10 เม.ย. เวลา 04:21 • หนังสือ

ข้อคิดดีๆจาก “ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก”

ก่อนที่จะไปอ่านเล่มสองที่ชื่อว่า “ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก ในวันที่คุณทกโกไม่อยู่” มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้กันก่อน !
TokTaKorn - ตกตะกอน
สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านเล่มแรกอย่าง “ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก”
ตกตะกอนจะพาทุกคนเข้าสู่วรรณกรรมแนวอบอุ่นหัวใจ ที่จะทำให้ทุกคนได้เติมพลังกับชีวิตไปกับชายไร้บ้านที่ได้รับโอกาสให้มาทำงานในร้านสะดวกซื้อของหญิงชราท่านหนึ่งที่เขาได้เคยช่วยเหลือไว้หลายครั้ง
พร้อมกับเรื่องราวของลูกค้าและพนักงานที่ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนก้าวเข้ามา ณ ที่ร้านแห่งนี้ ดั่งการเติมน้ำมัน ซ่อมรถ ให้พร้อมที่จะออกเดินทางเหมือนกับร่างกายและจิตใจจากชายไร้บ้านคนนี้นั่นเอง
คิมโฮย็อน เขียน
มินตรา อินทรารัตน์ แปล
“ทุกการเติบโต ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง”
บางทีเราต้องสละที่ที่อยู่ ณ ปัจจุบัน แม้จะมีคุณค่าของความสบายใจมากแค่ไหนก็ตาม เพื่อตอบรับโอกาสใหม่ที่ตอบสนองกับความต้องการในชีวิตมากกว่า
ไม่ว่าผลของการเปลี่ยนแปลงจะออกมาสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ทุกผลลัพธ์ล้วนทำให้ได้บทเรียน และเรียนรู้ไปกับบทเรียนนั้นๆ เพื่อเติบโตไปอย่างน้อยอีกหนึ่งก้าวในชีวิต
“จงเป็นผู้ฟัง”
การที่มีคนแค่มารับฟังปัญหา โดยไม่ต้องบอกวิธีแก้ คำพูดดีๆ กลับไป ก็จะทำให้สิ่งที่ไม่สบายใจจากข้างในทุเลาลงได้เช่นกัน
เวลาที่มีใครสักคนมาเล่าถึงเรื่องราวอนน่าทุกข์ใจของเขาให้เราฟัง นั่นสื่อถึงว่า เรา คือพื้นที่ปลอดภัยของเขาแล้ว แค่เราลองเงียบแล้วทำหน้าที่ฟังอย่างตั้งใจ โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดหรือคำแนะนำดีๆบอกเขากลับไปก็ได้
(ถ้ามีคำพูดหรือคำแนะนำที่ดี ก็ดี
แต่ถ้าไม่มีก็ดีเช่นกัน)
“ผลัดกันพูด ผลัดกันฟัง”
คล้ายคลึงกับข้อที่แล้ว (จงเป็นผู้ฟัง) แต่แตกต่างกันที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างคนต่างอยากจะตอบโต้กัน
ไม่วาจะเป็นความสัมพันธ์แบบ พ่อ-แม่ ลูก , เพื่อน , พี่-น้อง หรือแม้แต่คนรัก แน่นอนว่าทุกๆความสัมพันธ์ ล้วนมีเรื่องที่มีความเห็นไม่ตรงกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ แต่ขอให้ตระหนักรู้ไว้เสมอว่า “ถ้ามีอีกคนพูด อีกคนหนึ่งต้องฟัง” เพราะไม่อย่างงั้นความไม่เข้าใจที่เกิดขึ้น มักจะไม่ได้ถูกแก้ไขด้วยเหตุผล แต่จะเป็นอารมณ์ที่ทำหน้าที่แก้ไขปัญหาที่ไม่มีท่าทีจะดีขึ้น
ฉะนั้น เมื่อเราทำตามอย่างที่บอกไปข้างต้นแล้ว เราก็จะรู้และเข้าใจถึงปัญหาระหว่างเราที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
“อยากเยียวยาจิตใจ ให้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว”
เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอเรื่อง toxic เข้ามาในแต่ละช่วงเวลาในชีวิต หนึ่งในสิ่งที่เยียวยาจิตใจได้ดีที่สุด คือ “การใช้เวลาอยู่กับครอบครัว”
นั่งกินข้าวด้วยกัน นั่งดูทีวีรายการโปรดกับพ่อแม่ หรือดูกับลูกๆ พลางพูดคุยไปด้วยกัน สิ่งที่เราเรียกมันว่า toxic ที่คิดว่าตอนแรกจะเอามันออกไปไม่ได้ ก็จะค่อยๆเดินออกไปจากจิตใจเราเอง เพราะถูกแทนที่ด้วยการใช้เวลาอยู่กับครอบครัวแล้วนั่นเอง
ขอเสริมเรื่องการพูดคุยกัน สมัยนี้เราคุยกันไ้ง่ายมากเพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งถึงโดยใช้เวลาไม่กี่วินาที แต่ก็จะไม่รับรู้อารมณ์ ความรู้สึก ที่แท้จริงของผู้ส่งสาร…บางทีเราถามไปว่า “โอเคไหม?” เขาก็จะตอบกลับมาว่า “โอเค” แล้วบทสนทนาต่อจากนั้นก็จะดูแปลก ถามคำตอบคำ แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งเป็นการโอเคที่ไม่โอเคได้เหมือนกัน
ดังนั้นแล้วจึงอยากชักชวนทุกคน ลองหันกลับมาพูดคุยกันในชีวิตจริงมากกว่าคุยกันผ่านทางตัวหนังสือในโทรศัพท์ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดและเข้าใจกันได้มากยิ่งขึ้น
“เริ่มใหม่ได้เสมอ”
หากกำลังจะถอดใจกับอะไรสักอย่างในชีวิตที่พยายามทำมาเท่าไหร่ ก็ไม่สำเร็จเสียที ขอให้ลองปล่อยใจให้ตัวเองอยู่กับปัจจุบัน บางทีสิ่งที่เรากำลังตามหาคำตอบ อาจจะอยู่เพียงแค่ข้างหน้าของเรานี้เอง
เคยมีคนบอกไว้ว่า…
“เหมือนเราอยู่หน้าภูเขา ยิ่งอยูใกล้ภูเขามากเท่าไหร่ ภูเขาก็จะยิ่งใหญ่มาก
แต่พอเราลองถอยหลังออกมาทีละหนึ่งก้าว ภาพภูเขาที่เคยเห็นว่ามันใหญ่ ก็จะยิ่งเล็กลง”...ปัญหาที่เราเจอก็เหมือนกัน ลองพักเบรค ให้ตัวเองไปทำอย่างอื่นที่เราชอบ เช่น กินขนมอร่อยๆ ออกไปสูดอากาศด้านนอก
แล้วพอดีขึ้นเมื่อไหร่ ค่อยกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่เคยจะถอดใจไป แล้วเราก็จะเริ่มใหม่อีกสักตั้งได้เอง
“แม่ ก็คือแม่”
คนในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ก็ได้ ใครก็ตามที่ท่านได้เลี้ยงดูเรามา จะทะเลาะหรือไม่ลงรอยกันเวลาพบหน้า ท่านก็จะมีบาง moment ที่เราสัมผัสได้ถึงความห่วงของเขาที่มีต่อเรา
ดังนั้นลองสักหนึ่งครั้งที่เราวางทิฐินั้นลง และฟังคำบอก คำตักเตือนของท่านดูบ้าง
“อยู่กับตัวเองให้ได้ แม้จะไม่มีใครอยู่ข้างๆก็ตาม”
ในวันที่เหนื่ยล้าทั้งใจและกาย อยากหันไปแล้วเจอคนให้กำลังใจ ขอให้เตือนใจตัวเองไว้เสมอว่า “ไม่เป็นไรเลย เรายังมีตัวของเรานี้ ที่ยังคอยส่งกำลังใจให้อยู่เสมอ”
พูดง่าย แต่ทำยากใช่ไหม แต่ลองค่อยๆทำไปทีละขั้นโดย ยอมรับกับอดีตที่ผ่านมา เรียนรู้ผลลัพธ์ที่เป็นบทเรียน และปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นต่อไป
“จงแบ่งปัน”
ยิ่งไปกว่าการได้ช่วยเหลือตัวเองให้ดีขึ้นได้แล้ว ก็คือการได้ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้เขาตกอยู่กับเหตุการณ์อันเลวร้ายเหมือนกับอดีตของเรา จะดีกว่าไหม ถ้าหากเรามีโอกาสในการช่วยเหลือคนอื่นด้วยการแนะนำ สิ่งที่เราอยากทำ แต่ไม่ได้ทำแล้วเสียใจทีหลังในปัจจุบัน
ทั้งหมดทั้งมวลที่ตกตะกอนกันไปแล้ว แต่ละคนล้วนมีสิ่งที่ต้องเผชิญในรูปแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะผ่านมันไปได้ยากเย็นแค่ไหนก็ตาม ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ขอให้ใช้ชีวิตที่หลืออยู่ด้วย…
การยอมรับและเข้าใจกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว
การแบ่งปัน
และอย่ายอมแพ้
แล้วจิตใจและร่างกายที่เคยหมดแรง จะถูกเยียวารักษาให้ดีขึ้นได้อีกครั้ง เหมือนกับคุณทกโก ลูกค้า และพนักงานร้านสะดวกซื้อแห่งนี้
-TokTaKorn-
ตกตะกอน
โฆษณา