1 ก.ค. 2024 เวลา 08:49 • ปรัชญา
วัดทิพยวารีวิหาร

การฆ่ายุง ฆ่าพยาธิ ฆ่าเห็บหมัดเหาไร เพื่อช่วยให้สัตว์และมนุษย์พ้นทรมาน? บาปไหม?

คำตอบคือ "บาป" ครับ ต่อให้จะมีเจตนาดีก็บาปอยู่ดี เพราะตอนฆ่าก็ตั้งใจมาว่าจะฆ่า ทั้งๆที่รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต ก็กระทำการฆ่าด้วยจงใจ จนสัตว์นั้นตาย ไม่ว่าจะมีเจตนาดีหรือไม่ สะใจหรือไม่สะใจขณะฆ่าหรือไม่ พระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราก็จะทรงดำรัสชอบเช่นเดิม ว่าบาป อย่างแน่นอน
#บาป #ปาณาติบาต
แต่การบาปที่เกิดขึ้น จะมากหรือจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับระดับของเจตนา ถ้าเจตนาดี อยากช่วยเหลือคนหรือสัตว์เลี้ยงให้พ้นอันตรายจากสัตว์ปรสิตดูดเลือด ก็บาปน้อยหน่อย ถ้าฆ่าเพราะอยากฆ่า เพราะเพลินและสนุกสนานในการฆ่า อันนี้ก็บาปมากถึงมากที่สุด แม้สัตว์นั้นจะเป็นปรสิตก็ตาม
ต่อให้สัตว์นั้นจะเป็นปรสิตหรือไม่ เป็นสัตว์พาหะหรือสัตว์รบกวนหรือไม่ ก็บาปอยู่ดีถ้าเราจงใจสังหารมันด้วยความตั้งใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสัตว์นั้นเป็นสัตว์ใหญ่ มีคุณมาก หรือเป็นสัตว์ที่ตายได้ยากมากๆ ก็ยิ่งบาปมาก เพราะความรู้สึกของสัตว์นั้นก่อนตายก็จะเป็นไปด้วยความทรมานอันมาก แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่า บาป ส่วน บาป บุญ ส่วน บุญ
อุปมาให้บาปคือเกลือก้นแก้ว บุญคือน้ำในแก้ว หากเรารู้ตัวแล้วว่าเราทำบาปมาก เลยทำบุญเพื่อหวังจะลบล้างบาป ย่อมทำไม่ได้ เพราะ บาป(เกลือ)ก็จะยังอยู่ในบุญ(น้ำ)ที่ผสมเข้าไปอยู่ดีนั่นแหละ เพียงแต่ว่า รสเค็มของเกลือจะน้อยลง พอใส่น้ำเต็มแก้ว รสเค็มก็อาจจะเบาบางมากๆหรืออาจจะถึงขั้นจืดไปเลยก็เป็นได้
ดังนั้นถ้าใครมีความจำเป็นจริงๆที่ต้องทำปาณาติปาต เช่น ประกอบอาชีพปศุสัตว์ อาชีพสัตวแพทย์ อาชีพเกษตรกร อาชีพประมง และ นักทดลองวิทยาศาสตร์ หากรู้แล้วว่าบาปบุญมีจริง และอยากหนีพ้นวิบากกรรมนั้น ก็ให้ทำวิธีการ "เติมน้ำเปล่าลงไปรวมกับเกลือที่ก้นแก้วให้น้ำเต็มแก้ว"
การทำเช่นนั้นจะช่วยให้ บาป จืดลงได้ เมื่อบาปที่เป็นดั่งเกลือ จืดลง ก็ทำให้ผลกระทบต่อไต มีน้อยมาก จนแทบจะไม่มีเลย เพราะความเค็มถูกทำลายไปจนเกือบหมดสิ้น
เปรียบประหนึ่ง บาป คือ หมาล่าเนื้อ แล้วกายและจิตของเราเป็นตัวเนื้อ เมื่อเนื้อวิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น หมาล่าเนื้อนั้นก็จะไล่ตามเราไม่ทัน ยกตัวอย่างก็เช่น พระองคุลีมาล ที่ฆ่าคนตายนับพันคน แต่ประกอบกุศลใหญ่ให้บังเกิดแก่ตน ด้วยการเจริญสุตะภาวนาพระสัทธรรมจนบรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้ แม้จะถูกชาวบ้านปาหินปาอิฐใส่ตลอดทางที่บิณฑบาตก็ตาม (ผลกัมม์เบาบางลงบ้างแล้ว)
เคล็ดลับในการเติมน้ำให้เต็มแก้วที่มีเกลือ-นอนก้นแก้ว ในแบบของพุทธะ หรือ ผู้รู้ทันอวิชชา ก็คือ การทำบุญ หรือ เจริญภาวนา (เช่น อานาปานะสติ สติปัฏฐาน กายะคตาสติ หรือ สดับปฏิจจะสมุปะบาท12 เป็นต้น) ให้เป็นไปด้วยปัญญา หรือ ความปรารถนามรรคผลอย่างแท้จริง มิใช่ทำไปด้วยความผวากลัวว่าผลบาปผลกัมม์จะไล่ตามมาทัน ถ้าทำไปด้วยจิตหลอนเช่นนั้น แทนที่จะได้เนื้อนาบุญอันพิสุทธิ์สดใส กลับได้บุญกึ่งโมหะแทน หากเป็นเช่นนั้นจะยากต่อการเข้าถึงมรรคผล อาจได้ไปเกิดเป็นพวกกึ่งเดรัจฉาน หรือกึ่งเปรต แทนที่จะไปเกิดเป็นผู้รอบรรลุ
หรือ ในทางตรงข้าม บางคนก็ทำการประพฤติธรรมแต่วางจิตผิด ฮึกเหิมไปอีกด้าน ว่าข้านี้แน่นัก อย่างไรๆบาปกรรมก็ไม่มีทางตามข้ามาทันได้ เพราะข้าเจริญภาวนาแล้ว ข้าไม่กลัวบาปอีกแล้ว แบบนี้ถือว่าวางจิตผิด ไม่มีปัญญาณุเบกขา คือ ไม่วางจิตเป็นกลางอย่างเป็นธรรม แต่วางไปทางโมหะกระด้างกระเดื่องจิต อันนี้ก็แทนที่จะได้มรรคผล อาจไปสร้างภูมิใหม่ที่เป็น นรก หรือไม่ก็อสุรภูมิ วินิบาตภูมิแทน
ดังนั้น ถ้ารู้ตัวแล้วว่ามีเหตุสุดวิสัยที่ทำยังไง๊ยังงัยก็เลี่ยงปาณาติปาตไม่ได้ก็ไม่ต้องเลี่ยง แต่ให้เร่งกระทำวิปัสสนาประพฤติธรรมและประกอบทาน,ศีล และภาวนา ให้มากกว่าปาณาติปาตให้มากที่สุดเท่าที่กำลังของคุณจะทำได้ เพื่อวิ่งให้เร็ว เพื่อให้หมาล่าเนื้อตัวร้าย ตามคุณมาไม่ทัน เมื่อหมั่นสะสมสติเจริญสุตะภาวนาจนปัญญาถึงพร้อม หรืออาจจะยังไม่ถึงพร้อมที่จะบรรลุ แต่หากจดจำกฎปัจจัย12ประการหรือปฏิจจะสมุปะบาท12ได้จนขึ้นใจ ก่อนตายแม้ขาดสติ ก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาปุถุชนที่ไม่ประมาทในกรรม พอพ้นจากชาติเทพที่ไม่ประมาท
ก็มั่นใจได้ว่าหลังจากตายจากชาติของเทวดาปุถุชนที่ไม่ประมาทในกัมม์แล้ว ย่อมได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ผู้เข้าถึงธรรม และบรรลุธรรมในระดับโสดาบัน ไม่ก็สกิทาคามีได้ในชาตินั้นเอง ถึงจะนานหน่อย แต่ก็รับประกันได้ว่า รอดพ้นจากวัฏสงสารอันแสนอันตรายอย่างแน่นอน
แอดมินประโคนธรรพ์ แห่งเพจเฟ๊ซบุ๊ค ธรรมะแฟนตาซี
โฆษณา