิตแต่ละครั้งล้วนให้ผลลัพธ์ที่แตกต่าง หนังสือยกตัวอย่างการเล่มหมากล้อม หากผู้เล่นเดินหมากอีกทาง ก็จะกลายเป็นหมากล้อมอีกกระดานหนึ่ง ซึ่งอาจแพ้หรือชนะก็ได้ สิ่งที่หนังสืออยากกล่าวคือ อย่ามัวเสียใจอยู่ ความผิดหวังครั้งนี้อาจกลายเป็นจุดพลิกผันให้เราสง่างามในวันข้างหน้า
เงินกับงาน เลือกสิ่งไหนดี เชื่อว่าเด็กจบใหม่ก็มีความลังเลอยู่ไม่น้อยระหว่าง งานที่ให้เงินเยอะแต่ชีวิตอยู่ที่เดิมกับงานที่งานที่ให้เงินน้อยแต่เป็นงานที่สร้างแรงบันดาลใจ ในหนังสือได้กล่าวว่า สิ่งสำคัญไม่ใช่รายรับที่มากขึ้นหรือน้อยลงแต่เป็นความสนุกที่ได้รักงานที่ทำและค่อยๆเติบโตไปเรื่อยๆ อ่านมาถึงตรงนี้หวังว่าคงจะตีความกันได้ ตัวอย่างของใครหลายๆคนที่เลือกเดินตามสิ่งที่รัก เช่น นักร้อง นักแสดง นักเขียน เป็นต้น
พาร์ทที่ 3 จงพบ จงรัก และจงใช้ชีวิต
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ ครอบครัว อย่างเรื่องการแต่งงานทุกคนมีมุมมองที่แตกต่างออกไป คำหนึ่งที่หนังสือพูดคือ “อิสระแต่โดดเดี่ยว” ก็คือถ้าคุณเลือกเป็นโสดคุณจะมีอิสระ แต่คุณจะโดดเดี่ยว ถ้าคุณเลือกที่จะแต่งงานคุณจะคนข้างกาย แต่คุณต้องแลกกับความเป็นอิสระ
เรื่องของการเลือกคู่ครอง บางคนเลือกจากฐานะสมกัน บางคนเลือกที่หน้าตา บางคนเลือกจากหน้าที่การงานดี ส่วนนี้ล้วนเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล แต่สิ่งที่หนังสือเสนอแนะก็คือ ให้ดูรูปร่างภายนอกและนิสัยใจคอ เพราะเราแต่งงานเพื่อให้ชีวิตมีความสุข หากเราเลือกแต่งด้วยเพราะเงินทองวันใดวันหนึ่งที่เงินไม่สามารถให้ความสุขได้วันนั้นก็จะเป็นวันสิ้นสุดของความรัก
ทำดีกับคนไกลตัว ทำชั่วกับคนใกล้ชิด ประโยคนี้เป็นกันหลายครอบครัว ในเวลาที่ออกจากบ้านไปทำงานแน่นอนอยู่แล้วว่าเราต้องมีมารยาทต่อผู้อื่น แต่ทำไมเมื่อกลับมาบ้านเราไม่ค่อยมีมารยาทกับคนที่บ้านเลย นั่นเป็นเพราะเราไว้ใจว่าคนที่เราอยู่ด้วยทุกวันจะรับอารมณ์ที่ไม่ดีของเราได้ตลอด แต่เชื่อมั้ยว่าการทำแบบนี้ย่อมส่งผลเสียอย่างแน่นอน ถ้าหากเรารู้ตัวว่ากำลังทำแบบนี้อยู่ก็ลองปรับพฤติกรรมดู หัดแสดงความรักแก่กันและกันบ้าง
พาร์ทที่ 4 แด่คุณที่กำลังฟื้นคืนชีพ
เป็นเรื่องราวที่ปลุกคุณคนเดิมที่เคยมีความฝัน แต่วันนี้กลับลืมเลือนมันไป จริงๆแล้วความฝันไม่ได้หนีเราไปไหน แต่เราต่างหากที่กำลังเดินหนีความฝัน จริงหรือไม่ลองไปคิดกันดู
ความเสียดายต่อความฝันมีอยู่ 2 อย่าง คือ เสียดายที่ไม่ได้ลงมือทำกับเสียดายที่ทำมันไม่สำเร็จ ความเสียดายแรกส่งผลต่อเรามากพอสมควร เพราะเราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ทำเป็นอย่างไรถ้าเทียบกับความเสียดายที่ทำไม่สำเร็จ เพราะหากเราทำแล้วแต่ไม่สำเร็จตัวเราขณะนั้นก็จะหาสิ่งใหม่มาทดแทนความรู้สึกเสียดายนั้นนั่นเอง
สุดท้ายแล้วเส้นทางสู่ความสำเร็จก็คือ การยอมรับความผิดพลาดและการประมาณตน เส้นทางชีวิตแม้จะไม่ได้ราบรื่น เราจึงต้องรีบเร่งเพื่อที่จะประสบความสำเร็จแต่สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ลองลดความเร็วลงบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะการไล่ล่าความสำเร็จก็จำเป็นต้องได้พักบ้าง
ก็จบเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการสรุปหนังสือพันครั้งที่หวั่นไหวกว่าจะเป็นผู้ใหญ่ ที่พูดถึง โชคชะตาชีวิต ความรัก การงาน และความฝันในวัยผู้ใหญ่ แม้จะไม่ใช่หนังสือที่เป็นแบบฮาวทูแต่ก็เป็นหนังสือที่ให้ผู้อ่านใช้ความคิดของตัวเอง ตัดสินใจแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง
หวังว่าการสรุปหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน หนังสือเล่มต่อไปจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ติดตามได้ในวันอาทิตย์หน้า แล้วเจอกันค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา