28 เม.ย. เวลา 10:50 • การศึกษา

ที่ “โกหก” เป็นเพราะนิสัย หรืออยากให้เรา“สบายใจ”กันแน่ ?

ในหลายความสัมพันธ์, การโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความสบายใจหรือ "white lies" อาจถูกมองว่าเป็นวิธีการที่ดูไม่เป็นอันตรายในการถนอมน้ำใจอีกฝ่าย และปกป้องความรู้สึกของคนที่เรารัก แต่ถึงอย่างนั้น, การที่เราเลือกที่จะโกหกบ่อยครั้ง และเริ่มทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ, มันอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อความสัมพันธ์ในระยะยาวได้ เราลองมาดูว่า การที่เขาเลือก ที่จะ “โกหก” เป็นเพราะนิสัย หรืออยากให้เรา“สบายใจ”กันแน่ ?
อาจเป็นเพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
บางคนเลือกที่จะโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งหรือเพื่อจะรักษาความสัมพันธ์ การที่เลือกทำแบบนี้บ่อยๆ อาจดูเหมือนเป็นทางเลือกที่สบายใจในระยะสั้น, แต่มันไม่เป็นผลดีในระยะยาวเลย และมักจะนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่กว่า เมื่อความจริงปรากฎและย่อมมีผลกระทบตามมา
ความไว้ใจและความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์เป็นหนึ่งในพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์ และควรรักษาให้ดี แต่การโกหกซ้ำๆ จะเป็นตัวทำลายความไว้วางใจที่เคยมีอยู่ และทำให้ความสัมพันธ์ต้องยุติลงได้ แต่ถ้าหากเลือกที่จะโกหก เพราะคิดว่ามันก็ปกติแบบนี้อาจเป็นเพราะนิสัยของเขาหรือเปล่า ?
ถ้าเป็นเพราะนิสัย “ชอบโกหก”
นิสัยการโกหกสามารถเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่ดูซับซ้อนและมีความแตกต่างกันไป รวมทั้งปัจจัยทางจิตวิทยา, สังคม, และประสบการณ์ส่วนบุคคล นี่คือปัจจัยหลักๆ ที่
อาจทำให้มีนิสัยชอบโกหก:
ความไม่มั่นคงทางอารมณ์: บางคนอาจรู้สึกว่าต้องโกหกเพื่อปกป้องตัวเองจากการถูกปฏิเสธหรือการถูกวิจารณ์ การโกหกอาจใช้เพื่อป้องกันตนเองจากความรู้สึกที่ไม่มั่นคงหรือความกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงบางอย่าง.
เกิดจากสภาพแวดล้อม: หากเติบโตในสภาพแวดล้อมที่การโกหกถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติหรือได้รับการยอมรับ มักจะมีนิสัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ.
เพื่อให้ได้ผลประโยชน์: บางครั้งการโกหกสามารถพาไปสู่ผลประโยชน์หรือการไม่ต้องสูญเสียอะไรบางอย่างได้ เช่นการได้รับของรางวัล หรือต้องการหลีกเลี่ยงโทษ ซึ่งสามารถสร้างนิสัยการโกหกนี้ให้เกิดขึ้นซ้ำๆได้.
ปัญหาทางจิตวิทยา: ในบางกรณี การโกหกอาจเกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพจิต เช่น โรคจิตเภทหรือความผิดปกติทางอารมณ์และบุคลิกภาพ ซึ่งอาจทำให้มีพฤติกรรมโกหกซ้ำๆ โดยไม่รู้สึกผิด.
การเลี่ยงความรับผิดชอบหรือความไม่สะดวก: บางครั้งคนอาจโกหกเพื่อหลีกเลี่ยง หน้าที่ความรับผิดชอบหรือเพื่อหลีกเลี่ยงบางสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่สะดวกหรือเครียด.
แล้วจะรับมือยังไง ?
การรับมือกับการโกหกที่เกิดขึ้นจากนิสัยหรือจากความต้องการให้คนอื่น“สบายใจ” เป็นเรื่องท้าทายในความสัมพันธ์ และการจัดการกับปัญหานี้ต้องมีความเข้าใจและใช้วิธีที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และเสริมความไว้วางใจในความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน
1. ตรงไปตรงมา
ใช้การพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกและความคาดหวังโดยไม่ตัดสิน สร้างบรรยากาศที่ทุกคนสามารถแสดงความจริงใจและตรงไปตรงมาได้โดยไม่กลัวการถูกตัดสินหรือกลัวที่จะถูกลงโทษ.
2. ความคาดหวังที่ชัดเจน
ตกลงกันเกี่ยวกับความคาดหวังในความสัมพันธ์หรือในสถานที่ทำงาน เช่น การเน้นความสำคัญของ “ความซื่อสัตย์” .
3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
นักจิตวิทยาหรือนักบำบัดสามารถช่วยให้คนที่มีนิสัยโกหกได้รับความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ช่วยให้ระบุสาเหตุของพฤติกรรมการโกหกและวิธีการจัดการ.
4. ควบคุมตนเอง
การฝึกสมาธิ (mindfulness) สามารถช่วยให้รู้ถึงอารมณ์และแรงกระตุ้นของตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่การโกหก การฝึกแบบนี้ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ด้วยความจริงใจที่มากขึ้น.
5. สร้างความไว้วางใจ
ใช้เวลาในการสร้างและซ่อมแซมความไว้วางใจ การโกหกอาจทำลายความไว้วางใจได้ แต่การสื่อสารและการกระทำที่ตรงไปตรงมาสามารถช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างมันขึ้นใหม่ได้.
ทั้งนี้ ไม่ว่าสาเหตุของการโกหกจะมาจากนิสัย หรืออยากให้คนอื่นสบายใจ ทั้งสองกรณีล้วนส่งผลต่อความไว้วางใจและความซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ การรับรู้ถึงสาเหตุและการทำความเข้าใจกับพฤติกรรมเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ไขปัญหา และทำให้สถานการณ์นั้นดีขึ้น การสื่อสารอย่างเปิดเผยและการมีขอบเขตที่ชัดเจนต่อกัน เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความซื่อสัตย์และความไว้วางใจต่อกัน.
"คหสต"
#trend
#โกหกเพื่อความสบายใจ
โฆษณา