1 ส.ค. เวลา 01:07 • การเมือง

ทำไมอเมริกาจะพ่ายแพ้หากกลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้ง

เพราะว่า “ในที่สุดจีนและรัสเซียก็จะตามทัน” เจฟฟรีย์ ลูอิส ศาสตราจารย์จากสถาบันมิดเดิลเบอรีด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและผู้เชี่ยวชาญด้านการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ทางภูมิรัฐศาสตร์ชาวอเมริกันกล่าวไว้ในบทความของ Foreign Affairs เผยแพร่เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2024
นั่นเป็นเพราะว่าสหรัฐฯ “ได้ทำการทดสอบปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ไปแล้ว (1,149 ครั้ง) มากกว่าที่รัสเซีย (969 ครั้ง) และจีน (45 ครั้ง) ทำรวมกันเสียอีก” มันทำให้สามารถรวบรวมข้อมูลจำนวนมากเพื่อทำโมเดลทดสอบบนคอมพิวเตอร์ได้ และครั้งหนึ่ง สหรัฐฯ เคยมีข้อได้เปรียบในด้านซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลและใช้สายเคเบิลใยแก้วนำแสงเป็นสื่อที่ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลจากภาคสนามได้โดยไม่มีการลดทอนของสัญญาณหรือข้อมูลตกหล่น
เครดิตภาพ: Al Jazeera
แต่ในปัจจุบัน “จีน” และ “รัสเซีย” มีศักยภาพทัดเทียมเท่ากับอเมริกาแล้ว ตามที่ลูอิสกล่าว ช่วงการเปลี่ยนผ่านของสหรัฐฯ ไปสู่การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่ตามที่เสนอโดย “โรเบิร์ต โอไบรอัน” อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสมัยทรัมป์เป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2021 จะกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ ทำตามเช่นเดียวกัน ศาสตราจารย์ลูอิสเขียนว่า
“ความเหนือกว่าทางเทคนิคด้านคลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ มีอยู่ตอนนี้ก็เพราะว่ารัสเซียและจีนอยู่ในช่วงหยุดทดสอบ และสหรัฐฯ ได้ลงทุนมหาศาลในด้านวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับนิวเคลียร์ หากทรัมป์สมัยสองกลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้ง รัสเซียและจีนก็จะทำตามอย่างไม่ต้องสงสัย และเนื่องจากพวกเขาได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการทดสอบดังกล่าว พวกเขาจะทำลายข้อได้เปรียบของสหรัฐฯ”
ยิ่งไปกว่านั้นศาสตราจารย์ลูอิสยังเตือนอีกว่า ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์เกิดใหม่หรือกำลังพัฒนาอยู่ เช่น “อิหร่าน” หรือ “ซาอุดิอาระเบีย” จะมองข้ามข้อจำกัดในการทดสอบวัตถุระเบิดเช่นกัน ดังนั้น “ศัตรูที่มีอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ จะพร้อมรบมากยิ่งขึ้น”
อัพเดท ณ ปี 2024 เครดิตภาพ: Federation of American Scientists
มีเหตุผลบางอย่างในสิ่งที่ลูอิสพูด การที่วอชิงตันกลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้งจะกระตุ้นให้เกิดมาตรการตอบโต้ที่เท่าเทียมกันอย่างแน่นอน
ตัวอย่างเช่น รัสเซียจะตอบโต้อเมริกาต่อเรื่องทดสอบอาวุธนิวเคลียร์โดยทันที เมื่อ “ปูตินเคยกล่าวไว้ว่าอเมริกาจะไม่ใช่ประเทศแรกที่กลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้ง” ซึ่งหมายความชัดเจนว่ารัสเซียจะทดสอบด้วยทันทีต่อจากอเมริกา ไซต์สถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ของรัสเซียคือ “หมู่เกาะโนวายาเซมลยา” ในมหาสมุทรอาร์กติกทางตอนเหนือของรัสเซีย ก็พร้อมสำหรับเรื่องนี้ในทางเทคนิคแล้ว
1
หมู่เกาะโนวายาเซมลยา เครดิตภาพ: Encyclopædia Britannica, Inc.
ก่อนหน้านี้ “รัสเซียก็ได้ถอนการให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญา CTBT (สนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์) ไปแล้วเมื่อพฤศจิกายน 2023” และได้ปรับจุดยืนของตนใหม่เกี่ยวกับสนธิสัญญาต่างๆ กับสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ “จีน” ซึ่งเคยแค่ลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าวแต่ไม่ได้ถึงกับให้สัตยาบันด้วย
มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งใหม่จะเกิดขึ้นจริงนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตะวันตกซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา กำลังจะทำให้หลุดออกจากวงจรอุบาทว์ของการข่มขู่ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ไปมาและเกิดการยกระดับความรุนแรงไปทั่วโลก ดังนั้นจึงเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
รัสเซียพร้อมสำหรับสิ่งนี้ เกาหลีเหนือก็พร้อมยิ่งกว่าพร้อม ท่าทีของจีนในประเด็นนี้ถึงแม้ยังไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะ เพราะมันอาจติดอยู่ที่ประเด็น “แผนสันติภาพในยูเครน” ของพวกเขาที่รวมถึงการห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นเงื่อนไขค้ำคออยู่
เรียบเรียงโดย Right Style
1st Aug 2024
  • แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Jon Berkeley / The Economist>
โฆษณา