เก็บมาฝาก : สัตว์การเมือง (political animal)

“นักปรัชญาการเมืองแต่โบราณ ขอร้องให้ทุกคนเป็นสัตว์การเมือง(political animal) คือมีหน้าที่สนใจการเมือง ร่วมกันจัดสังคมให้อยู่กันอย่างสงบสุข โดยไม่ต้องใช้อาชญา
แต่คนสมัยนี้ทำได้มากเกินไป ขนาดที่เรียกว่า “การเมืองขึ้นสมอง” แล้วใช้การเมืองนั้นเอง เป็นเครื่องมือกอบโกยหรือฟาดฟันผู้อื่น ครอบงำผู้อื่น เพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว ดังนั้น แทนที่การเมืองจะตั้งอยู่ในฐานะเป็นเรื่อง“ศีลธรรม” ก็กลายเป็นเรื่อง “อุปัทวะจัญไร”ในโลกไปเสีย
เมื่อกล่าวโดยปรัชญาทางศีลธรรม การเมืองก็คือหน้าที่ของมนุษย์ที่เขาจะต้องประพฤติ กระทำให้ถูกต้องตามกฎของธรรมชาติอันเฉียบขาด เพื่อผลคือ การอยู่กันเป็นผาสุกโดยไม่ต้องใช้อาชญา แต่เมื่อไม่มีการคำนึงถึงศีลธรรมกันเสียแล้ว การเมืองก็กลายเป็นเรื่องสกปรก สำหรับหลอกลวงกันอย่างไม่มีขอบเขต จนกระทั่งโลกนี้กลายเป็นโลกแห่งการหลอกลวงไปเสีย มีแต่..“สัตว์การเมือง”ที่เป็น“สัตว์”เอาเสียจริงๆ กล่าวคือ บูชาเรื่อง..กิน...กาม...เกียรติ...แทน “สันติสุข”
มีใครสักกี่คน ที่เป็นนักการเมืองเพื่อเอาบุญด้วยการช่วยสร้างสันติภาพขึ้นในโลก? และ มีกี่คนที่เป็นนักการเมืองเพื่อ “ตัวกู-ของกู” และมีผลกลายเป็นเรื่องของ..กิน..กาม..เกียรติ ที่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว
ธรรมะ กับ การเมือง เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ได้ แยกกันเมื่อไร การเมืองก็กลายเป็นเรื่องทำลายโลกขึ้นมาทันที
การเมืองที่แท้จริงสำหรับมนุษย์ ต้องตั้งรากฐานอยู่บนรากฐานทางศาสนาของทุกศาสนา ที่มีอยู่ว่า...“สัตว์ทั้งหลาย เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น” นักการเมืองที่มีธรรมสัจจะข้อนี้อยู่ในใจ...การเคลื่อนไหวของเขาทุกกระเบียดนิ้ว มีแต่บุญกุศล จนกระทั่งกลายเป็นปูชนียบุคคลไป
ขอภาวนาให้โลกเรา มีนักการเมืองชนิดนั้น เป็นผู้จัดการเมืองของโลกโดยทั่วไปเถิด”
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : หนังสือ“ธรรมวาทะ ของ ท่านพุทธทาส” หน้า ๑๓๔-๑๓๕
#ชีวิตสำคัญที่เป้าหมาย วิธีคิด และการกระทำ
โฆษณา