20 เม.ย. เวลา 00:49 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

“ดอกไม้จะเป็นดอกไม้ได้ก็เมื่อมันร่วงหล่นเท่านั้น”

SHOGUN คือ มหากาพย์ซีรีส์อิงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นทางช่อง Disney+ Hotstar ที่ผมเพิ่งเขียนถึงไปไม่นานนี้ มันเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยการห้ำหันการชิงไหวชิงพริบ การทรยศหักหลังกันของบรรดาไดเมียวในยุคเซ็นโกกุ ซึ่งตัวละครใน SHOGUN ดัดแปลงมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์จริง อยากตัวละครไดเมียว โยชิอิ โทรานางะ ก็มาจาก โตกุกาวะ อิเอยาสุ บุรุษผู้จบสงครามเซ็นโกกุที่ยาวนานร้อยกว่าปีรวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งได้
2
ซึ่งตัวเนื้อเรื่องก็กำลังเข้าสู่ฉากไคลแม็กซ์ โดยตอนล่าสุด SHOGUN EP.9 ได้มีตัวละคร โทดะ มาริโกะ เข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่อง และกลายเป็นตัวพลิกเกมส์ให้กับโยชิอิ โทรานางะ ทำให้มีหลายคนสงสัยว่าตัวละครโทดะ มาริโกะ มีตัวตนจริงในหน้าประวัติศาสตร์ไหม
ซึ่ง โทดะ มาริโกะ เป็นตัวละครที่ดัดแปลงมาจาก โฮโซคาวะ กราเซีย บุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ โฮโซคาวะ กราเซีย เดิมมีชื่อว่า อาเกจิ ทามะ เป็นลูกสาวคนที่สามของ อาเกจิ มิตสึฮิเดะ เมื่ออายุได้ 15 ปี ทามะก็ได้ถูกจับให้แต่งงานกับโฮโซกาวะ ทาดาโอกิ ไดเมียวแห่งแคว้นทังโงะทางตอนเหนือของเอโดะ ก่อนที่ในอีก 6 เดือนต่อมา อาเกจิ มิตสึฮิเดะ ผู้เป็นพ่อจะได้ทำการล้อมวัดฮนโนจิและสังหาร โอดะ โนบุนางะ บุรุษอหังการผู้ยิ่งใหญ่และเป็นนายของตนเอง
3
แต่เหตุการณ์ผ่านไปแค่ 12 วัน โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ก็ได้ยกทัพมาตีอาเกจิ มิตสึฮิเดะ จนแตกพ่าย มิตสึฮิเดะตายในสนามรบนี้พร้อมกับครอบครัว โทโยโทมิ ฮิเดโยชิจึงได้รวบอำนาจไว้ในมือกลายเป็นผู้นำประเทศในที่สุด
จากเหตุการณ์นี้ ทามะที่ต้องสูญเสียบิดา สูญเสียครอบครัวแล้ว ยังต้องถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นลูกสาวของผู้ทรยศ ทาดาโอกิผู้เป็นสามีก็ทั้งเกลียดแต่ก็สงสารนาง จึงได้ส่งทามะไปเก็บตัวไว้ในกระท่อมบนเขามิโดะโนะเป็นเวลา 2 ปี จนเมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้วจึงนำทามะไปกักขังไว้ที่ปราสาทของตระกูลโฮโซกาวะที่เมืองโอซาก้า
2
ซึ่งในระหว่างที่ถูกเก็บตัวให้แต่อยู่ในโอซาก้านี้เอง ที่ทามะได้เจอ คิโยฮาระ มาเรีย ผู้นับถือศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิก คิโยฮาระได้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ให้กับทามะใช้เป็นเครื่องยึดเหนียวจิตใจที่แตกสลาย จนทามะได้หันมานับถือคริสต์โรมันคาทอลิก และเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น โฮโซคาวะ กราเซีย
ต่อมา โทโยโทมิ ฮิเดโยชิไ ด้ถึงแก่อนิจกรรม ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง อิชิดะ มิสึนาริ กับ โตกุกาวะ อิเอยาสุ ทาง อิชิดะ มิสึนาริ ได้อ้างสิทธิของโทโยโทมิ ฮิเดโยริ ทายาทอันชอบธรรมของ ฮิเดโยชิ ในการจับบุตรและภรรยาของไดเมียวที่สนับสนุนฝ่ายอิเอยาสุไว้เป็นตัวประกัน เพื่อให้ไดเมียวเหล่านั้นหันกลับมาให้การสนับสนุนฝ่ายตน
ซึ่งทาดาโอกิผู้เป็นสามีของกราเซียก็ให้การสนับสนุนอิเอยาสุและได้เคยสั่งนางกราเซียไว้ว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ให้กราเซียทำเซ็ปปุกุ หรือ อัตวินิบาตกรรมตนเองตามธรรมเนียม เพื่อที่จะไม่ถูกฝ่ายมิสึนาริจับไปเป็นตัวประกัน
นางกราเซีย ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับบาทหลวง ซึ่งทุกคนก็กล่าวย้ำแก่นางว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาปมหันต์ขัดกับหลักคริสต์ศาสนาขั้นร้ายแรง เธอรู้สึกลำบากใจ เพราะตามธรรมเนียมซามูไรญี่ปุ่นโบราณ สตรีภรรยาของซามูไรหากจะโดนจับกุมเป็นเชลยต้องชิงฆ่าตัวตายเสียก่อน เพื่อปกป้องเกียรติของตนเองและสามีไว้ ซึ่งเธอไม่ได้กลัวตายเลย แต่มันขัดกับหลักความเชื่อศาสนาที่คอยยึดเหนียวจิตใจเธอมาตลอด
ด้วยเหตุนี้ นางกราเซีย จึงได้ให้ซามูไรข้ารับใช้คนสนิทใช้หอกแทงเธอจนถึงแก่ความตายด้วยวัย 37 ปี ส่วนซามูไรคนสนิทก็ได้วางเพลิงปราสาทตระกูลโฮโซกาวะและทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตตามนางไป
นับเป็นสตรีที่น่าสงสารเป็นอย่างมาก ที่ทั้งชีวิตต้องกลายเป็นเครื่องมือคนอื่นในการทำสงครามการเมืองมาโดยตลอด ตั้งแต่โดนพ่อจับคลุมถุงชนเพื่อหวังผลการเมือง และอยู่ดีๆ ต้องกลายเป็นลูกสาวคนทรยศโดยที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต้องถูกคำสั่งกักขังให้ย้ายไปที่ต่างๆ โดยเธอไม่เคยมีอิสระในการตัดสินใจ ไม่เคยได้ใช้ชีวิตด้วยเอง แม้กระทั่งวาระสุดท้ายในชีวิตของเธอเองก็ตาม
เรื่องราวของ โฮโซกาวะ กราเซีย บนหน้าประวัติศาสตร์จบลงเพียงเท่านี้ แม้จะมีความเหมือนกับตัวละคร โทดะ มาริโกะ ในซีรีส์ SHOGUN อยู่ในหลายๆ เรื่อง แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย ซึ่งหากใครอยากรู้ว่าบทสรุปของตัวละคร มาริโกะ ในซีรีส์เป็นอย่างไร ทำไมเธอถึงจะกลายเป็นตัวละครสำคัญที่สามารถพลิกเกมส์ที่กำลังเพลี่ยงพล้ำของ โยชิอิ โทรานางะ ได้ ก็สามารถไปชมซีรีส์ SHOGUN กันได้ครับ
2
“การยอมรับความตายอันที่จริงแล้วหาใช่การยอมจำนน ดอกไม้จะเป็นดอกไม้ได้ก็เมื่อมันร่วงหล่นเท่านั้น” คำพูดของตัวละคร โทดะ มาริโกะ ที่อ้างอิงมาจากบทกวีจิเซย์บทกวีแห่งความตายของ โฮโซกาวะ กราเซีย
6
โฆษณา