Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
AIA Thailand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
30 พ.ค. 2024 เวลา 02:00 • สุขภาพ
ขี้ตกใจขั้นไหนถึงเรียก “โรคแพนิค”
อยู่ดี ๆ ก็สะดุ้งหรือบางครั้งก็เกิดความวิตกกังวลแบบไม่รู้ตัว หลายคนอาจจะนิยามอาการเหล่านี้ว่า ฉันเป็นคนขี้ตกใจ…แต่รู้หรือไม่ บางทีอาการแบบนี้ก็ไม่ใช่พฤติกรรมทั่ว ๆ ไป เพราะนั่นอาจหมายถึงการเป็นโรคแพนิค หรือ Panic Disorder ก็เป็นได้
1
โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นหนึ่งในโรคที่มีคนกำลังเผชิญอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน เนื่องจากสังคมที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการตื่นตระหนกกับปัญหาที่พบเจอ โดยอาการของแพนิค เกิดขึ้นจากฮอร์โมนลดหรือเปลี่ยนแปลงกะทันหัน โดยมีสาเหตุจากสิ่งเร้าทางกายภาพหรือความรู้สึก ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ร่างกายจึงรับคำสั่งที่ผิดพลาดและมีการตอบสนองที่ไม่ปกติด้วยเช่นกัน 🤯
ดังนั้น คำถามสำคัญคือแล้วถ้าเราเป็นคนขี้ตกใจ อาการแบบไหนหรือลักษณะไหนถึงจะเรียกว่าเข้าขั้นแพนิค ซึ่งวิธีการหลัก ๆ คือสำรวจตัวเองว่ามีอาการเข้าข่ายเหล่านี้หรือไม่ ได้แก่
😱 เกิดความรู้สึกกลัว วิตก รู้สึกกระวนกระวาย ตื่นตกใจขึ้นมาแบบทันทีหรือเฉียบพลันทั้ง ๆ ที่ไม่มีสาเหตุ
😱 มีอาการใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกหรือรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
😱 มีอาการวิงเวียน เหงื่อออก รวมถึงรู้สึกวูบเหมือนจะเป็นลม
😱 รู้สึกว่าไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ หรือถ้าอยู่คนเดียวจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
😱 ระยะเวลาการเกิดอาการต่าง ๆ ไม่ได้เกิดขึ้นแล้วหายทันทีแต่อยู่นานราว 10-30 นาที
ซึ่งถ้าหากมีอาการที่กล่าวมาข้างต้นเกินกว่า 1 ข้อขึ้นไป ให้สันนิษฐานก่อนได้ว่าตัวเราอาจเป็นโรคแพนิค จะได้ระวังตัวหรือหาวิธีในการรักษาให้อาการเหล่านี้ไม่เกิดซ้ำขึ้นอีก
การดูแลและรักษาหากเป็นโรคแพนิค 😇
ในการดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคแพนิคและขั้นตอนการรักษาเพื่อให้อาการเหล่านี้หายไป สามารถทำได้ 2 รูปแบบ แต่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็ต่อเมื่อทำควบคู่กันไป ประกอบด้วย
1. การรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ ได้แก่
▪️ การรักษาด้วยยาเพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมองให้เป็นปกติ
▪️ การตรวจเลือดหาสาเหตุในจุดที่ร่างกายผิดปกติ จะได้รักษาให้ตรงจุดยิ่งขึ้น
2. การดูแลตัวเองจากปัจจัยภายในและปรับเปลี่ยนพฤิตกรรม ได้แก่
▪️ พยายามพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เร่งรีบ อยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น
▪️ นอนให้เพียงพอและเป็นเวลา พร้อมทั้งรับประทานอาหารที่ดีต่อการบำรุงสุขภาพ
▪️ ลดหรือหลีกเลี่ยงการใช้งานจอคอมพิวเตอร์และมือถือ
▪️ ควบคุมอาหารบางประเภทที่กระตุ้นระบบการทำงานสมองที่ผิดปกติ เช่น คาเฟอีน เป็นต้น
▪️ หากิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ทำได้อย่างช้า ๆ เพื่อฝึกสติให้แข็งแรง
การดูแลตัวเองอยู่เสมอ รวมถึงปรึกษาและรับการรักษาจากแพทย์ ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงทั้งภายนอกและภายใน ที่สำคัญยังเป็นปราการป้องกันภาวะทางอารมณ์ที่จะทำให้เราไม่เป็นโรคตื่นตระหนกหรือแพนิคได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูล กรมสุขภาพจิต
ติดตาม Community AIA Thailand ได้ที่
https://www.blockdit.com/aiathailand
aiathailand
สุขภาพ
สุขภาพจิต
1 บันทึก
1
3
1
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย