7 เม.ย. เวลา 02:13 • ความคิดเห็น
กรุงเทพมหานคร
เนื่องว่าเราไม่อยากเกิดบ่อยๆ ไม่อยากให้จิตของเรา กายของเราต้องมีภาระ มีอารมณ์ทะเยอยานไปคล้องเวรกรรมกับวัตถุสิ่งของมากมายก่ายกอง เราอยากรู้จักตัวตนของเราที่อาศัยอยู่ในกายนี้ ที่มันมีลมเข้าลมออก มีวิญญาณทั้งหก ที่ไปดึงเอาเรื่องราวต่างๆ เข้ามาในกาย ..เราก็พยายาม ดูรอยขององค์พระสิทธัตถะ ท่านเกิดในที่สถานที่มีทรัพย์สินเงินทอง มียศฐานบรรดาศักดิ์ ได้เรียนรู้ศาสตร์ มีอาจารย์ให้ความรู้มากมาย แต่ทำไม ท่านเห็นอะไร ถึงหนีออกจากเวียงวังไปอยู่ป่า หนีพ่อหนีเมียหนีข้าทาสบริวาร ไปอยู่ป่าคนเดียว
ท่านไปทำอะไรอยู่ในป่า นั่งในป่า ที่ห้อมล้อมด้วยสิงสาราสัตว์ ยิ่งเป็นป่าสมัยก่อน มีแต่สัตว์ที่ดุร้ายทั้งนั้น อาหารการกินท่านทำอย่างไรจึงอยู่รอด จากเป็นเจ้าชายมี ข้าทาสบริวารไปอยู่ป่าด้วยเสื้อผ้าขุดเดียว มีไม่มีใครหรือ ข้าทาสบริวาร ไปจัดหาอาหารให้ไปจัดที่หลับที่นอนให้ ท่านไปอยู่ป่า นอนกับใบไม้แห้งๆ นอนกับพื้นดิน
.จากเจ้าชายไปนอนกับดินใบไม้แห้ง มันทำได้ง่ายมั้ยน่ะ ฝนตกแดดออก ก็นั่งตากฝน ห้าร้องฟ้ผ่าลงมารอบกาย จะนั่งนิ่งได้มั่ย จะรักตัวกลัวตาย นั่งนิ่งต่อไปมั้ย โดยไม่ขยับเขยื้อนเรือนกายมันจะตายที่ไหนก็ชั่งมัน นั่นเป็นเรื่องราวของจิตที่มีขันติเป็นบารมี จึงสามารถกระทำได้ สะสมปัญญาธรรมมามากจึงทำได้ จิตน้อยๆ จิตหิ่งห้อย มีกายที่ไม่สะสมบุญกุศลบารมีมาดีทำไม่ได้หรอก
พอท่านสำเร็จบรรลุธรรมเป็นพระอรหันตสัมมาสัมทุทธเจ้า ก็มีทั้งเศรษฐีทั้งเจ้าชาย ทิ้งยศอำนาจวาสนาเงินทอง ไปอยู่ป่า ท่านเห็นอะไร ทำไมถึงทิ้งในสิ่งที่คนทั่วไป นิยมอยากได้ ทรัพย์สมบัติเงินทอง อำนาจวาสนา คนร่ำรวยก็ไม่จักพอ คนจนก็ดิ้นรนอยากร่ำรวย ที่จนที่รวยมันมาจากเรื่องราวอะไรกัน ที่เกิดมามีอาการครบสามสิบสิงหรือไม่ครบสามสิบมันมาจากเรื่องราวอะไร ทำไมต้องเกิดมามีกายให้มันแต่ตายไป
เรื่องราวของคำถามแบบนี้ มันเป็นเรื่องราวของการเสาะแสวงหา หาทางหลุดพ้นยุติการเกิด คนที่ไม่มีความเชื่อว่า ตายแล้วไม่สูญ เค้าคงไม่กระทำ ง คนที่เค้าเคยสะสมบุญกุศลมาดี มีเรื่องราวในอดีตที่เคยสะสมมา เค้าก็เกิดมาสร้างบุญกุศลหนีกรรมต่อ
เพราะในกายที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมได้ ต้องอาศัยอาศัยกายพ่อแม่ที่ดีแข็งแรงอาการคบสามสิบสอง จึงจะสามารถใช้กายนี้ ..มาชำระสะสาง ปฏิบัติธรรม .ขึ้นมา อาศัยจิตที่สร้างขันติขึ้นมา เป็นขันติบารมีขึ้นมาได้
การประพฤติปฏิบัติธรรม .เค้าย่อมหลบหลีก หนีเรื่องราวของโลก เค้าปลีกตัวไปหาที่สงบ นั่นนิ่งๆ จิตนิ่งๆ เพื่อจับตนค้นตน ในสิ่งที่อยู่เกิดขึ้นในกาย ละลายอารมณ์นึกคิดต่างออกไป เวทนาต่างๆก็นั่งนิ่งๆเฉยๆ จิตเฉยๆ ละอายทุกข์นั้นไป ด้วยความขันติของจิต จิตที่ฝึกหัดมาดีแล้ว จึงสามารถกระทำได้ นั่งนิ่งจิตนิ่งไม่นึกคิดอะไรเลย ให่จิตเป็นธรรมหลุดพ้นไป
กิริยาของการยืนเดินนั่งนอน ในรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีอารมณ์นึกคิดอะไร ไม่ยึดถืออะไรทั้งนั้น..ฟังดูเป็นของง่ายๆ ..น่าทำได้ ..แต่ว่าจิตที่ไม่มีบุญกุศลบารมีมา ..จำทำได้มั้ยหนอ..
สิ่งที่มันหน้ากลัว ที่ต้องสร้างบุญกุศลบารมี สะสมไปกับจิตเมื่อไม่มีกาย ..จิตต้องการที่อาศัย จะมีกาย ต่อไปเป็นอย่างไร ก็เหมือนที่ว่า กุศลอกุศลที่สะสมมาเมื่อมีกายมีลมหายใจอยู่ ใช้กายวาจาใจอย่างไร ใช้อารมณ์กรรมอย่างไร
ธาตุทั้งสี่จะไปประกอบให้ตามอัตตา ที่ตนเองยึดมา ยึดอารมณ์โลภโกรธหลงเป็นสรณะ ก็ต้องเกิดๆตายๆ มีสังขารมีรูป มีขันธ์ห้า รูปต่างๆมากมายก่ายกอง .ที่ตาเราเห็นและไม่เห็น แค่รูปหมาหมากาไก่มดปลวก ช้างม้าวัวควาย กุ้งหอยปูปลา ก็มีจิตไปอาศัย จิตไปอยู่ในรูปนั่น กว่าจะได้มีกายเป็นบุญมนุษย์ ..ไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกยาวนานแค่ไหน เป็นโกฏเป็นกัปป เวียนว่ายตายเกิด ในรูปกรรมต่างๆ แล้วมันสุขหรือทุกข์ ของจืตที่เวียนว่ายเกิดไปอาศัยในรูปของกรรมนานาชนิด
โฆษณา