26 เม.ย. เวลา 09:06 • นิยาย เรื่องสั้น

นิทานสอนใจ เรื่อง สิงโตในฝูงแกะ

นายจอห์นเป็นคนเลี้ยงแกะอยู่ในทุ่งกว้าง ทุกๆ วันนายจอห์นจะต้อนฝูงแกะไปกินหญ้าที่ชายป่า วันหนึ่งนายจอห์นต้อนฝูงแกะไปกินหญ้าที่ชายป่าเช่นเคย แต่วันนี้ตัวเขาขึ้นไปนอนเล่นอยู่บนต้นไม้ ขณะที่กำลังนอนชมทิวทัศน์อย่างสบายใจอยู่นั้น นายจอห์นก็สังเกตเห็นสิงโตท้องแก่ตัวหนึ่งเดินมากินน้ำที่ลำธารใกล้ๆ กับชายป่าแห่งนั้น เขารีบลุกขึ้นนั่งทันที และเฝ้ามองสิงโตตัวนั้นอย่างระแวดระวัง ด้วยกลัวว่ามันจะเข้ามากินฝูงแกะของเขา
สิงโตท้องแก่ท่าทางไม่ค่อยสบาย เมื่อมันกินน้ำเสร็จก็ทำท่าจะกระโดดข้ามลำธารไปอีกฝั่งหนึ่ง แต่แล้วจู่ๆ มันก็ล้มตัวลงดิ้นพราดๆ กับพื้น และทันใดนั้นเองลูกสิงโตก็คลอดออกมาอย่างรวดเร็ว นายจอห์นมองวินาทีชีวิตของสองสิงโตแม่ลูกด้วยใจระทึก เมื่อเห็นว่าแม่สิงโตนอนแน่นิ่งไปนานจึงชักเอะใจ ปีนลงจากต้นไม้แล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแม่สิงโตตัวนั้น
“โอ๊ะ แม่สิงโตตายซะแล้วหรือนี่” นายจอห์นร้องอุทานเมื่อตรวจดูจนแน่ใจว่าแม่สิงโตตัวนั้นสิ้นลมหายใจไปแล้วจริงๆ
“แม่ตาย แล้วลูกจะอยู่อย่างไร” นายจอห์นหันไปดูลูกสิงโตที่เพิ่งเกิดใหม่ด้วยความสงสาร แล้วในที่สุดเขาก็ตัดสินใจนำลูกสิงโตกลับไปเลี้ยงเอง
นายจอห์นเลี้ยงลูกสิงโตรวมกับฝูงแกะ ให้กินนมแกะ เล่นกับลูกแกะ และใช้ชีวิตทุกอย่างเช่นเดียวกับแกะ และเป็นเรื่องน่าประหลาดใจโดยแท้ เมื่อลูกสิงโตตัวนี้โตขึ้น มันก็ส่งเสียงเหมือนแกะ และมีพฤติกรรมทุกอย่างเช่นเดียวกับแกะตัวอื่นไม่มีผิดเพี๊ยน
อยู่มาวันหนึ่ง นายจอห์นนำฝูงแกะของเขาพร้อมด้วยลูกสิงโตออกไปกินหญ้าที่ชายป่าเช่นเคย แต่วันนี้นายจอห์นมีเรื่องต้องรีบกลับบ้านอย่างกระทันหัน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องทิ้งฝูงแกะไว้ที่ชายป่าสักพัก โดยไม่รู้เลยว่าสัตว์ร้ายตัวหนึ่งกำลังจ้องจะจัดการกับลูกแกะของเขาอย่างหื่นกระหาย
ทันที่ที่นายจอห์นคล้อยหลัง สิงโตหนุ่มตัวหนึ่งก็กระโจนออกมาหาฝูงแกะโดยไม่รอช้า มันไล่กวดแกะตัวที่อ้วนที่สุดเพื่อจับมากินเป็นอาหาร แต่แล้วสิงโตหนุ่มก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นลูกสิงโตวิ่งหนีตนไปพร้อมๆ กับแกะฝูงนั้นด้วย
“เฮ้! ไอ้หนู แกวิ่งหนีข้าทำไม” สิงโตหนุ่มร้องถามลูกสิงโตแต่ลูกสิงโตยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต สิงโตหนุ่มจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากการไล่ล่าฝูงแกะมาไล่ตะครุบลูกสิงโตแทน
ไม่นานนักสิงโตหนุ่มก็จับลูกสิงโตได้ มันถามย้ำด้วยเสียงอันดังว่า “แกวิ่งหนีข้าทำไม!”
ลูกสิงโตกลัวจนตัวสั่น ส่งเสียงครางออกมาเหมือนลูกแกะที่กำลังตกใจ ทำให้สิงโตหนุ่มไม่พอใจอย่างมาก จึงตวาดลูกสิงโตออกไปว่า
“แกเป็นสิงโต ทำตัวเป็นไอ้ขี้ขลาดอย่างนี้ได้อย่างไร ทำอย่างนี้เสียชาติสิงโต เสียศักดิ์ศรีเจ้าป่าอย่างพวกเรา แกรู้รึเปล่า”
ลูกสิงโตหลับตาปี๋แล้วตอบว่า “ข้าไม่ใช่สิงโต ข้าเป็นลูกแกะ แบะ แบะ”
สิงโตหนุ่มโกรธมาก มันกัดหางลูกสิงโตแล้วลากไปที่ลำธารใหญ่
“มองลงไปในน้ำสิ แล้วดูซะให้เต็มตาว่าแกเหมือนลูกแกะตรงไหน”
ลูกสิงโตมองไปที่ลำธารตามคำสั่งของสิงโตหนุ่มอย่างหวาดกลัว สิงโตหนุ่มพูดต่อไปว่า
“ดูหน้าแกสิ ดูตาของแก ดูจมูก ดูเขี้ยว ดูหนวด ดูเส้นขนสีทองนั่น มีตรงไหนบ้างที่เหมือนกับแกะพวกนั้น”
ลูกสิงโตตกใจกับภาพตรงหน้ามาก ก่อนจะค่อยๆ ชำเลืองมองไปทางสิงโตหนุ่ม ใช่แล้ว ตัวมันไม่มีตรงไหนเหมือนพวกแกะเลย กลับจะไปคล้ายๆ กับสิงโตหนุ่มเสียมากกว่า
“แบะ แบะ” ลูกสิงโตเผลอร้องออกมาเพราะความตกใจระคนสับสน ทำให้สิงโตหนุ่มโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอีกครั้ง มันตบหน้าลูกสิงโตฉาดใหญ่แล้วคำรามอย่างดุดันว่า
“แกเป็นสิงโต ไม่ใช่แกะ แกเป็นถึงเจ้าป่าเหนือสัตว์ทั้งหลาย แกจะทำให้เสียศักดิ์ศรีของพวกเราไม่ได้ ต่อไปนี้ห้ามแกทำเสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนพวกแกะอีก ไม่อย่างนั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก”
พูดจบสิงโตหนุ่มก็สอนให้ลูกสิงโตเลียนเสียงคำรามของตนอยู่พักใหญ่จนลูกสิงโตทำได้ ลูกสิงโตจึงเริ่มคุ้นชินกับความเป็นสิงโตในตนเอง จากนั้นสิงโตหนุ่มก็พาลูกสิงโตเข้าฝูงสิงโตเพื่อให้มันได้กลายเป็นสิงโตอย่างแท้จริง
#นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... ทุกวันนี้มนุษย์มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างลูกแกะ เขาคิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถเป็นอะไรได้มากกว่านั้น จึงใช้ชีวิตอยู่อย่างฉาบฉวย ไม่เคยคิดที่จะทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่สมกับที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์
คนเรานั้นมีศักยภาพซ่อนอยู่ในตัวเรามากกว่าที่เราคิด เพียงแต่เราไม่เคยเชื่อว่ามันมีอยู่ในตัวเรา เรามองตัวเราเองเหมือนเป็นลูกแกะ เวลามีสิ่งที่ท้าทาย สิ่งที่ยาก และปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต เราก็หมดอาลัยตายอยาก ไม่มีแรงที่จะคิดสู้ และฝ่าฟันปัญหาเหล่านั้น ทั้งๆ ที่เราสามารถทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย
ขอเพียงแต่เราเชื่อ เท่านั้น
#เพื่อนกัลยาณธรรม
โฆษณา