Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PPTVHD36
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
19 เม.ย. เวลา 05:45 • สุขภาพ
เลือดกำเดาไหล แบบไหนควรรีบพบแพทย์ ? สัญญาณสารพัดโรคร้าย
เลือกกำเดาไหลง่าย สัญญาณโรคร้ายเนื้องอกในโพรงจมูก มะเร็งหลังโพรงจมูก วัณโรคหลังโพรงจมูก ที่ไม่ควรมองข้าม แนะควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย!
เลือดกำเดาไหล อย่างน้อยในชีวิตต้องมีสักครั้ง ซึ่งอาจเกิดจากเรื่องเล็กๆ เส้นเลือดฝอยในจมูกแตก จากการแคะจมูก หรืออุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้น รวมไปถึงสัญญาณเตือนโรคอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้นการทำความรู้จักกับอาการเลือดกำเดาไหลให้ลึกซึ้งมากขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้เราประเมินอาการและความเสี่ยงต่างๆ
เลือดกำเดาไหล หรือ Epistaxis เป็นภาวะเลือดออกทางจมูก ที่สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ
●
ภาวะเลือดออกทางจมูกด้านหน้า ซึ่งมักจะไม่ค่อยรุนแรง
เลือดกำเดาไหล
●
ภาวะเลือดออกทางจมูกด้านหลังโพรงจมูก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดที่ใหญ่กว่าด้านหน้า จึงทำให้มีอาการรุนแรงกว่า มีเลือดออกปริมาณมากกว่า และสามารถทำให้มีเลือดออกทางปากได้ด้วย คือถ้าคนไข้ไม่รู้ตัวว่ามีเลือดออกทางโพรงจมูกด้านหลัง ก็จะกลืนลงไป และส่งผลทำให้มีอาการอาเจียนเป็นเลือด หรือถ้าลงปอด ก็อาจมาด้วยอาการไอเป็นเลือดได้
ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่แล้วภาวะเลือดออกทางจมูกที่มาจากด้านหลังโพรงจมูก มักมีสาเหตุมาจากอันตรายที่ร้ายแรงกว่าภาวะเลือดออกทางจมูกด้านหน้า
สาเหตุเลือดกำเดาไหล
สาเหตุที่ทำให้เลือดกำเดาไหลนั้น สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ภาวะโรคในจมูก และ ภาวะร่างกายที่ผิดปกติ
เลือดกำเดาไหลเพราะภาวะโรคในจมูก คือ อาจเกิดจากการที่ “มีก้อนในจมูก” หรือ “ก้อนเนื้องอกบริเวณหลังโพรงจมูก” รวมถึงการติดเชื้อต่างๆ ที่ทำให้มีแรงดันขึ้นไปทำให้เกิดอาการคัดจมูกหรือจาม จนเส้นเลือดฝอยแตก และเกิดเป็นเลือดกำเดาไหลออกมา หรืออาจเกิดจากการได้รับอุบัติเหตุ ถูกกระแทกจนกระดูกหัก ผนังจมูกคด ก็ทำให้เลือดกำเดาไหลได้ รวมถึงการใช้ยาพ่นสเตียรอยด์รักษาภูมิแพ้ ถ้าพ่นไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้ผนังจมูกบางและเป็นเหตุให้เลือดออกได้เช่นกัน
เลือดกำเดาไหลเพราะความผิดปกติของร่างกาย ได้แก่ คนที่มีโรคประจำตัว เป็นโรคเลือดที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เลือดออกง่าย หยุดยาก โดยมักจะเป็นตามเยื่อบุต่างๆ เช่น เยื่อบุจมูก หรือว่าไรฟัน รวมถึงผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง คนที่เป็นโรคตับหรือคนที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดต่างๆ ก็มีโอกาสเลือดกำเดาออกได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป
ทั้งนี้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตกจนเลือดกำเดาไหลนั้น ถือเป็นปลายเหตุที่เกิดจากความผิดปกติในร่างกาย ที่ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกและเลือดออก ซึ่งสาเหตุก็อาจเป็นได้ทั้งมีก้อนที่จมูก หรือมีปัญหาโรคเลือดก็ได้ ซึ่งจำเป็นต้องหาสาเหตุให้พบ เพราะปกติเส้นเลือดคนเรานั้นจะไม่แตกง่ายๆ ยกเว้นแต่มีสาเหตุกระตุ้นให้แตก เช่น ไปกระแทก เกิดอุบัติเหตุ หรือขาดวิตามินต่างๆ อย่างวิตามินเค ซึ่งจะทำให้เส้นเลือดแตกได้ง่าย
เลือดกำเดาไหลแบบไหน ? อันตรายต้องไปพบแพทย์
●
เลือดกำเดาไหลบ่อย ไหลซ้ำบริเวณรูจมูกข้างเดิมข้างเดียวตลอด
●
เลือดกำเดาไหลปริมาณมาก แม้จะเป็นครั้งเดียวแต่ก็ควรไปพบแพทย์
●
เลือดกำเดาไหลในลักษณะเป็นก้อนลิ่มเลือด
●
เลือดกำเดาไหลนานต่อเนื่องไม่หยุดภายใน 10 นาที
●
สีของเลือดกำเดาถ้าเป็นสีแดงสด จะรุนแรงน้อยกว่าสีชมพูจางๆ
●
เลือดกำเดาไหลร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น คัดจมูก หูอื้อ รู้สึกมีก้อนในโพรงจมูกหรือที่คอ
เลือดกำเดาไหล สัญญาณเตือนภัยโรคร้าย
อย่างที่ได้อธิบายแล้วว่า เลือดกำเดาไหล เป็นปลายทางที่เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งที่ผิดปกติในร่างกาย ดังนั้นเมื่อเกิดเลือดกำเดาไหลขึ้น โดยเฉพาะยิ่งเป็นบ่อยๆ จึงไม่ควรชะล่าใจ แต่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและเข้ารับการวินิจฉัยหาสาเหตุ
ทั้งนี้เลือดกำเดาไหล อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้ายที่อันตรายถึงชีวิตได้ เช่น เนื้องอกในโพรงจมูก มะเร็งหลังโพรงจมูก วัณโรคหลังโพรงจมูก และสำหรับในเด็กที่ร้ายแรงที่สุดเลยคือ โรคเนื้องอกในจมูก หรือ “Juvenile Nasopharyngeal Angiofibroma” ที่มักพบได้มากในเด็กผู้ชาย อายุประมาณ 7 – 19 ปี
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเลือดกำเดาไหล
●
หยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่ในทันที ห้ามยืน หรือเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการหน้ามืดหมดสติและเป็นลมล้มลงได้ หากเลือดออกในปริมาณมาก
●
จัดท่าทางตัวเองให้อยู่ในลักษณะนอนเอนลงที่ไม่ให้ศีรษะต่ำจนเกินไป โดยจัดให้อยู่ใน ท่านอนศีรษะสูง ลักษณะนอนเตียงผ้าใบชายหาด” ให้ศีรษะตั้งสูงขึ้นมาพอประมาณ เพื่อไม่ให้เลือดไหลย้อนไปที่จมูกมากขึ้น และป้องกันการสำลัก ทั้งนี้ห้ามแหงนศีรษะขึ้นเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการทำให้สำลักเลือดได้
●
หากเลือดออกที่จมูกด้านหน้าในปริมาณมาก ให้บีบจมูก หายใจทางปาก แล้วรีบมาโรงพยาบาลทันที
ในกรณีที่เลือดไหลปริมาณน้อย อาจห้ามเลือดด้วยการประคบน้ำเย็น แต่ที่ช่วยได้ดีมากกว่าคือ บีบจมูกแล้วอมน้ำเย็นหรือน้ำแข็งเอาไว้ เพราะบริเวณเพดานปากเป็นตำแหน่งของเส้นเลือด การอมน้ำแข็งจึงช่วยประคบห้ามเลือดได้ตรงจุดมากกว่า
เนื่องจากเลือดกำเดาไหล เป็นอาการที่พบเห็นกันได้บ่อยทั่วไป จึงทำให้คนส่วนใหญ่อาจไม่ได้รู้สึกตระหนักว่าอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคร้ายได้ ดังนั้นหากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการเลือดกำเดาไหลผิดปกติ คือ ไหลบ่อย ไหลปริมาณมาก ก็ไม่ควรชะล่าใจ คิดว่าคงเป็นเพราะเหนื่อย ทำงานหนัก เครียด อย่างเดียว แต่ควรรีบมาปรึกษาแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท 3
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์
https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook :
https://www.facebook.com/PPTVHD36
Facebook Video :
https://www.facebook.com/PPTVHD36/videos
Twitter :
https://twitter.com/PPTVHD36
Instagram :
https://www.instagram.com/pptvhd36/
LINE VOOM :
https://pptv36.tv/174l
TikTok :
https://www.tiktok.com/@pptv.thailand
ข่าว
สุขภาพ
การแพทย์
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย