Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Rimping Supermarket
•
ติดตาม
26 พ.ค. 2024 เวลา 12:00 • อาหาร
Rimping Supermarket NimCity Branch
ไขข้อสงสัย “โซจู” (Soju) และ “โชจู” (Shochu) แตกต่างกันอย่างไร
ในวัฒนธรรมเกาหลีและญี่ปุ่น การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมการกินดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่การออกเดต ดังที่เรามักจะเห็นตามในซีรี่ย์ หรือรายการทีวีต่าง ๆ ทั้งนี้เครื่องดื่มยอดนิยมที่เรามักจะเห็นกันบ่อย ๆ นั่นก็คือโซจู (Soju) จากประเทศเกาหลีและโชจู (Shochu) จากประเทศญี่ปุ่น
History of Soju from Korea
โซจู (Soju) เป็นเครื่องดื่มดั้งเดิมของเกาหลีที่มีประวัติยาวนานมาหลายศตวรรษ ต้นกำเนิดที่แท้จริงของโซจูค่อนข้างคลุมเครือ แต่เชื่อกันว่าเครื่องดื่มชนิดนี้เกิดขึ้นระหว่างการรุกรานของมองโกลในศตวรรษที่ 13 ชาวเกาหลีได้รับวัฒนธรรมนี้มาจากชาวมองโกล และชาวมองโกลก็ได้รับภูมิปัญญาในการกลั่นเหล้ามาจากชาวอิรักอีกที ซึ่งเครื่องดื่มชนิดนี้จะเรียกว่า “อารัก” (arak)
ชาวเกาหลีนำเครื่องดื่มชนิดนี้มาพัฒนาเป็นโซจู เดิมทีการผลิตจะใช้ข้าวเป็นหลัก แต่เนื่องจากภาวะสงครามข้าวเริ่มหายาก จึงได้เปลี่ยนวัตถุดิบมาใช้มันหวาน ข้าวโพด และมันสำปะหลังแทน ในอดีตนิยมดื่มเพื่อคุณสมบัติทางยา แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มได้รับความนิยมในฐานะเครื่องดื่มเพื่อการสังสรรค์และกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมเกาหลี
ในช่วงราชวงศ์โชซอน (1392-1910) การผลิตโซจูมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยนำกระบวนการกลั่นเข้ามาใช้ในการผลิต การกลั่นแบบดั้งเดิมนี้จะทำในหม้อดินเผาขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “การาเอะ” (Garae) ทำให้ได้เครื่องดื่มที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รสชาตินุ่มนวลและหอมหวาน นอกจากนี้การทำโซจูจะต้องเติมจุลินทรีย์ที่เรียกว่า “นูรุก” (Nuruk) ลงไปด้วย
อย่างไรก็ตามด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ปัจจุบันการผลิตโซจูสมัยใหม่จึงได้เปลี่ยนไปใช้หม้อกลั่นสแตนเลสแทน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาโซจูกลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากวัฒนธรรมป๊อปเกาหลี (K-pop) ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ที่ทำให้อาหารและเครื่องดื่มของเกาหลีกลายเป็นที่รู้จักตามไปด้วย
ด้วยเหตุนี้เองโซจูจึงถูกพัฒนาให้มีรสชาติที่ดื่มง่ายมากขึ้น โดยการเติมกลิ่นผลไม้ลงไป เช่น โซจูรสพีช โซจูรสสตรอว์เบอร์รี่ โซจูรสองุ่น โซจูรสโยเกิร์ต และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อตอบสนองต่อรสนิยมของผู้บริโภคในยุคใหม่ โดยปกติแล้วโซจูจะนิยมดื่มแบบเพียว ๆ หรือดื่มแบบผสมเบียร์ เรียกว่า โซแมก (มาจากคำว่า โซจู + แมกจู ที่แปลว่าเบียร์)
History of Shochu from Japan
ในทางกลับกัน โชจู (Shochu) ของญี่ปุ่นก็มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจพอ ๆ กัน โดยต้นกำเนิดของโชจูสามารถย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 กล่าวกันว่าพ่อค้าชาวโปรตุเกสเป็นผู้นำศิลปะการกลั่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาสู่ญี่ปุ่น โดยมีหลักฐานเป็นภาพเขียนสลักบนไม้ปี ค.ศ. 1559 ในศาลเจ้าในเมืองโอกุชิ จังหวัดคาโกชิมะ
ในอดีตโชจูถือเป็นเครื่องดื่มล้ำค่า เนื่องจากทำมาจากข้าวและอ้อย ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีราคาแพงในสมัยนั้น ต่อมาเมื่อมีคนนำมันหวานจากอเมริกาใต้มาปลูกที่เกาะคิวชูในปี ค.ศ.1705 ชาวญี่ปุ่นจึงเปลี่ยนมาใช้มันหวานในการผลิตแทน ทำให้โชจูมีราคาถูกและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็มีการใช้วัตถุดิบอื่น ๆ มาใช้ร่วมด้วย เช่น มันเทศ ข้าวบาร์เลย์ และบัควีท ทำให้โชจูมีรสชาติและรูปแบบที่หลากหลาย โดยการทำโชจูจะแตกต่างจากโซจูของเกาหลีคือใช้จุลินทรีย์ที่เรียกว่า “โคจิ” ในการหมัก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาโชจูก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกประเทศ ด้วยรสชาติที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน อีกทั้งยังพัฒนาให้มีรสชาติที่หลากหลายเช่นเดียวกับโซจู ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ได้มากขึ้น เช่น โชจูยูซุ โชจูลิ้นจี่ และโชจูชาเขียว เป็นต้น
แม้ว่าโซจูและโชจูจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่อย่างไรก็ตามเครื่องดื่มทั้งสองชนิดก็ได้พัฒนาเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันภายในวัฒนธรรมของตนเอง โดยโซจูได้ฝังลึกอยู่ในกิจกรรมทางสังคมของเกาหลีที่มักจะชอบดื่มกันในช่วงเทศกาล งานสังสรรค์ในครอบครัว และการประชุมทางธุรกิจ สามารถพบได้ทั่วไปตามร้านอาหารริมทาง
ส่วนโชจูของญี่ปุ่นได้รับการเลื่องลือว่าเป็นเครื่องดื่มชั้นเลิศ เพื่อลิ้มรสอย่างช้า ๆ มักจะพบได้ตามอิซากายะ (บาร์ญี่ปุ่น) เสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารแบบดั้งเดิม ตามปกติแล้วโชจูจะนิยมดื่มแบบเพียว ๆ และดื่มกับน้ำแข็ง แบบ On the rock
ปัจจุบันทั้งโซจูและโชจูได้ก้าวข้ามขอบเขตในประเทศของตัวเองจนได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งสะท้อนถึงประเพณี วัฒนธรรม และคุณค่าทางสังคม ที่สืบทอดกันมายาวนานกว่าหลายศตวรรษ อีกทั้งยังสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพราะเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ได้รับการพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับรสนิยมที่เปลี่ยนไป ทำให้เข้าถึงคนยุคใหม่และนักดื่มอีกหลายประเทศทั่วโลก
ความรู้รอบตัว
ประวัติศาสตร์
อาหาร
1 บันทึก
5
1
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย