5 พ.ค. เวลา 14:07 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

เม็กซิโกจะกลายเป็นโรงงานของโลกในอนาคตหรือไม่?

นับตั้งแต่เวียดนามถูกทิ้งโดยตลาดทุนโลกในปี 2565 เม็กซิโกก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงหนึ่งหรือสองปี
เขตสาธิตการจัดจ้างบุคคลภายนอกที่เป็นมิตร ซึ่งก่อตั้งโดยเม็กซิโกได้ดึงดูดความสนใจและกลายเป็นเป้าหมายของทุกบริษัทที่ต้องการแบบน่าอิจฉา....
ทำให้ตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงเกิดจุดร้อนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
โดยทั่วไป เม็กซิโกสามารถสรุปได้ในประโยคเดียว
คือ ห่างไกลจากสวรรค์และใกล้กับสหรัฐอเมริกามากเกินไป ดังจะสามารอธิบายลักษณะที่กล่าวมาได้ดังต่อไปนี้
1
เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีความโปร่งใสปานกลางและเป็นประเทศที่เล็กกกกกก..มาตั้งแต่ปี 2557
แต่กลับทะยานขึ้นในปี 2566
ขณะนั้นมีเพียง 36 บริษัทในหุ้นหนาของดัชนีหุ้น Mexican Exchange และบริษัทเหล่านี้มีก็เงาหนาทึบของสหรัฐอเมริกาหนุนหลัง
1
หากคุณพิจารณาดูผู้ควบคุมที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังบริษัทเหล่านี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้น จริงๆ แล้วพวกเขาจะถูกผูกขาดโดย 4 หรือ 5 ตระกูล
ยิ่งไปกว่านั้น เม็กซิโกมีการเสนอขายหุ้น IPO ที่เป็น 0 หรือหลักเดียวมาเป็นเวลานาน
1
นี่แสดงให้เห็นว่าตลาดการเงินของเม็กซิโกแทบไม่มีอยู่จริงหรืออยู่ในสถานะที่ไม่ใช้งานมากนัก
ทำไมที่ผมได้กล่าวอย่างนั้นน่ะหรือครับ
อย่างแรกๆเลย อันว่าบริษัทดีๆ ที่มีอยู่ในเม็กซิโกทั้งหมดได้เข้าสู่สาธารณะในสหรัฐอเมริกาแล้ว
ต่อมา คือ ตลาดท้องถิ่นถูกควบคุมโดยผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย และผู้เล่นใหม่ไม่สามารถเข้ามาได้
โดยเน้นไปที่ตราสารหนี้เป็นหลัก ทำให้ตลาดหลักทรัพย์เม็กซิโกได้รับการพัฒนาน้อยลงๆในการซื้อขายตราสารทุน
นอกจากนี้ยังหมายความว่าเมื่อมีกองทุนใหม่เข้ามา จะมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดทั้งหมด
ถ้าเป็นอย่างนั้น....เม็กซิโกจะกลายเป็นโรงงานของโลกในอนาคตตามที่ผมเกริ่นไว้หรือไม่?
ถ้าผมมองดู อินเดียอาจเข้ามาแทนที่จีนและกลายเป็นโรงงานแห่งถัดไปของโลก
คงพูดได้ยากสำหรับเม็กซิโก
แต่ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไรกับการที่เม็กซิโกกลายเป็นโรงงานของทวีปอเมริกา
ดังนั้น เม็กซิโกจึงแยกตัวออกจากแนวคิดเรื่องการจ้างบุคคลภายนอก(นอกชายฝั่ง)อย่างรวดเร็ว และสร้างแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของ
"การจ้างบุคคลภายนอกที่เป็นมิตร"
เมื่อพิจารณาทั่วทั้งอเมริกาเหนือ เม็กซิโกเป็นบริษัทเดียวที่สามารถรับมือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ ได้
เมื่อพิจารณาดูเส้นทางยานยนต์พลังงานใหม่ที่กำลังมาแรงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ปัจจุบันจีนเป็นผู้ส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่รายใหญ่ที่สุดในโลก
แม้แต่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เม็กซิโกก็ยังมีสถานที่ๆเป็นของตัวเอง
เนื่องจากภายใต้ข้อตกลงภาษีระหว่างสหรัฐอเมริกา-แคนาดา-เม็กซิโก เงินอุดหนุนภาษีสามารถทำได้เฉพาะในสถานที่ที่สหรัฐอเมริกากำหนดเท่านั้น
และเม็กซิโกจะเป็นสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอน
ดังนั้น หากคุณดูข้อมูล ส่วนแบ่งของเม็กซิโกต่อตัวบ่งชี้ประเทศต้นทางสำหรับการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในปีที่แล้วจึงแซงหน้าจีนไปอย่างน่าตกใจ
ส่วนในทางเอเชีย ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
เวียดนามก็แทบไม่ได้ Hot หรือร้อนแรงในต่างประเทศมากนัก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผู้คนจำนวนมากในจีนจึงโปรโมทว่าเวียดนามร้อนมากๆ
1
จริงอยู่ ในปี 2561-2564 เป็นปีทองของเวียดนาม ในเวลานั้น สหรัฐฯ มีความหวังสูงสำหรับเวียดนาม
และต้องการใช้เวียดนามมาแทนที่สถานะห่วงโซ่อุปทานของจีน
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้า สหรัฐฯ ก็ตระหนักได้ว่าเวียดนามเป็นเพียงท่าเรือการค้าส่วนหน้า
1
ที่ดำเนินการต่อชิ้นส่วนง่ายๆ จากจีน หรือเพียงแค่เปลี่ยนฉลากเท่านั้น
ผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดคือเจ้าของโรงงานในจีน
หลังจากทราบเรื่องนี้ เวียดนามก็ถูกตลาดทุนโลกโล๊ะทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
การไหลเข้าของทุนจีนไม่เพียงแต่เข้าสู่โรงงานเท่านั้น
แต่ยังเข้าสู่ตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ด้วย
แน่นอนมันทำให้เกิดฟองสบู่จำนวนมาก ฟองสบู่เหล่านี้สะสมและถึงจุดสูงสุดในปี 2565
เวียดนามจึงประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายถึงสองเท่าในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนั้นและตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัว
หากผู้ลงทุนต้องเลือกสถานที่ที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะมาแทนที่จีน
นอกเหนือจากสามแห่ง อันได้แก่ เวียดนาม อินเดีย และเม็กซิโก
...มันก็อาจเป็น อินเดีย นะนายจ๋าาาาาาาาาา...
โฆษณา