14 เม.ย. เวลา 13:52 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

"หลานม่า" ภาพยนตร์ดราม่าที่เรียกน้ำตา แต่ก็พาให้อบอุ่นหัวใจ

"หลานม่า"  ภาพยนตร์แห่งปีที่เรียกกระแสคนในสังคมให้หลั่งไหลไปชมกันอย่างเนืองแน่น  เป็นหนังไทยแนวแฟมิลี่ดราม่าซึ่งสะท้อนเรื่องราวที่เป็นปมปัญหาในการอยู่ร่วมกันของครอบครัวไทยเชื้อสายจีนที่ใช้ชีวิตเพื่อหน้าที่และความสำเร็จในหลายมิติ  ประเด็นที่น่าสนใจที่ปรากฏในภาพยนตร์ เช่น
๑.ความแตกต่างระหว่าง generation ในเรื่องเทคโนโลยี กับความเชื่อ การดำรงไว้ของประเพณีนิยมดั้งเดิม
1
๒.ความดิ้นรนรับผิดชอบครอบครัวในยุคทุนนิยม ทำให้คนเราปรับการให้น้ำหนักการรักครอบครัวตัวเองหรือเลือกความกตัญญูกตเวทีมากกว่ากัน
1
๓.การแสดงความรักที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหน้าที่ หรือเป็นเพราะความห่วงใยปรารถนาดี หรือเป็นเพราะผลประโยชน์ สิ่งใดมีคุณค่าในใจคนเรามากที่สุด
แม้การดำเนินเรื่องนี้จะดูราบเรียบไม่มีอะไรให้ชวนตื่นเต้นระทึกใจเหมือนหนังแอ๊คชั่นหรือหนังโรแมนติก  แต่ก็เล่าเรื่องราวได้ซาบซึ้งกินใจ ให้อารมณ์ในหลายๆแง่มุม ที่สะท้อนความเป็นจริงในสังคม 
 
   ผู้แสดงทุกคนก็เล่นได้ดีมาก ดูเป็นธรรมชาติ สถานที่ถ่ายทำก็เข้ากับเรื่องราว  คนเขียนบทก็เก่งมาก  แถมมีบทพูดที่ตลก สนุก ให้ข้อคิดที่คมคายตลอดทั้งเรื่อง ที่พอจำได้ก็เช่น
"อาม่า : นกต้องตื่นแต่เช้าๆจึงจะได้กินหนอน
     หลานชาย : ถ้าผมเป็นหนอนก็จะตื่นสายๆจะได้ไม่ถูกกิน"
     "อาม่า : โรคมะเร็งมันเป็นกรรมพันธ์ุ แกเป็นลูกก็จะต้องรับมรดกนี้
       ลูกสาวอาม่า : ดีนะ ลูกชายได้รับสมบัติเป็นมรดก แต่ลูกสาวรับมะเร็งเป็นมรดก"
"เราจะรู้สึกถึงคุณค่าของใครก็ต่อเมื่อขาดเขาไป"
    "การรอคอยใครสักคน เป็นสิ่งที่ทรมานมาก และจะยิ่งทรมานมากหากรอแล้วเขาไม่มา"
   "อย่าปล่อยให้ตัวเองรู้สึก รู้งี้... เพราะคำนี้มักเกิดเมื่อเราเสียดายที่เราไม่ได้ทำ"
   "ครอบครัวอาจสำคัญกว่า 'งาน' เพราะหลายครั้งเราจะไม่เสียดายที่ไม่ได้ทำงาน แต่เราอาจเสียดายที่เราเอาแต่ทำงานจนไม่ได้มีเวลากับครอบครัวเมื่อถึงวันที่ต้องสูญเสียใครไป"
    "ข้าวสารเมื่อกลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว เราจะย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนแปลงไม่ได้"
ฯลฯ
     คนดูต่างน้ำตาไหลเพราะความบีบคั้นในอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากหลายๆฉาก..
ผมก็เป็นกับเขาด้วยเหมือนกันครับ
0
โฆษณา