26 เม.ย. เวลา 19:23 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Anatomy of a Fall

Anatomy of a fall
บทเรียนชีวิตคู่อันแสนหม่น สู่การร่วงหล่นทางกายใจ
ภาพยนตร์สัญชาติฝรั่งเศส ดีกรีรางวัลปาล์มทองคำ ที่บางคนเห็นแล้วต้องรีบหามาดู ในขณะที่อีกหลายคนอาจกดข้ามไปดูเรื่องอื่น เพราะกลัวในดีกรีของรางวัลนี้ที่อาจต้อง "ปีนบันไดดู" แต่หลังจากที่ได้สัมผัสกับเรื่องราวไปเพียงประมาณ 30 นาที ก็สัมผัสได้ว่า หนังสัญชาติฝรั่งเศสเรื่องนี้ "ไม่ธรรมดา"
ณ บ้านพักกลางหิมะขาวโพลน บนทิวเขาอันห่างไกลในฝรั่งเศส ได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับแซมมวล นักเขียนหนุ่มชาวฝรั่งเศส นอนหงายแน่นิ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน พร้อมเลือดแดงฉานไหลเปรอะเปื้อนปุยหิมะ ผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ มีเพียงแต่แซนดร้า ผู้เป็นภรรยา โดยที่แดเนียล ลูกชายที่สูญเสียการมองเห็น พร้อมกับสนูป สุนัขนำทางคู่ใจ เป็นผู้พบศพคนแรก...เรื่องราวทั้งหมด เริ่มต้นที่นี่
วาบความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของเรา หลังจากดูไปได้ประมาณ 15 นาที คือ นี่คือภาพยนตร์ที่ต้องตามสืบหาผู้กระทำผิด ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ หรือเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างไรอย่างแน่นอน แต่เมื่อดูไปได้สักพัก ก็รู้ตัวแล้วว่า เรากำลังดูหนัง Courtroom Drama หรือที่คนไทยเรียกกันว่า "หนังศาล" โดยเรื่องราวเกือบ 80% ของเรื่องนั้น อยู่ภายในศาล และดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาแทบทั้งเรื่อง
โดยเมื่อเรื่องราวดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง ผู้ชมจะเริ่มประจักษ์ได้ว่า การตายของแซมมวล เป็นเพียงปลายยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่เบื้องลึกของเหตุการณ์ทั้งหมด อยู่ภายใต้ก้นภูเขาใต้ทะเล ที่ผู้กำกับค่อย ๆ จับผู้ชมสวมชุดสกูบ้า และพาเราดำลึกลงไปดูพร้อมกัน
เรื่องราวต่างๆ ทยอยเผยออกมา เริ่มจากประเด็นเล็ก ๆ ที่เป็นหลักฐานที่เห็นเชิงประจักษ์ เช่น สาเหตุของการตายผ่านการชันสูตรพลิกศพ / ประวัติทางการแพทย์ / ยาที่แซมมวลกิน / ลำดับเวลาของเหตุการณ์ หรือการสอบข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์หลักฐานที่อยู่ของแต่ละคน ผ่านบทสนทนาอันเข้มข้น และการสอบสวนอันดุเดือดของอัยการ เพื่อให้ศาลพิจารณาความผิด
เมื่อผ่าน 60 นาทีแรกของหนังไป หลังจากที่ผู้ชมเริ่มคุ้นชินกับรสชาติและรสมือของผู้กำกับแล้ว ภาพยนตร์ก็มีกลวิธีในการแบ่ง part ในการยกระดับความเข้มข้น และสื่อสารกับผู้ชมอย่างชาญฉลาด ในการกล่าวถึงประเด็นที่รุนแรงขึ้น ทั้งเรื่องความสัมพันธ์กับภรรยา ความขัดแย้งและการทะเลาะ เลยเถิดไปจนถึงเรื่องบนเตียง และรสนิยมทางเพศ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดต้องถูกถ่ายทอดผ่านคำให้การหน้าบัลลังก์ศาล รวมทั้งต่อหน้าลูกชาย ซึ่งถ่ายทอดออกมาได้อย่างเจ็บแสบและปวดใจเป็นอย่างมาก
โดยการไต่สวนภายในศาลนั้น จำเป็นต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในการซักถามเพื่อค้นหาความจริง ผ่านหลักฐานทุกอย่างที่มี ทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ แต่การซักไซ้ไล่เรียงในระดับนี้ บางช่วง ทั้งอัยการและทนาย ก็จำเป็นต้องถอดหัวใจเป็นทศกัณฑ์ แล้วเอาข้อเท็จจริงมาคุยและไต่สวน ซึ่งถึงแม้ว่าความจริงที่ได้รับรู้จะเจ็บปวด ก็ปรียบเสมือนการกินยาขม ซึ่งแสนมันทรมาน แต่รักษาตรงจุดแน่นอน
หัวใจหลักของภาพยนตร์ เป็นการฉายให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยา ที่ต่างคนต่างมีความฝันในการเป็นนักเขียนทั้งคู่ แต่ระหว่างทั้งคู่นั้นยังมีกำแพงบางอย่างที่ขวางกั้นให้ทั้งคู่เกิดความระหองระแหงกันอยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิสัยที่แสนจะเย็นชาของภรรยา ซึ่งภาพยนตร์ระบุว่าเธอเป็นคนเยอรมัน ซึ่งโดยธรรมชาติมีความจริงจังและซีเรียสอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากฝ่ายสามีที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวทางอารมณ์ และเป็นคนฝรั่งเศสที่มีความเป็นศิลปินโดยธรรมชาติ
อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงการที่แซนดร้าสามารถหารายได้ได้มากกว่าแซมมวล รวมทั้งมีความก้าวหน้าในอาชีพการงานที่มากกว่า รวมไปถึงปัญหาเรื่องทางการเงิน ปัญหาการเลี้ยงลูก การแบ่งเวลาที่ไม่ลงตัว ค่อยๆเก็บเป็นเชื้อไฟในใจที่รอวันปะทุออกมา จนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
คำว่า Anatomy of a Fall นอกจากจะมีความหมายโดยตรงว่า คือกายวิภาคของการหล่นลงมาจากที่สูง เปรียบเสมือนการวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่มีความหมายโดยนัยที่แฝงอยู่คือ การร่วงหล่นของความรู้สึกและจิตใจ หรือการดำดิ่งลง ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่แซมมวลเพียวอย่างเดียว ทางด้านแซนดร้าก็ดำดิ่งไมแพ้กัน
ในมุมของการแสดง ถือว่าแสดงออกมาได้ดีมาก เนื่องจากการดำเนินเรื่องเป็นการเน้นผ่านบทพูดเป็นหลัก นักแสดงต้องแสดงผ่านสีหน้า ท่าทาง ผ่านบทสนทนาออกมา และสื่อสารให้ได้ว่า กำลังรู้สึกโกรธ เครียด เศร้า โดยการแสดงหนึ่งที่ถือว่าเป็นซีนที่เนียนจนเชื่อว่าผู้ชมหลายคนต้องแอบอุทานออกมาระหว่างดู คือการแสดงของเจ้าเมสซี่ ที่รับบทเป็นสนูป สุนัขนำทางของแดเนียล ที่แสดงได้ดีมาก ๆ ทั้งสีหน้า ท่าทาง เชื่อว่าทำเอาคนรักหมาหลายคนอ่อนระทวยแน่นอน
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดจากฝีมือของใคร หรือเป็นเหตุที่แซมมวลตัดสินใจจบชีวิตเองก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ การดูแลความสัมพันธ์ให้ราบรื่นของชีวิตคู่ หรือแม้แต่คนในครอบครัว อาจเป็นสิ่งเล็กน้อยที่สำคัญมาก รวมทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ไม่มีใครที่ถูกไปทั้งหมด และไม่มีใครที่ผิดไปตลอดกาล
ทุกคนล้วนมีความลับที่เก็บซ่อนไว้ในใจ ซึ่งการใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกัน บางครั้งก็จำเป็นต้องยอมรับความผิดพลาดของอีกฝ่าย เพราะชีวิตคู่คือการ “ร่วมทุกข์ ร่วมสุข” และคือการ “ใช้ชีวิตร่วมกัน” ไม่ใช่ “การเอาชนะกัน” ซึ่งได้แต่หวังว่าเวลา จะช่วยลบเลือนความเจ็บปวดและความทุกข์ เหมือนกับปุยหิมะ จะชะล้างคราบเลือดให้จางลงไปบ้างไม่มากก็น้อย
โฆษณา