25 เม.ย. เวลา 04:09 • ไลฟ์สไตล์

คุณลักษณะพื้นฐานของไวน์ (Basic Wine Characteristics)

เวลาที่ทุกท่านกำลังดื่มไวน์นั้น ทุกท่านเคยสังเกตุ​ไหมว่าไวน์นั้นมีรสชาติ รสสัมผัส อะไรกันบ้าง?
Wine Monster เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยดื่มไวน์กันมาไม่มากก็น้อย สำหรับผู้ที่หลงใหลในไวน์นั้นคงทราบกันดีว่าไวน์นั้นมีรสชาติ รสสัมผัส​ กลิ่น และสี ในหลากหลายมิติที่แตกต่างกันไป ซึ่งต้องใช้ความรู้ การสังเกตุ​ และประสบการณ์ ถึงจะแยกแยะไวน์ต่างๆได้
ในบทความนี้ Wine Monster จะมาอธิบายถึงคุณลักษณะพื้นฐานของไวน์เพื่อเป็นไกด์ให้ทุกท่านมีความสนุก และได้เรียนรู้ในทุกครั้งที่ดื่มไวน์ครับ
คุณลักษณะพื้นฐานที่ช่วยกำหนดลักษณะของไวน์มี
5 ประการ ได้แก่ ความหวาน (Sweetness), ความเป็นกรดหรือความเปรี้ยว (Acidity), ความฟาด (Tannin), แอลกอฮอล์ (Alcohol) และความเข้มข้น (Body)
1. ความหวาน (Sweetness)
"Sweetness" ในไวน์ได้มาจากปริมาณของน้ำตาลที่คงค้างอยู่ในไวน์หลังจากการหมักเสร็จแล้ว (Residual Sugar หรือ RS) ซึ่งน้ำตาลตรงนี้ไม่ใช่น้ำตาลที่ผู้ผลิตปรุงแต่งลงไป แต่เป็นน้ำตาลที่เกิดขึ้นเองจากขั้นตอนการหมักไวน์ ซึ่งจะมีน้ำองุ่นบางส่วนที่ยังไม่ได้เปลี่ยนสภาพเป็นแอลกอฮอล์นั้นจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแทน ซึ่งในไวน์แต่ละประเภทและแต่ละขวดก็จะมีระดับของ RS ที่แตกต่างกันไป และชื่อเรียกของแต่ละระดับความหวานก็แตกต่างกันด้วย
เราจะเรียกชื่อระดับความหวาน (Sweetness) ต่างๆในไวน์ ดังนี้
2. ความเปรี้ยวหรือความเป็นกรด (Acidity)
"Acidity" ในไวน์เปรียบเสมือนความเปรี้ยว ที่ทำให้ไวน์มีรสชาติที่ Refreshing ชุ่มลิ้น ไม่เพียงแต่ไวน์ขาวเท่านั้นที่จะให้ความ Acidity แต่ไวน์แดงเองก็สามารถมีรสชาติเหล่านี้ได้เช่นกัน
Acidity มีความสำคัญในการช่วยผสมผสาน (Blend)​รสชาติต่างๆ ของไวน์เข้าด้วยกัน ไวน์ทุกชนิดล้วนแล้วแต่มี Acidity ทั้งสิ้น เพียงแต่มากหรือน้อยเท่านั้น เพราะถ้าไม่มีรสนี้ ก็จะทำให้ไวน์ขาดมิติของรสชาติได้
เราจะเรียกชื่อระดับความเปรี้ยว (Acidity) ต่างๆในไวน์ ดังนี้
3. ความฝาด (Tannin)
"Tannin" เป็นคำที่อธิบายถึงความรู้สึกฝาด ที่รู้สึกได้หลังจากดื่มไวน์เข้าไป ซึ่งความฝาดนี้ เกิดมาจากเปลือกและเมล็ดองุ่นที่นำไปบ่ม รวมถึงถังไม้ที่ใช้บ่ม ทำให้ไวน์ที่ออกมานั้น มีความฝาดและรสชาติขมติดมาด้วย การสัมผัส Tannin นั้นให้โฟกัสไปที่ผิวของลิ้นหลังจากกลืนไวน์ไปแล้ว
หากรับประทานอาหารคู่กับดื่มไวน์ที่มี Tannin สูงจะเป็นการช่วยล้างโปรตีน หรือล้างรสชาติต่างๆของอาหารที่ติดอยู่บนลิ้นออกไปได้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการลิ้มรสอาหารในเมนูต่อไปได้อย่างชัดเจน
เราจะเรียกชื่อระดับความฝาด (Tannin) ต่างๆในไวน์ ดังนี้
4. แอลกอฮอล์ (Alcohol)
"Alcohol" ในไวน์นั้นเกิดมาจากยีสต์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลจากองุ่นให้เป็นเอทานอล (Ethanol) หรือผู้ผลิตบางที่อาจเติม Alcohol ลงในไวน์เพื่อเพิ่มระดับความแรง
Alcohol มีบทบาทสำคัญในกลิ่นไวน์ มันเป็นสิ่งที่จะนำพากลิ่น (Aromas) จากผิวสัมผัสของไวน์ไปสู่การรับรู้กลิ่นด้วยจมูกของผู้ดื่ม Alcohol ยังช่วยเพิ่มความหนืดและเนื้อสัมผัสให้กับไวน์อีกด้วย ผู้ที่ดื่มจะสามารถรับรับรู้ถึงความรู้สึกร้อน และอาการมึนเมาหากดื่มในปริมาณที่มากเกินพอดี
ซึ่งเวลาเราไปซื้อไวน์ส่วนใหญ่จะมีปริมาณแอลกอฮอล์บอกอยู่บนฉลากอย่างชัดเจน
เราจะเรียกชื่อระดับความแอลกอฮอล์ (Alcohol) ต่างๆในไวน์ ดังนี้
5. ความเข้มข้น (Body)
"Body" ของไวน์ คือ ความเข้มข้นของไวน์ที่อยู่ภายในปากหลังจากดื่มไวน์เข้าไปนั่นเองครับ โดยให้เราลองนึกถึงเครื่องดื่มอย่าง น้ำ นม และน้ำส้ม ที่มี Body ความหนืด ความลื่น แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ปริมาณแอลกอฮอล์ คือ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ Body ของไวน์ อย่างไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงจะส่งผลให้ไวน์มีความ “หนืด” และทำให้เรารับรู้ถึงน้ำหนักของไวน์ที่สัมผัสได้ภายในปาก
Light Body / Light-bodied (ไลท์ บอดี้) คือ ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 12.5% มีเนื้อสัมผัสที่เบา ทำให้ดื่มง่าย เช่น ไวน์ Prosecco (โปรเซคโก้) หรือ Riesling (รีสลิง)
Medium Body / Medium-bodied (มีเดียม บอดี้) คือ ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์อยู่ระหว่าง 12.5-13.5% อยู่ในระดับปานกลางทั่วไป มีแอลกอฮอล์ที่ไม่สูงมาก ประเภทของไวน์ที่ว่า เช่น Rose Wine (ไวน์โรเซ่), Sauvignon Blanc (โซวิญง บลองก์), Merlot (เมอร์โลต์), Pinot Grigio (ปิโนต์ กริจิโอ)
Full Body / Full-bodied (ฟูล บอดี้) คือ ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ที่ 13.5% ขึ้นไป ซึ่งแอลกอฮอล์นี่เองที่ทำให้เนื้อของไวน์มีความเข้มข้น หรือ ไวน์ที่มีความฟูลบอดี้ เช่น Zinfandel (ซินแฟนเดล), Cabernet Sauvignon (กาแบร์เนต์ โซวิญง), Shiraz (ชีราส), Melbec (เมลเบค)
เราจะเรียกชื่อระดับของบอดี้ (ฺBody) ต่างๆในไวน์ ดังนี้
ผู้อ่านสามารถใช้คำอย่างเช่น "ไลท์บอดี้" "มีเดียม บอดี้" หรือ "ฟูลบอดี้" เพื่ออธิบายสไตล์ในการเลือกความเข้มข้นไวน์ที่คุณต้องการดื่มได้เลย
ซึ่งเวลาเราไปซื้อไวน์มา จะไม่มีระดับความหวาน, ความเปรี้ยว, ความฝาด, ความเข้มข้นบอกอยู่บนฉลากไวน์ เราจึงไม่รู้ว่าไวน์ที่เลือกนั้นมีระดับรสชาติต่างๆอยู่ที่เท่าไหร่ ดังนั้นถ้าเราพอจะรู้คำศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับระดับรสชาติต่างๆ คอไวน์มือใหม่ทั้งหลายก็สามารถเอาไปใช้ถามกับพนักงานที่ร้านไวน์หรือร้านอาหารได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับการดื่มไวน์ครับ
Wine Monster ฝากมิตรรักนักอ่าน คอไวน์ ทุกท่าน กดติดตามเพจเรา คอมเม้นต์แลกเปลี่ยนความรู้ แสดงความคิดเห็น หรือแสดงความรู้สึกกับบทความเรา เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เพจเรามีกำลังใจ กำลังกาย ในการผลิตบทความต่อๆไปด้วยน๊าาา
โฆษณา