21 มี.ค. เวลา 08:04 • สุขภาพ

คอลลาเจนรักษาสิว ตัวช่วยบำรุงผิวใสไร้รอยสิว

หนึ่งในปัญหาผิวหน้าที่หลายคนพบเจอจนท้อ และถอดใจในการรักษา คือ ปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว หรือบางคนมีการรักษารอยสิวที่ผิดวิธี ส่งผลให้เกิดเป็นจุดด่างดำฝังลึก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว สามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ เนื่องจากร่างกายมีการผลิตคอลลาเจน และช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก รวมถึงเซลล์ผิวบริเวณรอยดำ รอยแดง ด้วยเช่นกัน
  • มัดรวม! วิธีรักษารอยแดง และรอยดำจากสิว ทำตามนี้ผิวดีขึ้นแน่นอน
  • ไม่ควรแกะ บีบ กดสิวด้วยตัวเอง และไม่ควรนำมือสัมผัสหน้า
เชื่อว่าหลายคนอ่านมาถึงข้อนี้คงจะห้ามใจได้ยาก แต่เชื่อเถอะว่าวิธีนี้ช่วยได้จริง ๆ ซึ่งข้อสำคัญของการรักษา และไม่เพิ่มรอยสิวให้มากกว่าเดิม คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ และแกะสิว เนื่องจากเป็นการกระตุ้นเนื้อเยื่อผิวหนัง และอาจทำให้รูขุมขนอักเสบ ส่งผลให้ระยะเวลาในการรักษารอยสิวนาน และหายช้ากว่าเดิม
  • ใช้แผ่นมาส์กหน้า (Sheet Mask) บำรุงผิวในช่วงกลางคืน
การใช้แผ่นมาส์กหน้า เป็นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและเร่งด่วน ที่สามารถทำได้ทุกวัน แนะนำให้ลองเลือกสูตรที่ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยใช้สลับกับมาส์กหน้าสูตรรักษาสิว จะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง และรอยดำรอยแดงดูจางลง แต่การเลือกซื้อแผ่นมาส์กหน้าให้เลี่ยงมาส์กที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม เพื่อป้องกันการแพ้ระคายเคือง
  • ใช้ครีมบำรุงช่วยลดรอยแดง รอยดำจากสิว
การเลือกใช้ครีมบำรุงผิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะ และควรดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวควรที่มีส่วนผสมของ วิตามิน C คอร์ติโซน กรดแอสคอร์บิก อาร์บูติน เซราไมด์ วิตามิน B3 หรือไนอะซิน เป็นต้น โดยส่วนผสมเหล่านี้มีส่วนช่วยในการลดภาวะการอักเสบของผิวหนัง ทำให้รอยสิวจางลง แต่วิธีนี้จำเป็นต้องใช้ระยะเวลา และการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ควรปรึกษาเภสัชกรทุกครั้งก่อนซื้อยา เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวให้มากที่สุด
  • สครับหน้าสัปดาห์ละครั้ง
การสครับหน้าช่วยรักษารอยสิวได้ เพราะเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไปอย่างอ่อนโยน ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ซึ่ง Glory จะมาแจกสูตรทำสครับผิวหน้าด้วยส่วนผสมธรรมชาติ คือ น้ำตาลทรายแดง โยเกิร์ต และน้ำมะนาว ผสมรวมกันจะช่วยขจัดเซลล์ผิว และเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดี อย่างไรก็ตาม การสครับผิวหน้าไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบ เพราะอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคือง และกระตุ้นให้สิวอักเสบมากขึ้น
  • ทานวิตามิน หรืออาหารผิว ช่วยบำรุงจากภายในสู่ภายนอก
การใช้อาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน หรือคอลลาเจนรักษาสิวสามารถช่วยรักษารอยสิวได้ แต่การทานอาหารเสริมอาจต้องใช้ความสม่ำเสมอ และระยะเวลาในการเห็นผลอย่างน้อย 1-2 เดือน จะช่วยให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใส
  • เลเซอร์รักษารอยสิว
การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ สามารถทำได้ทั้งรอยดำ รอยแดง และหลุมสิว ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่เห็นผลเร็วมากที่สุด เพราะแสงจากเลเซอร์สามารถเข้าถึงผิวหนังชั้นบน และชั้นกลางได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้น แต่การเลเซอร์ลดรอยสิวควรทำติดต่อกัน 2-3 ครั้งขึ้นอยู่กับจำนวน และความเข้มของรอยสิว
ขอบคุณข้อมูลจาก https://gloryofficialth.com/
โฆษณา