11 มิ.ย. 2024 เวลา 01:51 • ไอที & แก็ดเจ็ต

สรุปไฮไลต์งาน WWDC การอัปเดตครั้งใหญ่ของ Apple พร้อมเปิดตัว “Apple Intelligence”

คืนนี้ Apple ได้เปิดอิเวนต์ Worldwide Developer Conference หรือ WWDC 2024
งานที่เหล่านักพัฒนาจากทั่วโลก ต่างจับตามอง
ภายในงานนี้จะไม่มี “การเปิดตัวสินค้าใหม่”
แต่จะเป็นการเปิดตัวฟีเชอร์ใหม่เกี่ยวกับระบบ อย่างเช่น iOS, iPadOS, macOS เพียงเท่านั้น
ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ AI ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก ซึ่ง Apple ก็จัดให้โดยการเปิดตัว “Apple Intelligence”
แล้วงานนี้ Apple ได้โชว์ฟีเชอร์หรือ ความสามารถอะไรที่น่าสนใจบ้าง..
MarketThink สรุปไฮไลต์ที่น่าสนใจจากงาน WWDC 2024 มาให้เป็นข้อ ๆ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน
ได้แก่ การอัปเดต iOS และ Apple Intelligence
1. visionOS
การอัปเดตในครั้งนี้ส่งผลให้ Vision Pro มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ยกตัวอย่างฟีเชอร์ที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น สามารถเปิดใช้งานรูปภาพแบบ Spatial Photo เพื่อเพิ่มมิติให้กับรูปภาพ, การสั่งใช้งานแบบใหม่ ที่ทำให้สามารถสะดวกต่อการใช้งานมือเดียวมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Spatial Video ที่สามารถถ่ายด้วย iPhone 15 Pro และ Pro Max หรือก็คือการถ่ายวิดีโอที่มีมิติ ที่จะทำให้เราสามารถมองเห็นรอบ ๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วย Spatial Audio ที่ทำให้เราได้ยินเสียงในทิศทางที่เหมือนจริงมากขึ้น
พร้อมทั้งยังมีการบอกเพิ่มเติมอีกว่าจะมีแอปใหม่ ๆ ให้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตอนนี้ก็เริ่มมีเกมพร้อมกับแอปต่าง ๆ เข้ามาให้ใช้งานกันแล้วกว่า 2,000 แอป
2. iOS 18
- หน้าจอหลักที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลากแอปไปวางตรงไหนก็ได้ในหน้าจอ, สามารถเปลี่ยนสีไอคอนแอปได้
- ใน Control center หรือ แผงควบคุม สามารถเลื่อนขึ้นเพื่อใช้หน้าต่างเพลง พร้อมทั้งปรับขนาดแอปได้
- หน้าจอล็อคสามารถเปลี่ยนแอปได้แล้ว จากเดิมที่ล็อกไว้แค่กล้องกับไฟฉาย
- สามารถล็อคแอปได้ เช่น เมื่อเพื่อนของเราขอดูรูปภาพ เพื่อนจะดูได้แค่ในแอปรูปภาพ
ถ้าเพื่อนจะออกไปใช้แอปอื่นต้องสแกนหน้าก่อนใช้งาน
- สามารถกดอิโมจิที่ข้อความได้ พร้อมทั้งสามารถสร้างกำหนดการด้วยข้อความได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถใส่ เอฟเฟกต์ในข้อความได้ เช่น สั่น หรือ กระพริบ
- แอป “อีเมล” จะช่วยจัดหมวดหมู่ของอีเมลให้ เช่น ส่วนบุคคล, โปรโมชัน, ประกาศ
- แอป “แผนที่” สามารถบันทึกเป็นออฟไลน์เพื่อบันทึกเป็นการเดินทางของตนเองได้
- Apple Wallet สามารถจ่ายเงินให้กัน เพียงแค่เอาเครื่องมาชนกัน เหมือนกับการแลกนามบัตร และยังสามารถสร้างดีไซน์ เหมือน NameDrop ได้
- Game Mode ที่จะลดการทำงานของแอปอื่น ๆ ในเบื้องหลัง เพื่อทำให้การเล่นเกมลื่นไหลมากขึ้น
- แอป “Photo” มีการออกแบบให้สามารถหารูปภาพง่ายขึ้น สามารถเลือกเดือนและปี เพื่อเลื่อนไปที่รูปที่ต้องการได้เลย และยังสามารถเลือกจากสถานที่ ผู้คน หรือวันสำคัญได้อีกด้วย
นอกจากนี้การเลือกอัลบัมต่าง ๆ จะได้วิธีการเลื่อนไปด้านข้างแทน เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ของแอป Photo เลยทีเดียว
3. Audio & Home
ไฮไลต์เด่น ๆ ของด้าน Audio & Home เลยก็คือ ฟีเชอร์ใหม่ของ AirPods ที่สามารถสั่งใช้งาน Airpod โดยที่ไม่ต้องแตะได้ เช่น ใช้วิธีการส่ายหัวเพื่อไม่รับสาย
 
พร้อมทั้งระบบตัดเสียงรบกวนจากภายนอกแบบใหม่ ที่ไม่ว่าเราจะอยู่กลางถนนหรือ สถานที่ที่มีเสียงรบกวนเยอะ ก็ยังสามารถสนทนากับสายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
1
นอกจากนี้ยังมีโหมด Spatial Audio สำหรับการเล่นเกม ที่จะทำให้การเล่นเกมสนุกมากขึ้น ด้วยระบบเสียงที่สมจริงรอบทิศทาง
4. watchOS
การอัปเดตหลัก ๆ ของ watchOS นี้ คือการเก็บข้อมูลสุขภาพผ่าน Apple Watch และวิเคราะห์สุขภาพของเราให้อย่างเหมาะสม
ยกตัวอย่างฟีเชอร์ที่เพิ่มเข้ามา เช่น สามารถปรับระดับการออกกำลังกายได้ และจะมีการเก็บข้อมูลของเราวันต่อวันเพื่อบอกว่าโดยรวมเราสามารถออกกำลังกายได้ประมาณไหน, บันทึกการนอนที่ละเอียดมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ การหายใจ และชั่วโมงการนอน
และในแอป “สุขภาพ” สามารถปรับแต่งหน้าจอการแสดงข้อมูลได้ตามความต้องการ
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ Apple Watch ในการจ่ายเงิน, เรียกสิริ, ตอบข้อความ, แปลภาษาด้วยเสียง และดู Live Activities ได้ เช่น การออกกกำลังกาย และบริการเรียกรถ เป็นต้น
5. iPad OS
ฟีเชอร์โดยทั่วไปจะเหมือนกับ iOS 18 ทั้งหมด แต่จะมีการเพิ่มฟีเชอร์ในส่วนของ Share play
ที่สามารถแชร์จอให้กัน รวมถึงวาดบนหน้าจอให้กันได้, Freeform ที่มีฟีเชอร์ในการนำเสนองานได้
และไฮไลต์สำคัญคือ “เครื่องคิดเลขมาแล้ว” มาพร้อม Math Notes แอปช่วยคำนวนอัจฉริยะ
เช่น เราสามารถเขียนโจทย์และ iPad จะตอบให้เอง ซึ่งรวมถึงโจทย์สมการ และโจทย์ฟิสิกส์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตอบด้วยตัวเลข หรือว่าตอบเป็นกราฟ
นอกจากนี้ยังมาพร้อม “Notes Smart Script” ที่จะปรับลายมือของเราให้อ่านง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยแก้คำผิดโดยใช้แบบอักษรสไตล์ที่เราเขียนอีกด้วย
6. macOS
ไฮไลต์ของ macOS นี้คือ “สามารถเอา ไอโฟนมาแสดงผลใน Mac ได้” และสามารถควบคุมได้
ทำให้ไม่ต้องสลับไปใช้ iPhone เลย แม้ว่า iPhone จะยังล็อคอยู่ก็ตาม
นอกจากนี้มีฟีเชอร์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ช่วยปรับหน้าต่างได้ง่ายมากขึ้น เวลาใช้หลายหน้าต่าง, สามารถเพิ่มพื้นหลัง หรือใส่เอฟเฟคเวลาวิดีโอคอลได้, สามารถรวบรหัสต่าง ๆ ในแอป Keychain Password App เป็นต้น
และยังปิดท้ายเพิ่มเติมด้วยว่า ภายในปีนี้จะมีเกมเข้ามาให้ MacBook ได้เล่นเพิ่มเติมอีกด้วย
ต่อไปคือการเปิดตัว AI ที่ Apple เรียกว่า “Apple Intelligence”
แล้วมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ? MarketThink สรุปให้อ่านแบบสั้น ๆ
เริ่มต้นที่ไฮไลต์ของงานก่อนเลย ซึ่งก็คือ “Siri” ที่มีการอัปเดตครั้งใหญ่ จนแทบจะลืม “Siri” คนเดิม
โดยความสามารถของ Siri ที่เพิ่มเติมเข้ามานั้น หากจะให้เปรียบเทียบ ก็เหมือนกับการใช้งาน GPT-4o เลยนั่นเอง
ซึ่งหมายถึง Siri สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีการแสดงอารมณ์และความเป็นธรรมชาติในการสนทนานั่นเอง
และ Siri สามารถทำงานอยู่เบื้องหลังได้ด้วย เช่น เราสามารถออกคำสั่งให้ Siri แต่งภาพให้เราได้ เพียงแค่เราบอกว่าเราอยากได้รูปแนวไหน
นอกจากนี้ Apple ยังชูความสามารถในด้าน AI อย่างอื่นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Genmoji ที่สามารถใช้คำสั่งในการสร้างอิโมจิ, ImagePlayground หรือก็คือการสร้างภาพด้วย Generative AI และ Image Wand ที่สามารถเปลี่ยนภาพวาดเป็น ภาพเสมือนจริงด้วย AI
จะพอเห็นภาพรวมได้ว่า Apple ก็ได้โชว์ความสามารถในด้านของ AI ไปหลายอย่างแล้ว แต่ Apple ก็ได้ย้ำว่า “มันพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น.. ”
และส่วนวันที่จะปล่อยให้ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ได้อัปเดตกันนั้น ก็ต้องรอติดตามกันอีกที
โฆษณา