21 ก.ย. 2024 เวลา 13:52 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

BRICS อินเดียออก-มาเลเซียเข้า และเหตุใดตุรกีจึงอยากเข้าร่วมพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่นำโดยรัสเซียและจีน

คาดว่ากลุ่มประเทศ BRICS จะจัดการประชุมในเมืองคาซานทางตะวันตกของรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคมนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการรับสมาชิกใหม่กันอีกครั้ง
ตั้งแต่ มาเลเซียสมัครเข้าร่วมกลุ่มบริกส์( BRICS )ที่กัวลาลัมเปอร์ วันที่ 28 กรกฎาคม สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ได้ออกแถลงการณ์ ในวันเดียวกันว่า
คำแถลงดังกล่าวระบุว่า มาเลเซียได้ส่งจดหมายถึงรัสเซีย ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของ BRICS เพื่อสมัครเข้าร่วม และขอเข้าร่วมกลไกความร่วมมือ BRICS
เพื่อเป็นการย้ำในความร่วมมือ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้พบกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ลาฟรอฟ ใน มาเลเซีย
และแสดงความเต็มใจที่จะเข้าร่วม (กลไกความร่วมมือ BRICS) ในฐานะรัฐสมาชิกหรือหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์”
และ อันวาร์กล่าวว่าเขาก็ได้ทาบทาม ต่อประธานาธิบดีลูลาของบราซิลถึงความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกลไกความร่วมมือกลุ่มบริกส์นี้
ตามคำแถลง ในระหว่างการประชุมกับ ลาฟรอฟ อันวาร์ยังได้หารือเกี่ยวกับการกระชับความสัมพันธ์มาเลเซีย-รัสเซีย
และขยายความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างทั้งสองประเทศ
ในด้านการค้า การลงทุน ความมั่นคง การป้องกันประเทศ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และสาขาอื่นๆ
ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันในปาเลสไตน์ และในส่วนของอินเดียที่มีแนวโน้มจะถอยห่างจากกลุ่มสามารถตามอ่านได้ที่ https://www.blockdit.com/posts/66a6f03481d15b5423414e16
โดยมาเลเซียเรียกร้องให้มีการหยุดยิงอย่างถาวรโดยเร็วในฉนวนกาซา เร่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ฉนวนกาซา
และให้สหประชาชาติยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐสมาชิกเต็มตัว ผมขอกลับมาที่โปรยไว้ก่อนหน้า
จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Türkiye เข้าร่วม BRICS?
3
ซึ่งสอดคล้องกับ โอเมอร์ เซลิก(Ömer Çelik )โฆษกพรรครัฐบาลของประธานาธิบดี เรเจป ทายยิป ​​เอร์โดอัน(Recep Tayyip Erdogan) ที่กล่าวว่า
"ประธานาธิบดีของเราได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าตุรกีต้องการเข้าร่วมใน BRICS
แม้ว่า Celik จะไม่ได้ยืนยันรายงาน ที่ตุรกีได้สมัครอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วม BRICS แต่กล่าวว่า " กระบวนการกำลังดำเนินอยู่"
และคาดว่ากลุ่มประเทศ BRICS จะจัดการประชุมในเมืองคาซานทางตะวันตกของรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับการรับสมาชิกใหม่
เอาล่ะๆๆๆ จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Türkiye เข้าร่วม BRICS จริงๆ?
1
หากTürkiyeได้รับเชิญให้เข้าร่วม Türkiyeจะกลายเป็นสมาชิกของ NATO (18 February 1952)
และเป็นชาติแรกในพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่ไม่ใช่ตะวันตกซึ่งนำโดยรัสเซียและจีน
เคริม ฮาส ( Kerim Has )ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ตุรกี-รัสเซียกล่าวว่า “ฉันคิดว่าสิ่งนี้จะมีสัญลักษณ์และความสำคัญอย่างมาก ไม่เพียงแต่สำหรับตุรกีและกลุ่ม BRICS เท่านั้น แต่ยังรวมถึง NATO และกลุ่มชาติตะวันตกด้วย”
เขาเน้นย้ำว่าตุรกีต้องการการลงทุนจากต่างประเทศและมีเพื่อกระจายความสัมพันธ์เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงของประเทศที่กำลังประสบอยู่
1
“เกือบครึ่งหนึ่งของการค้าของตุรกีอยู่กับประเทศในสหภาพยุโรป” ฮาสกล่าว
เนื่องจากเศรษฐกิจของตุรกีขึ้นอยู่กับธนาคารในยุโรปเป็นหลัก หากเศรษฐกิจของประเทศพังทลายลง ก็จะไม่ใช่ข่าวดีสำหรับธนาคารในยุโรป
ตามข้อมูลจากสภายุโรป สหภาพยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของตุรกี โดยคิดเป็น 31.8% ของการค้าทั้งหมดของTürkiye
ในปี 2565 ปริมาณการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและตุรกีจะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านยูโร
Haas เชื่อว่านี่คือสาเหตุที่ประเทศต่างๆ ในยุโรปเมินเฉยต่อความเคลื่อนไหวของ Türkiye ที่จะไม่เข้าร่วมในการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซีย
หลังสงครามเต็มรูปแบบในยูเครน
“ตะวันตกยอมรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของตุรกีกับรัสเซียและประเทศ BRICS อื่นๆ” ฮาสกล่าว
นอกจากนี้ หากตุรกีเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS ในฐานะพันธมิตรของ NATO บทบาทหนึ่งของพวกเขาก็คือการลดเสียงต่อต้านตะวันตกและกลายเป็นความหมายแฝงในกลุ่ม
“จากมุมมองของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร บทบาทที่ซ่อนอยู่ของตุรกีในกลุ่ม BRICS คือการป้องกันไม่ให้กลุ่ม BRICS เปลี่ยนจากกลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มตะวันตกมาเป็นองค์กรต่อต้านตะวันตก”
แล้วอะไรคือกลุ่ม BRICS ที่ผมเอาแต่พูดถึง ?
ประเทศกำลังพัฒนากลุ่มนี้เดิมเรียกว่า BRIC หรือ "BRIC" (สำหรับบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน)
2
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น BRICS
เมื่อแอฟริกาใต้เข้าร่วมในปี พ.ศ. 2553 ซึ่งก็คือ "BRICS" เดิมน่ะแหละ(โดยมีการเพิ่มตัวย่อของแอฟริกาใต้เพิ่มขึ้นมา)
วัตถุประสงค์ของ BRICS คือการรวบรวมประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญที่สุดในโลกมารวมตัวกันเพื่อท้าทายอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศที่ร่ำรวยในอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตก
พันธมิตรดังกล่าวมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันรวมถึงอิหร่าน อียิปต์ เอธิโอเปีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ทางด้าน ซาอุดีอาระเบีย ก็กล่าวว่ากำลังพิจารณาที่จะเข้าร่วม และอาเซอร์ไบจานได้ยื่นใบสมัครอย่างเป็นทางการแล้ว
แต่ก็มีโอกาสเยอะอยู่นะครับ
โดย Bloomberg News ได้รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า Türkiye ได้สมัครอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วม BRICS เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ในช่วงต้นปี 2561 ประธานาธิบดีแอร์โดกันได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วม BRICS ในการประชุมสุดยอด BRICS ครั้งที่ 10 ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้
ถ้าอย่างนั้น เหตุใดTürkiyeจึงหันไปหา BRICS
ประธานาธิบดีแอร์โดอันซึ่งครองอำนาจมามากกว่าสองทศวรรษ รู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับการที่อังการาเองขาดความคืบหน้าในการเข้าร่วมสหภาพยุโรป
และพวกเขาเอาแต่พูดอยู่เสมอๆว่าตุรกีจำเป็นต้องปรับปรุงความสัมพันธ์กับตะวันออกและตะวันตก "ไปพร้อมๆกัน"
Erdogan กล่าวว่า "โอ๊ยยย เราไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างสหภาพยุโรปและองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) หรอก แต่เราต้องพัฒนาความสัมพันธ์กับทั้งสององค์กรนี้และองค์กรอื่น ๆ บนพื้นฐานแบบ win-win"
ซึ่ง วิน - วิน ที่เขากล่าว คือ ในปี 2565 ตุรกี ปริมาณการค้า(กับ)ด้วยรัสเซียคิดเป็น 11% ของปริมาณการค้าโดยรวม และปริมาณการค้ากับจีนก็คิดเป็น 7.2%
ฮาสเชื่อว่าการเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS ของTürkiye จะได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัสเซียแน่นวลลลลล.
เขากล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดของรัสเซีย คือ การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเพื่อรักษาสงครามในยูเครน
และให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะไม่ล่มสลายภายใต้การคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
“ดังนั้น มอสโกจึงต้องการรักษาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตุรกีอยู่เสมอ มีความเชื่อมโยงมากมายระหว่างพวกเขา ตั้งแต่พลังงาน การค้า และการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ การที่มอสโกพิสูจน์ความสามารถในการพัฒนาสิ่งที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับประเทศ NATO ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน
ซึ่ง ยูซุฟ คาน(Yusuf Can)จากสถาบันวิจัยของสหรัฐฯ Wilson Center ก็มีความเห็นว่าความสนใจที่เพิ่มขึ้นของตุรกีใน BRICS, SCO และความร่วมมืออื่นๆ ไม่ควรถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนแกน
เขาเชื่อว่า "นาโตสามารถได้รับประโยชน์(บางส่วน)จากการมีส่วนร่วมของพันธมิตรในแวดวงเหล่านี้"
จากวิกฤตเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้นของตุรกีและการพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศและการจัดหาเงินกู้
ถือเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ เมืองหลวงอย่างอังการา มุ่งมั่นที่จะสร้างความสมดุลทางภูมิรัฐศาสตร์
ตามสถิติปี 2566 จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ Türkiye มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 17 ของโลก
และจากข้อมูลจากหน่วยงานระหว่างประเทศแสดงให้เห็นว่าราคา(ข้าวของ)ที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นทางการของTürkiyeอยู่ที่ 71.6% รองจากซิมบับเว อาร์เจนตินา ซูดาน และเวเนซุเอลา
จากการสำรวจล่าสุดทั้งหมดนี้ใน Türkiye ชี้ว่าค่าครองชีพเป็นภาระสำคัญสำหรับชาวเติร์กเป็นอย่างมาก
ประธานาธิบดีแอร์โดอันก็ถูกกดดันจากธนาคารกลางของตุรกีให้รักษาต้นทุนการกู้ยืมให้ต่ำและเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในความเห็นของเขา มันเป็นผลของอัตราดอกเบี้ย ที่เป็นสาเหตุและทำให้เกิดอัตราเงินเฟ้อ
แต่ในปีที่ผ่านมาเขาได้เปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจและการบริหารเศรษฐกิจแบบใหม่ที่กำลังดำเนินไปตามแนวทาง "แบบเดิมๆ" มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น คณะกรรมการชุดใหม่ของธนาคารกลางแห่งตุรกีได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 8.5% เป็น 50% ภายในเก้าเดือน
แม้ว่า เมห์เมต ซิมเซค(Mehmet Simsek) รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนปัจจุบันของตุรกีจะอ้างว่าโครงการใหม่นี้ทำงานได้ดีและ
"สิ่งที่เลวร้ายที่สุดได้จบลงแล้ว" แต่ สำหรับภาวะเงินเฟ้อ ....หลายคนยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคต
อูมิต อัคเคย์(Umit Akcay) จาก Berlin School of Economics and Law กล่าวว่า “นับตั้งแต่ Simsek เข้ารับตำแหน่ง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 50%
แต่อัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นสองเท่า และค่าเงินลีราตุรกีก็อ่อนค่าลงอย่างมากเช่นกัน
ซึ่งมองว่าเป็นอุปสงค์ในประเทศและการเติบโตของค่าจ้างที่มากเกินไปเป็นสาเหตุหลักของอัตราเงินเฟ้อ ...แผนนี้ของเขามันดู....ไม่ได้ผล
ผู้เชี่ยวชาญยังตั้งข้อสังเกตหนักขึ้นไปอีกว่า ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจตุรกีในอนาคต
แต่หลายคน ยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และสาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากฐานราก
“อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงไม่ได้หมายความว่าวิกฤตค่าครองชีพจะสิ้นสุดลงแล้ว หากไม่มีการเพิ่มค่าจ้างที่แท้จริงหรือการสนับสนุนจำนวนมากสำหรับชนชั้นล่าง วิกฤติก็จะดำเนินต่อไป”
หากการยื่นขอจัดตั้งสหภาพเศรษฐกิจที่ไม่ใช่ของตะวันตกของตุรกีประสบความสำเร็จ ก็อาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศได้
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์หลักของตุรกีในการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศ BRICS มีแนวโน้มที่จะอยู่ในแวดวงการเมืองมากกว่า
และเป็นการแสดงให้เห็นอีกประการหนึ่งของยุทธศาสตร์การทูตแบบ 360 องศาของประธานาธิบดีแอร์โดกัน อีกด้วย.
1
ตอนนี้ตุรกีกางข้างทั้ง 2 ไว้ที่แคมเรือแต่ละลำ อย่างไรก็ตาม ตุรกีจะเป็นประเทศอิสลาม ดังนั้น ยุโรปและสหรัฐอเมริกาจึงต้องพยายามเอาชนะกันอย่างเต็มที่
ทุกวันนี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงดำเนินต่อไป นี่ถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับรัสเซียเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างทั้งสองประเทศอีกด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง ยุโรปและสหรัฐอเมริกากำลังร่วมมือกัน ในทางกลับกัน ประธานาธิบดี Xi Jinping ก็ต้องการมัน
และTürkiye ก็ได้รับประโยชน์จากทั้งสองฝั่ง(แคม)เรือ
ในฐานะสมาชิกของ NATO Türkiye สามารถไกล่เกลี่ยและ(แอบ)กำกับดูแลรัสเซียได้ในด้านหนึ่ง และเขายังสามารถติดตามพลวัตของปูติน สีจิ้นผิง และคิมได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า Türkiye มีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัสเซียจะถูกแบ่งแยกและแยกออกเป็นชิ้นๆ
หากมองในมุมนี้ ....ท้ายที่สุด รัสเซียก็เป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ต่อTürkiye เหมือนกับว่า Türkiye หวังว่ารัสเซียจะพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช
เพื่อให้ Türkiye สามารถลุกขึ้นอย่างสง่าจากเอเชียกลางและฟื้นศักดิ์ศรีของจักรวรรดิออตโตมันกลับคืนมา.... เราคงต้องรอดูกันต่อไป.
โฆษณา