19 มิ.ย. เวลา 13:26 • ไลฟ์สไตล์

บทความสัมภาษณ์นักเขียนนิยายออนไลน์ นามปากกา สวรรยสร

สวัสดีค่ะทุกคน พบกับอีกแล้วนะคะกับผู้สังเกตการณ์และบทความสัมภาษณ์นักเขียนนิยายออนไลน์ วันนี้บอกตามตรงว่าแอดมินมีความตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะไม่คิดว่ารุ่นพี่นักเขียนที่มากความสามารถจะมาร่วมวงสนทนา และแบ่งปันประสบการณ์ ข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ในแวดวงของการเป็นนักเขียนนิยายมาให้รุ่นน้องอย่างพวกเราได้ชื่นชมด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งความเมตตาที่ทางเพจรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพื่อน ๆ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าแอดมินพูดถึงใครกันนะ ถ้าอย่างนั้นเราไปทำความรู้จักกับท่านกันเลยค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : สวัสดีค่ะคุณนักเขียนช่วยแนะนำตัวเองกับเพื่อน ๆ นักอ่านของเราหน่อยคะ
นักเขียน : สวัสดีค่ะทุกคน พี่ขอบอกแค่ชื่อเล่น 'ปอง' กับนามปากกาที่ใช้ในปัจจุบันนะคะ คือ ‘สวรรยสร’ แปลว่า ‘สมบัติทิพย์’
ผู้สังเกตการณ์ : ชื่อนามปากกาเพราะมากค่ะพี่ปอง ความหมายก็ดีงาม เป็นมงคลด้วย
นักเขียน : ขอบคุณค่ะ จริง ๆ แล้ว ‘สวรรยสร’ เป็นนามปากกาที่สอง นามปากกาแรกคือ ‘สายธารา ภูผาหยก’ แต่นามปากกานี้ไม่ได้ใช้แล้ว เพราะ 1) มันออกจีนไปหน่อย ถ้าจะเขียนนิยายแนวที่ไม่จีน นามปากกานี้ไม่ตอบโจทย์ และ 2) นามปากกาไม่ถูกโฉลกค่ะ เพราะเกิดวันจันทร์ ชื่อต้องไม่มีสระ ด้วยสองเหตุผลนี้ เลยหานามปากกาใหม่แล้วก็ได้ ‘สวรรยสร’ มา รู้สึกว่าเป็นชื่อที่เพราะมาก ฟังแล้วติดหู
ผู้สังเกตการณ์ : ติดหู ดึงดูดสายตา สะกดใจจริง ๆ ค่ะ แอดมินก็อ่านทวนหลายครั้ง มีความไพเราะในการออกเสียง สัมผัสที่คล้องจอง แถมจำง่ายด้วยค่ะ
นักเขียน : แล้วพอเอาไปมู คือเรายังไม่ดังนี่เนอะ เลยต้องมูกันสักนิด จะเรียกว่ามูคงไม่ถูก ต้องเรียกว่าเอาไปดูในเว็บไซต์โหราศาสตร์ที่มีน้องนักเขียนคนหนึ่งแนะนำมา ก็ได้มาว่า ‘ชื่อนี้เด่นในเรื่องการงานดี ผู้ใหญ่เมตตา’ และ ‘จะนำมาซึ่งลาภยศชื่อเสียง ความเด่นดัง เป็นที่ยอมรับนับถือ จะมีบุญวาสนาเสริมส่ง ดวงชะตาดี มั่งมีร่ำรวย ประสบความสำเร็จ ดวงมีทรัพย์มีมรดก ฐานะสมบูรณ์พูนสุข ไม่ลำบาก ชื่อนี้รวยและได้ผจญภัย’ ออกมาดีขนาดนี้ ไม่ใช้ก็ไม่ได้แล้วมั้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ผลงานของ สวรรยสร
ผู้สังเกตการณ์ : ถือเป็นกำลังใจที่ดีมากค่ะ ความหมายเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวก เดี๋ยวหลังไมค์ แอดมินขออนุญาตปรึกษาเรื่องการตั้งชื่อเพิ่มเติมจากพี่ปองด้วยนะคะ มินก็อยากดังด้วยคนค่ะ
นักเขียน : ยินดีค่ะ อะไรดีพี่ก็ยินดีบอกต่อค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : แนวนิยายที่พี่ปองถนัดเขียน มีแนวไหนบ้างคะ
นักเขียน : นิยายที่ถนัดเขียน จริงๆ ก็เขียนได้ทุกแนว แต่จะเขียนชายหญิงเท่านั้น และจะเขียนเฉพาะที่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็ไม่เขียนและเขียนไม่ได้ด้วย
ผู้สังเกตการณ์ : พี่ปองช่วยเล่าให้น้องฟังสักนิดสักหน่อยได้ไหมคะเกี่ยวกับเส้นทางการเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน
นักเขียน : ได้ค่ะ อาจจะแปลกจากนักเขียนท่านอื่นสักหน่อย เพราะเดิมเราทำงานเป็นนักวิเคราะห์หุ้น แล้วต่อมาก็เกษียณมาก่อน แต่ก็ยังไม่ได้เขียนนิยายจนกระทั่งมาติดใจซีรีย์จีนเรื่อง ‘สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย’ เพราะโดนมหาเทพตงหัวหรือ ‘ปู่ตง’ ตก ก็เลยเป็นครั้งแรกที่เขียนนิยาย แต่เริ่มเขียนด้วยแฟนฟิค ก็เขียนแฟนฟิคได้ประมาณ 2 ปี แล้วค่อยขยับมาเขียนนิยายออริของตัวเอง
ระหว่างเขียนแฟนฟิคที่ตอนแรกลงให้อ่านในเฟซบุ๊ก แต่ต่อมามีนักอ่านบอกให้ลงออนไลน์ ก็เลยนั่งหาอยู่จนไปเจอ Readawrite ก็เลยเอาแฟนฟิคไปลงให้อ่านกัน ระหว่างที่ลงก็เลยได้เห็นว่ามีการขายรายตอน ขายอีบุ๊ก ก็เริ่มสนใจ แต่ตอนนั้นยังไม่มีความคิดจะเขียนนิยายออริของตัวเอง จนกระทั่งเขียนไปพักใหญ่ ก็รู้สึกว่าไอเดียในการเขียนแฟนฟิคเริ่มตัน อยากเขียนออริแล้ว ก็มีพล็อตคร่าวๆ ไว้เท่านั้น แล้วเริ่มเขียนออริเลย
อย่างไรเรียกเทพ อย่างไรเรียกมาร
นิยายออริเรื่องแรกคือ ‘อย่างไรเรียกเทพ อย่างไรเรียกมาร’ เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายจีนแปลเรื่องดังคือ ‘อสูรพลิกฟ้า’ หรือ ‘Against The Gods’ ในช่วงที่พูดถึงเทพและมาร เราอ่านแล้วชอบมาก เลยหยิบไอเดียเรื่องเทพกับมารมาเขียน แก่นของเรื่องคือ ถ้าเทพทำชั่วจะยังคงเรียกว่า ‘เทพ’ หรือไม่ ถ้ามารทำดีจะยังคงเรียก ‘มาร’ หรือไม่ เป็นนิยายที่เขียนแบบสนุกมาก ฟาดไปสี่แสนกว่าคำสำหรับออริเรื่องแรก และคงน่าจะเป็นเรื่องเดียวที่เขียนยาวขนาดนี้
พอจบอย่างไรเรียกเทพ อย่างไรเรียกมาร ก็เขียนเรื่องอื่นต่อมาเรื่อย ๆ แล้วพักใหญ่ก็ไปเจอเพจความรู้เกี่ยวกับอียิปต์โบราณ ทำให้เพิ่งนึกได้ว่าเราก็ชอบอียิปต์มากนี่นา ลืมไปได้ไง ก็เลยมีไอเดียในการเขียนนิยายอิงประวัติศาสตร์อียิปต์ ที่ตอนแรกเขียนได้ค่อนข้างยากแต่ก็เขียนเพราะชอบอียิปต์มาก ก็เลยอดทนหาข้อมูลแล้วเริ่มเขียน
รักนิรันดร์ ราชันย์สองแผ่นดิน
แต่ระหว่างที่เขียนก็หาข้อมูลไปเขียนไปด้วย เลยได้นิยายอิงประวัติศาสตร์อียิปต์มาสองเรื่องคือ ‘รักนิรันดร์ราชันสองแผ่นดิน’ (Eternal Love of Pharaoh) กับ’สาปรักไอยคุปต์’ (Cure of Nitiqreti) นิยายอิงประวัติศาสตร์อียิปต์จะเขียนได้ปีละเรื่องเท่านั้น เพราะต้องค้นข้อมูลเป็นจำนวนมาก การเขียนสักเรื่องเลยค่อนข้างใช้เวลา
ตอนนี้มีพล็อตนิยายอิงประวัติศาสตร์อียิปต์ 2 พล็อต แต่จะเริ่มเขียนปลายปีนี้ เพราะจะไปเก็บข้อมูลที่อียิปต์ก่อน จริง ๆ ก็หาข้อมูลในการเขียนไว้แล้ว แต่ข้อมูลที่ได้มายังไม่ถูกใจ เลยรอไปเที่ยวอียิปต์ก่อน ซึ่งน่าจะได้อะไรที่น่าสนใจกว่ามาเขียนหรืออาจได้พล็อตเพิ่ม
ตอนนี้ที่เขียนจบแล้วมีนิยายไทยเรื่องหนึ่ง แต่ยังไม่เผยแพร่ เพราะ 1) รอปกอยู่ นักวาดกำลังวาดให้ และ 2) เราเอาเรื่องนี้ส่งเข้าประกวดในโครงการ ‘อ่านเอาก้าวแรกรุ่น 5’ ทำให้กว่าจะได้เผยแพร่ก็คงอีกพักใหญ่ เพราะต้องรอให้ ‘อ่านเอา’ พิจารณาว่านิยายเราจะเข้ารอบหรือตกรอบ ถ้าตกรอบ ก็จะรีบเอามาลงรายตอนและขายอีบุ๊กทันที
ปัจจุบันเขียนนิยายอยู่ 2 เรื่อง เป็นจีนโบราณกับฝรั่งแต่ไม่ฝรั่งโบราณนะคะ ยังไม่บอกว่าเกี่ยวกับอะไร เพราะกำลังเขียนอยู่ สองเรื่องนี้ต้องเขียนจบและทำอีบุ๊กเรียบร้อย ถึงจะเผยแพร่ค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : สุดยอดไปเลยค่ะ แต่ล่ะเรื่องที่พี่ปองเล่ามานี้คือทำให้หนูแทบอยู่ไม่สุขแล้ว อยากพุ่งไปอ่านทีเดียวทุกเรื่องเลยค่ะ แล้วพี่ปองเขียนแต่ล่ะเรื่องคือนิยายเรื่องยาว แถมอิงประวัติศาสตร์ด้วย มีอุปสรรคหรือความท้าทายใดบ้างไหมคะ ในเส้นทางอาชีพนักเขียน และพี่ปองเอาชนะมาได้อย่างไร
นักเขียน : ข้อนี้คงต้องตอบว่าอุปสรรคและความท้าทายคงเป็น เมื่อไหร่ฉันจะปังเหมือนนักเขียนดัง ๆ บ้าง ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่คงเป็นเป้าหมายของนักเขียนทุกคนรวมทั้งเราด้วยค่ะ และถ้าถามว่าจะเอาชนะอย่างไร คงต้องมูอย่างเดียวมั้งคะ มูที่ไหนดี อย่าลืมบอกกันบ้าง จะตามไปมูอย่างไว อิอิ
ผู้สังเกตการณ์ : เราจะไม่รบกวนใคร นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะคะ
นักเขียน : ถือเป็นที่พึ่งทางใจที่ดีอีกทางหนึ่งค่ะ
ผู้สังเกตการณ์ : อะไรหรือสิ่งใดคือแรงบันดาลใจของพี่ปองในการเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์คะ
นักเขียน : แรงบันดาลใจคงเป็นแค่อยากเขียน เรารู้สึกว่าเราเขียนได้ เพราะตอนทำงาน เราต้องเขียนรายงานวิเคราะห์หุ้นอยู่แล้ว ซึ่งเขียนยากกว่าเขียนนิยายเยอะ ความต่างระหว่างการเขียนวิเคราะห์หุ้นกับนิยายคือ สำนวนการเขียน ดังนั้น เราแค่ปรับสำนวนการเขียนของเราเท่านั้น เราก็เขียนได้แล้ว ที่สำคัญคือนิยายแนวที่เราอยากอ่านมีไม่มาก ก็เลยเขียนเองเสียเลย
รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป
ผู้สังเกตการณ์ : ผลตอบแทนจากงานเขียนและเสียงตอบรับจากผู้คนรอบข้างหรือสังคมเป็นยังไงบ้างคะ
นักเขียน : ผลตอบแทนยังน้อยค่ะ เรียกว่างานเขียนตอนนี้เป็นงานอดิเรกมากกว่า ส่วนนักอ่านที่อ่านงานเราก็คอมเมนต์ดีๆ เยอะนะคะ คอมเมนต์ดีสุดที่เคยได้และทำให้ปลื้มที่สุดคือ คอมเมนต์จากนิยายเรื่อง ‘รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป’ คุณนักอ่านคนนี้คอมเมนต์ว่า ‘ผมอ่านนิยายมา 20 กว่าปี อ่านมาหลายร้อยเรื่อง สำหรับผมนี่คือนิยายที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตที่เคยอ่าน สนุกมาก เคลียร์ทุกปม จบดี สุดยอดครับ ถ้ามีเป็นรูปเล่มผมซื้อเก็บแน่นอน’
ประทับใจตรงที่เขาอ่านมานานมาก แล้วบอกว่านิยายเราเรื่องนี้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตที่เคยอ่าน คอมเมนต์นี้คอมเมนต์เดียวทำให้มีแรงเขียนในแนวที่เราชอบต่อไปได้ค่ะ ถึงมันจะเป็นแนวที่ไม่แมสก็ตาม
ผู้สังเกตการณ์ : ได้ข่าวมาว่าเรื่องนี้เพิ่งได้รับเลือกจากโครงการแปลหนังสือไทยไปต่างประเทศด้วย
นักเขียน : ขอบคุณค่ะ ยังรอลุ้นอีกขั้นตอนหนึ่งค่ะ ประกาศผลในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ตอนนี้คือมีรายชื่ออยู่ในการคัดเลือกไว้แล้ว
ผู้สังเกตการณ์ : แอดมินและเพื่อน ๆ ขอร่วมส่งแรงเชียร์แรงใจขอให้นิยายไทยดังไกลไปทั่วโลกเลยนะคะ
นักเขียน : ขอบคุณค่ะ พี่ก็หวังเช่นนั้นค่ะ งานนี้อาจจะต้องรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว ใครมีที่ไหนดี บอกพี่ได้นะคะ ถือว่าช่วย ๆ กัน
อย่างไรเรียกเทพ อย่างไรเรียกมาร
ผู้สังเกตการณ์ : สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าขา เชิญแสดงฤทธิ์เจ้าค่ะ หนูขอนำให้ก่อนเพื่อนเลยค่ะ 🙏 ถ้าใครได้อ่านเรื่องนี้ก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พี่ปองเข้ารอบด้วยฝืมือและความสามารถล้วน ๆ มั่นใจค่ะ และถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จบนเส้นทางนักเขียนนิยายออนไลน์ด้วย ขอคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนนวนิยายสักนิดได้ไหมคะ
นักเขียน : ตอบตรงเลยคือ ความมีวินัยและความรับผิดชอบค่ะ เราเห็นนักเขียนหลายคนลงนิยายไม่สม่ำเสมอคือ ลงไม่เป็นเวลาแน่นอน ลงมั่งหรือไม่ลงมั่ง หลายคนก็ดอง หลายคนก็เท ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สิ่งเหล่านี้ทำให้นักอ่านจำนวนมากไม่เชื่อใจนักเขียน จึงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่นิยายหลายเรื่องที่ดี ๆ มียอดวิวน้อย เพราะนักอ่านอยากอ่านจนจบ ถ้าไม่จบ เขาก็ไม่อยากอ่านให้เสียเวลา
ดังนั้น ทางที่ดีคือ เขียนตุนไว้หลาย ๆ ตอนก่อน อย่างน้อยควรตุนไว้ประมาณ 25-30 ตอน แล้วทยอยลงให้อ่าน ระหว่างทยอยลงก็ต้องเขียนที่เหลือให้จบและทำอีบุ๊ก ทำแบบนี้ทุกเรื่องที่เขียน นักอ่านจะเชื่อใจและเป็นแฟนนิยายไม่ยาก
ของเราคือเขียนจบและทำอีบุ๊กเสร็จ ถึงจะเปิดให้อ่านรายตอนพร้อมวางขายอีบุ๊ก นั่นคือ คนที่อ่านรายตอนก็สบายใจได้ว่าได้อ่านจนจบเพราะมีอีบุ๊กแล้ว ใครที่อยากอ่านจบก่อนก็เชิญสอยอีบุ๊ก นิยายเราจึงไม่เคยถูกนักอ่านทวงให้ลง เพราะเราอัพนิยายไว้และตั้งเวลาเผยแพร่ ทุกวันที่เราเข้าไปดูคือ ดูว่าที่เราตั้งเวลาเผยแพร่ไว้ มันเผยแพร่ตามที่ตั้งแล้วนะ ถ้ามีคอมเมนต์ ก็ตอบคอมเมนต์ แค่นั้น
รัมภาแห่งจาตุม
ผู้สังเกตการณ์ : ขอบคุณแนวคิดและแนวทางปฏิบัติดี ๆ ค่ะ มีผลงานเรื่องไหนที่พี่ปองภูมิใจที่สุดคะ
นักเขียน : จริง ๆ ก็ภูมิใจทุกเรื่องนะคะ แต่ส่วนตัวแล้ว เรื่องที่ภูมิใจที่สุดคือ ‘รัมภาแห่งจาตุม’ ที่ภูมิใจเพราะเรื่องนี้จะเกี่ยวกับพุทธศาสนา การทำความดี การปฏิบัติธรรม ดูแล้วน่าเบื่อใช่มั้ยคะ แต่เราไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลย เพราะระหว่างที่เขียน นิยายเรื่องนี้สอนอะไรเราหลายเรื่องมาก เพราะต้องค้นเกี่ยวกับหลักธรรมและบทสวดมนต์ ทำให้เราเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างชัดเจนกว่าเดิม
เรื่องนี้เป็นพล็อตที่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้แล้วก็เขียนเลย เป็นเรื่องของนางฟ้าที่ลงมาเกิดในโลกมนุษย์เพื่อบำเพ็ญบารมี เพื่อให้ได้บวชเป็นภิกษุณีเมื่อละจากโลกมนุษย์ไป นางฟ้าองค์นี้ต้องเผชิญกับการทดสอบจากเทพบริวารสี่คนของท้าวจตุโลกบาล พวกเขาทั้งสี่จะทำสำเร็จหรือไม่ นางจะไม่หวั่นไหวไปกับการโน้มน้าวนี้และตั้งมั่นที่จะบวชเป็นภิกษุณีได้ตามที่ตั้งใจหรือไม่ มาดูกันว่าผู้ใดจะสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ นางหรือหนึ่งในสี่ของพวกเขา นี่คือพล็อตหลักของเรื่อง
ผู้สังเกตการณ์ : ความยาก ง่ายในการเรียบเรียงเรื่องราวล่ะคะ
นักเขียน : เรื่องนี้เขียนไม่ยากและไม่ง่าย อย่างที่บอกคือต้องค้นเกี่ยวกับหลักธรรมและบทสวดมนต์หลายอย่าง การดำเนินเรื่องก็ต้องให้เหมาะสมเพราะเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมด้วย แต่ก็มีนักอ่านที่ชอบนิยายเรื่องนี้และมารีวิวให้ ประโยคที่ชอบคือ นักอ่านรีวิวว่า ‘เป็นนิยายรักกึ่งธรรมะที่เขียนและเล่าเรื่องออกมาได้ไม่น่าเบื่อ’
เอาจริงๆ ตอนที่เขียน ไม่ได้คิดว่าเป็นนิยายรัก คิดว่าเป็นนิยายธรรมะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันก็มีเลิฟซีนในเรื่องนะแต่เป็นเลิฟซีนที่นักอ่านบอกว่าละมุนสุดๆ และไม่ได้มีฉากนี้มาก มีอยู่ประมาณ 4-5 ฉากเองจากทั้งหมดสองแสนกว่าคำ เรียกว่าน้อยมาก แต่นักอ่านคนนี้ชอบ เราก็ปลื้มแล้ว
ลองไปอ่านกันดูนะคะ ‘รัมภาแห่งจาตุม’
เรื่องที่สองที่ภูมิใจคือ ‘รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป’ เรื่องนี้เขียนจากความไม่ชอบใจในความอยุติธรรมที่ทศกัณฐ์หรือนนทกได้รับ ซึ่งความไม่ชอบนี้มีมาหลายปีแล้วค่ะตั้งแต่สมัยเรียนวรรณคดีเรื่องนี้ แต่พออายุมากขึ้น ความคิดเลยตกผลึกให้เขียนเป็นนิยายได้ เรื่องนี้นักอ่านชอบมาก เพราะพระเอกปากแซ่บเหลือเกิน ทำพระรามกับเทวดาหน้าแหกแล้วแหกอีก
พล็อตหลักของเรื่องคือวิญญาณพระเอกเข้าไปอยู่ในร่างทศกัณฐ์ แล้วก็ไปแก้ปัญหาความไม่ยุติธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น เลยเป็นสาเหตุที่นิยายเรื่องนี้ชื่อว่า ‘รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป’
ลองไปอ่านดูกันนะคะ ‘รามเกียรติ์ที่เปลี่ยนไป’
คนอ่านชอบมากจนมีบางคนถามหาว่าจะมีนิยายแนวนี้อีกมั้ย บางคนก็บอกอยากให้มีภาคสอง บางคนก็บอกว่าอยากให้ไปช่วยนางวันทองในขุนช้างขุนแผน ก็ตอบตรงนี้เลยว่ามีภาคสองแล้วนะคะ แต่ภาคสองนี้เราเอาเข้าประกวดใน ‘อ่านเอาก้าวแรกรุ่น 5’ เลยยังไม่สามารถเผยแพร่ได้ จริงๆ เราเคยบอกชื่อนิยายเรื่องนี้ไว้ในเพจเรา แล้วก็โชว์ปกสำรองให้ดูด้วย ใครอยากรู้ลองไปไล่หาดูในเพจเราค่ะ
รัมภาแห่งจาตุม
ผู้สังเกตการณ์ : พล็อตแต่ล่ะเรื่องคือน่าสนใจมากค่ะ พี่ปองมีวิธีหาไอเดียการเขียนนิยายยังไงบ้าง
นักเขียน : ตอบตรง ๆ ว่าไม่มีค่ะ นิยายทุกเรื่องที่เขียนมาจากสิ่งรอบตัว หรือบางทีนั่งคิดเรื่องอื่นอยู่ พล็อตนิยายก็แว้บเข้ามาในหัว ถ้ารู้สึกว่าพล็อตดีก็จะจดไว้ แล้วเอามาเขียน หรือถ้านึกไม่ออกจริง ๆ ก็คุยกับเพื่อนนักเขียน คุยไปคุยมาก็ได้พล็อตมั่ง ไม่ได้มั่ง
ผู้สังเกตการณ์ : เคยมีอาการพล็อตตันบ้างไหมคะ แล้วมีวิธีเเก้ยังไง
นักเขียน : เคยมีค่ะ ก็พักไปเลย ไม่เขียนต่อ ตอนนี้มีนิยายเรื่องหนึ่งที่เขียนมาสี่สิบกว่าตอนแล้ว เรารู้ว่าเรื่องจะดำเนินไปยังไง จบยังไง แต่มันเขียนไม่ออก ก็เลยพักเรื่องนั้นไว้ ไปเขียนเรื่องอื่นแทน เรื่องนี้ถูกพักมาหลายเดือนแล้วด้วย ไว้ถ้านึกได้ค่อยกลับไปเขียนต่อ
ผู้สังเกตการณ์ : พี่ปองคิดว่าปีนี้เเนวโน้มนิยายเเนวไหนมาเเรงคะ
นักเขียน : ส่วนตัวคิดว่ายังคงเป็นวายสำหรับใน Readawrite ถ้าในเด็กดีก็จีนโบราณ ในธัญวลัยก็น่าจะแนวสารพัด P ไม่ว่าจะ 3P หรือมากกว่านี้ แต่เราไม่ได้ลงนิยายรายตอนใน Readwrite แล้วนะคะ เพราะนิยายเราไปไม่รอด ในธัญวลัยก็จะไม่ลงอีกเพราะไม่รอดเหมือนกัน ที่รอดคือเด็กดีที่เดียว ก็จะลงแค่เด็กดี
ผู้สังเกตการณ์ : คิดว่าพล็อตเเบบไหนเเปลกที่สุดที่พี่ปองเคยเขียนมาคะ
นักเขียน : รัมภาแห่งจาตุมนี่แหละค่ะ แปลกที่สุดแล้ว คิดว่าไม่มีใครเขียนแบบเราด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ผู้สังเกตการณ์ : นอกจากงานเขียนแล้วพี่ปองมีงานอื่น ๆ เสริมอีกไหม
นักเขียน : ไม่มีค่ะ อย่างที่บอกคือเกษียณก่อนอายุมาแล้ว ตอนนี้ก็เขียนนิยายเป็นงานอดิเรก
สาปรักไอยคุปต์
ผู้สังเกตการณ์ : ขอรบกวนพี่ปองฝากคำแนะนำสำหรับมือใหม่หรือผู้ที่สนใจเข้ามาสู่วงการนักเขียนนิยายหน่อยคะ
นักเขียน : มีคำแนะนำเดียวค่ะ อ่านให้มากที่สุด เพราะการอ่านจะทำให้เราซึมซับความสละสลวยของภาษาและคำศัพท์มาใช้ในการเขียนนิยายได้ โดยเฉพาะวรรณคดีไทย หลายคนอาจจะบอกว่าศัพท์ในวรรณคดีไทยทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง การที่คุณไม่รู้เรื่อง แปลว่าคลังคำศัพท์คุณไม่พอ เราอ่านวรรณคดีไทยรู้เรื่องนะคะ ไม่ต้องให้ใครมาแปลไทยเป็นไทยให้ วรรณคดีไทยคือคลังคำที่ดีที่สุดค่ะ
อีกอันที่ควรอ่านคือนิยายจีนแปล นักเขียนจีนที่เราอ่านคือ กิมย้ง โกวเล้ง หวงอี้ อุนเลี้ยงเง็กหรืออุนสุยอัน แปลโดย ว.ณ.เมืองลุง กับ น.นพรัตน์ เราชอบสำนวนแปลของสองคนนี้ แล้วก็เอาสำนวนแปลเขามาปรับเป็นสำนวนการเขียนนิยายของเราเอง
โดยส่วนตัวก็แนะนำให้อ่านงานของนักเขียนสี่ท่านนี้เพราะเขียนแนวกำลังภายใน ซึ่งประโยชน์ที่จะได้นอกเหนือจากสำนวนนักแปลแล้วคือ พล็อตเรื่อง การดำเนินเรื่อง ลักษณะนิสัยของตัวละคร การบรรยายฉากต่างๆ โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่เราเห็นอยู่หลายครั้งว่านักเขียนหลายคนเขียนฉากต่อสู้ไม่ได้ ถ้าอ่านนิยายของสี่ท่านนี้ หรือนิยายจีนแปลที่ไม่ใช่นิยายรัก การเขียนฉากต่อสู้จะไม่ใช่ปัญหาเลย รวมทั้งฉากอื่นๆ ด้วย
ส่วนตัวพี่ปองจะไม่อ่านนิยายจีนแปลที่เป็นนิยายรัก เพราะเคยอ่านแล้ว เรารู้สึกว่ามันเป็นพล็อตที่สามารถเดาการดำเนินเรื่องระหว่างทางและตอนจบได้โดยไม่ต้องลุ้นอะไรเลย
แต่ของกิมย้ง โกวเล้ง หวงอี้ อุนเลี้ยงเง็ก เป็นพล็อตที่ค่อนข้างเดาดำเนินการเรื่องได้ยาก โดยเฉพาะเรื่อง ‘มังกรคู่สู้สิบทิศ’ ของหวงอี้ เรื่องนี้เราเดาผิดตลอดทั้งเรื่อง หวงอี้เก่งมากในการวางพล็อตที่ซับซ้อน หรือเรื่อง ‘จอมโจรจอมใจ’ ตอน ‘กลิ่นหอมกลางธารเลือด’ ของโกวเล้ง ที่ซ่อนผู้ร้ายตัวจริงของเรื่องไว้อย่างชนิดที่เราคาดไม่ถึง นิยายพวกนี้สอนเราหลายอย่างในการเขียนนิยาย
ลับไม่ลับกับซุปตาร์
นิยายกำลังภายในยังมีคำคมดีๆ ที่อ่านแล้วให้ข้อคิดเยอะมาก
อย่างอันนี้เป็นต้น ‘คนมีทุกข์สุขระคนเศร้า จันทร์มีทั้งกลมและแหว่งเว้า ทุกเรื่องราวยากสมบูรณ์พร้อม เพียงหวังตัวท่านมีใจภักดิ์ ครองรักตราบชั่วนิจนิรันดร์’ อันนี้เป็นบทกลอนของซูตงปอ กวีชื่อดังของจีนสมัยราชวงศ์ซ่ง น.นพรัตน์แปลไว้ในนิยายเรื่อง ‘กระบี่กู้บัลลังก์’ ซึ่งแปลได้เพราะมาก ท่อนที่ชอบมากคือ ‘คนมีทุกข์สุขระคนเศร้า จันทร์มีทั้งกลมและแหว่งเว้า ทุกเรื่องราวยากสมบูรณ์พร้อม’ เป็นประโยคสั้นๆ ที่บอกเรื่องราวได้ครบถ้วนและเปรียบเปรยได้เหมาะสม คือ ซูตงปอแต่งไว้ดี และ น.นพรัตน์ก็ถอดความออกมาได้ดี
ผู้สังเกตการณ์ : แต่ล่ะเรื่องที่แนะนำมาหนูยังไม่เคยอ่านเลย ขอบคุณพี่ปองที่นำมาบอกเล่าไว้ในวันนี้ค่ะ เพื่อน ๆ จะติดตามผลวานของพี่ปองได้ทางไหนบ้างคะ
นักเขียน : ไปดูที่ลิงก์นี้ได้เลยค่ะ จะเป็นนิยายรายตอนและอีบุ๊กในเด็กดี รวมทั้งอีบุ๊กในเมบ ทั้งหมดของเรา
ผู้สังเกตการณ์ : วันนี้เหมือนเราได้เข้าคอร์สเขียนนิยายย่อม ๆ กันเลย แอดมินและเพจผู้สังเกตการณ์ขอขอบคุณพี่ปองมาก ๆ จากหัวใจ ที่ให้เกียรติมาแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้พวกเราได้ร่วมยินดีไปด้วย อีกทั้งข้อมูลความรู้และแนวทางต่าง ๆ ซึ่งแอดมินเชื่อว่าไม่ว่าใครที่ได้มาอ่านเจอบทความนี้จะต้องได้รับประโยชน์ ได้แนวทางในการเขียนนิยายแน่นอนค่ะ
นักเขียน : ขอบคุณเพจผู้สังเกตการณ์เช่นกันค่ะที่ให้พื้นที่ในการมาบอกเล่าเรื่องราวของการเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ครั้งนี้
ผู้สังเกตการณ์ : โอกาสหน้าพี่ปองมาอัพเดทกันอีกนะคะ แอดมินขอจองตัวไว้ล่วงหน้าเลย
นักเขียน : ยินดีและขอบคุณมากค่ะ
กำเนิดใหม่เมดูซ่า
อิ่มอกอิ่มใจ และใจฟูสุด ๆ กันไปเลยใช่ไหมคะทุกคน ฝากเพื่อน ๆ ส่งแรงเชียร์แรงใจให้นักเขียนนิยายออนไลน์ นามปากกา ‘สวรรยสร’ ด้วยนะคะ ขอให้ผลงานดังไปไกลทั่วโลกเลย
แล้วพบกันใหม่ค่ะ
ผู้สังเกตการณ์
โฆษณา