19 พ.ค. เวลา 08:03 • นิยาย เรื่องสั้น

ตอนที่ 1 : ห้องเช่าหลอน

ห้องเช่าหลอนจากเรื่องจริง
KDK
นายบอย นักศึกษามหาลัยปี 1 หนุ่มบ้านเหนือ เมืองเชียงใหม่ ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาในมหาลัยของกรุงเทพแห่งหนึ่ง ด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัด ความฝันที่อยากเรียนมหาลัยดีๆ แต่ทุนทรัพย์กลับไม่เอื้ออำนวย ทำให้ต้องหางานพาร์ทไทม์ทำ และเรียนหนังสือไปด้วย ที่สำคัญในการเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ากรุงนั้น ที่พัก การอยู่อาศัยจึงเป็นเรื่องที่ต้องหาเป็นอันดับแรกๆ
บอยจึงได้เริ่มหาห้องเช่าราคาถูกในซอยรอดอนันต์ ถึงจะเปลี่ยวซักหน่อยแต่ซอยนี้ทำให้การเดินทางที่ไม่ไกลจากที่ทำงานพาร์ทไทม์มากนัก สามารถเดินไปไม่ถึง 200 เมตรก็ถึงที่ทำงาน ครั้งแรกที่บอยเห็นจะเป็นตึกสูง 3 ชั้น แต่ละชั้นมีห้องเรียงติดกันชั้นละ 10 ห้อง แต่ละชั้นมีคนอยู่ที่เกือบเต็มทุกชั้น ด้านล่างตึกมีร้านชำเล็กๆที่เปิดถึง 5 ทุ่ม
ด้วยสภาพตึกและการอยู่อาศัยของผู้คนในนั้นที่เป็นนักศึกษาด้วยกันแล้ว บอยคิดว่าราคาน่าจะไม่ค่อยแพงเท่าไหร่ จึงได้เข้าไปสอบถามราคาห้องเช่ากับเจ้าของตึก
 
เจ้าของตึก: "ราคาห้อง 1,500 บาทครับ ไม่รวมน้ำไฟ เป็นห้องพัดลม มีเฟอร์นิเจอร์ให้ แต่สภาพไม่ค่อยดีนักนะ ดูห้องก่อนไหม"
บอย: "ครับ ผมขอดูห้องก่อนก็ได้ครับ"
ห้องของบอยจะอยู่ห้อง 203 ชั้นที่ 2 ลักษณะห้องจะมีประตูทางเข้าด้านหน้าและจะมีประตูทางออกด้านหลังสำหรับเปิดออกไปซักผ้าล้างจาน เมื่อเปิดประตูออกไปจะเห็นเป็นก่อไผ่ปลูกเรียงกันอย่างกับแนวกำแพง
บอย (คิดในใจ): "สภาพห้องก็ไม่แย่เท่าไหร่นะ ฟอร์นิเจอร์ก็ไม่เก่ามาก พออยู่ได้เหละ"
บอยจึงตัดสินใจที่จะเช่าห้องนี้กับเจ้าของตึก เมื่อตกลงกันเรียบร้อย บอยก็เริ่มทำความสะอาดห้องเสร็จก็ขนของเข้ามาและจัดระเบียบภายในห้องเรียบร้อย กว่าจะเสร็จก็ใกล้จะพลบค่ำแล้ว เลยหุงหาอาหารรับประทานกัน เสร็จแล้วบอยก็อาบน้ำเข้านอนและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
รุ่งเช้าบอยก็ไปเรียนและกลับมาทำงานพาร์ทไทม์ตามปกติ งานพาร์ทไทม์ของบอยจะเลิกงานประมาณ 3 ทุ่ม เมื่อบอยล็อคประตูหน้าห้องหลังห้องเรียบร้อย กินข้าว อาบน้ำ และมานอนคว่ำอยู่บนที่นอนเอามือเท้าคางดูทีวี โดยปิดไฟในห้องหมด จะมีเพียงแสงสลัวๆจากหน้าต่างภายนอกส่องลอดเข้ามาร่ำไร ตามรอยก่อไผ่ที่สูงแบบพลิ้วไหว
....เวลาสักประมาณเที่ยงคืนกว่า บอยสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียง...
"ฝีเท้า... ฝีเท้าที่ไม่ได้มีแค่คนเดียว เดินผ่านหน้าห้องไปแบบหลายคน"
"เสียงฝีเท้า เดินสับกันแบบทุก 1-2 นาที"
บอยมองไปที่ประตูตามเสียงฝีเท้าที่เดินผ่าน ใต้ประตูจะเป็นช่องเล็กๆ ที่ไฟทางของตึกเปิดอยู่ตลอดเวลา กลับเห็นเงาดำผ่านไปตามเสียงฝีเท้า บรรยากาศความมืดภายในห้องทำให้บอยเริ่มวิตกและเกิดความกลัว เสียงฝีเท้าที่เดินผ่านไปมาหลายนาทีนั้น สักพักก็เงียบหายไป
บอย: "ดึกป่านนี้แล้ว เดินไปไหนกันเสียงดังนะ"
บรรยากาศยามค่ำคืนของตึกนี้จะเงียบมาก เนื่องจากไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่านสักเท่าไหร่ เมื่อเสียงทุกอย่างเงียบลง บอยจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เสียงของเข็มนาฬิกาที่หมุนต่อไปเรื่อยๆ
"ติ้ก... ติ้ก... ติ้ก..."
เวลา 02.58 น. บอยก็สะดุ้งตื่นเองอีกครั้ง และได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินผ่านหน้าประตูทุก 1-2 นาทีเช่นเคย
บอย: "อะไรอีกเนี่ย ไม่หลับไม่นอนกันอีกหรือไงว่ะ คืนที่สองเองนะ ทำไมถึงวุ่นวายแบบนี้ว่ะ"
บอยจึงตัดสินใจเดินไปที่ประตูด้วยความงัวเงีย พล่างบ่นกับตัวเองไปพล่าง เมื่อเดินถึงประตูเสียงกับเงียบและเงากับหายไป บอยเอาหูแนบที่ประตูเพื่อฟังเสียง แต่กลับไม่มีเสียงอะไรนอกจากความเงียบ บอยเดินกลับมาที่เตียงเพื่อจะล้มตัวลงนอน
หลังจากเดินออกห่างจากประตูได้เพียง 3 ก้าว เสียงกลับมาอีกครั้ง บอยสะดุ้งหันควับไปที่ประตู เสียงยังไม่หาย.... บอยเปิดประตูทันทีด้วยความโมโห
บอย: "อะไรกันว่ะ"
สิ่งที่บอยเห็นเมื่อเปิดประตู กับพบแต่เพียงความหว่างเปล่าของทางเดินหน้าประตู...
บอย: "เหี้ยไรเนีย มันคืออะไรว่ะ"
บอยสะบดคำหยาบด้วยความตกใจที่ไม่พบเห็นอะไรเลย บอยยืนนิ่งที่หน้าประตูประมาณเกือบ 5 นาที และระหว่างนั้นได้มองไปทางซ้ายและขวาตามแนวทางเดิน กลับไม่พบใคร มีเพียงแสงจากหลอดไฟสลัวๆ ที่ส่องตามทางเดินเท่านั้น
บอยจึงตัดสินใจปิดประตูและกลับมานอนที่เตียงอีกครั้ง
บอย: "มันคืออะไรว่ะ"
บอยค่อยๆล้มตัวลงนอน ขณะที่ล้มตัวลงนอนหัวถึงหมอนนั้น เสียงฝีเท้าดังกลับขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้ยินมาจากหน้าประตูห้องของบอย แต่กลับได้ยินเสียงที่ดังขึ้นผ่านปลายเตียงของบอยผ่านไปทางประตูหลังห้องแทน
บอย: "เหี้ย!!!"
บอยรีบลุกขึ้นมานั่ง พร้อมสะบดคำหยาบด้วยความกลัว.... หันซ้าย หันขวา ด้วยความเลิกลั่ก เสียงฝีเท้าที่ดังไม่หยุด..... บอยกลับเหลือบไปเห็นที่จอทีวีที่ติดผนังอยู่
บอย: "ว้ากกกก !!"
สิ่งที่บอยเห็นในเงาจอทีวีนั้น กลับเป็นผู้ชายผมสั้นและผู้หญิงผมยาวหลายคนเดินผ่านเงาในจอทีวีไป บอยตกใจตัวสั่น ขยับตัวไม่ได้ด้วยความกลัว บอยรีบหันไปทางหน้าต่างที่แสงไฟส่องสลัวทันที...
เงาบนหน้าต่างตามเสียงฝีเท้าที่เดินผ่านปลายเตียงของบอยไปนั้น กับพบใบหน้าหญิงผมยาว ผมยาว...จนปิดมาบังใบหน้าไปครึ่งซีก กำลังจ้องมองมาที่บอย บอยตะลึงด้วยความกลัวอีกครั้งจนขยับตัวไม่ได้ รีบท่องบทสวดมนต์
บอย: "นะโมตัสสะ พัคคะวะโต อะระหะ...."
แต่เสียงบทสวดนั้นบอยกลับตะเบ่งเสียงไม่ออก เหมือนคนพูดแต่ไม่มีเสียง ระหว่างนั้นใบหน้าของผู้หญิงเริ่มมีเลือดไหลออกมาจากตา จมูก... ปากที่ค่อยๆอ้ากว้างขึ้นๆ
"อ่าาาา.... อ่า......."
บอยที่ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอยู่นั้นเริ่มขยับตัวถอยหลังไปติดกับหัวเตียงแบบอัตโนมัติ หันหน้าหลบออกจากหน้าต่าง เสียงที่ได้ยินเงียบลง....
บอยหลับตาปี๋ หายใจเร็วและถี่ขึ้น เหมือนคนกลัวมาก ซักพักเมื่อบอยตั้งสติได้และไม่ได้ยินเสียงนั้นแล้ว ค่อยๆลืมตา ชายตาไปมองที่หน้าต่างอย่างช้าๆอีกครั้ง เงาผู้หญิงคนนั้นกลับไม่มีแล้ว บอยรีบมองรอบห้องทันที...
เมื่อบอยหันกลับมามองตรงไปยังปลายเตียง อยู่ๆร่างผู้หญิงคนนั้นก็หล่นมาตรงหน้า ในสภาพที่ถูกแขวนคอกับพัดลมเพดาน
"พรึ่บ... เอี๊ยดอ๊าดๆ..."
ด้วยสภาพลืมตา คอที่ห้อยอยู่กับผ้าพันคอ เลือดที่ไหลออกจากมือหยดลงบนเตียงอย่างไม่หยุด ราวกับถูกกรีดด้วยของมีคม ตาของผู้หญิงที่ค้างอยู่ เหมือนคนตายตาไม่หลับ กลับค่อยๆขยับ เหลือบมามองที่บอยด้วยสายตาที่อาฆาต
"มึง... มึงง....."
บอยตกใจจนสติหลุด ร้องโวยวายเหมือนคนบ้า ฉี่ราดออกมาจากกางเกง รีบลุกออกจากเตียงด้วยความกลัวสุดขีด หลับตาพร้อมร้องเสียงหลง และรีบเปิดประตูออกไป แต่ประตูที่บอยเปิดนั้นกลับเป็นประตูด้านหลังห้อง ทำให้พลัดตกลงมาจากชั้น 2 หน้าเสียบเข้ากับก่อไผ่แหลมค้างอยู่ที่ก่อไผ่ และร่างห้อยลงมาที่พื้น เสียชีวิตคาที่
วันต่อมา.... ชาวบ้าน และคนที่พักในหอนั้น ต่างมามุงดูร่างที่ไร้วิญญาณของบอยด้วยความเวทนา เจ้าของตึกที่มาทีหลังเห็นสภาพถึงกับเข่าทรุด สั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว
"อีกแล้วเหรอ... อีกแล้วเหรอ... ทำไม ทำไมต่างคนต่างอยู่กันไม่ได้"
บ่นพึมพำ พรางร้องไห้ด้วยความสงสารไปด้วย
จากการสอบถามประวัติเรื่องราวของห้องเช่า 203 นั้น ผู้คนในระแวกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันคือความผิดของเจ้าของตึกที่ข่มขืนผู้หญิงที่เป็นผู้เช่าในห้องนั้น อายุเพียง 19 ชาวพม่า แล้วไม่ยอมรับผิดชอบ ผู้หญิงคนนั้นเลยกรีดข้อมือ และแขวนคอตัวเองตายคาห้องพัก
"เหยื่อที่ต้องตายแบบนี้เป็นรายที่เท่าไหร่แล้วนะ เฮ้อ... ป้าละเวทนาจริงๆ ไม่ยอมไปผุดไปเกิดซักที...."
โฆษณา