2 ส.ค. 2024 เวลา 09:35 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วัดสุชน (ท้าวเวสสุวรรณ)

เปรตวิสัย

เปรตวิสัยเป็นชื่อเรียกภพภูมิหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่เพื่อเสวยอกุศลวิบาก หรือ เสวยบาป มีความละเอียดกว่าภพภูมิของมนุษย์ แต่ก็ไม่ละเอียดเท่าภพภูมิของเทวดา ดินแดนของเปรตวิสัยมักเป็นอาณาจักรอันเร้นตาซ้อนทับอยู่ตามภูเขาบ้าง เกาะแก่งบ้าง ป่าทึบบ้าง สัตว์ในเปรตวิสัยจะถือกำเนิดขึ้นแบบโอปปาติกะ คือผุดเกิดขึ้นมาเองเลย ด้วยอกุศลวิบาก ที่มาจากกรรมที่เปรตสัตว์นั้นเคยกระทำไว้ตอนยังเป็นมนุษย์
#เปรตวิสัย #อบายภูมิ
ปัจจุบัน เรื่องภพภูมิเป็นเรื่องอจินไตย คือยังไม่มีเทคโนโลยีใดพิสูจน์ได้ถึงภพภูมิอื่นที่นอกเหนือจากภพภูมิมนุษย์เลย แต่ทฤษฎีสัมพัทธภาพและฟิสิกส์ควอนตั้มของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ดูจะเป็นทฤษฎีที่ใกล้เคียงกับเรื่องจักรวาลวิทยาในศาสนาพุทธมากที่สุด มีการพูดถึงสสารมืด และมิติของกาลเวลา ที่ให้ลักษณะใกล้เคียงกับคำสอนเรื่องภพภูมิที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบมาก
ปัจจุบันมีคนมากมายที่ไม่เชื่อเรื่องภพภูมิและชีวิตในสัมปรายภพ แต่คนพวกนั้นไม่อาจจะเลี่ยงได้ว่า ความหยาบ และ ความละเอียด เป็นสิ่งที่มีจริงในจักรวาลนี้ ดินหยาบมากสุด น้ำหยาบรองลงมา ไฟหยาบน้อยหน่อย หมอกหยาบน้อยกว่า ควันก็บางเบาละเอียด ลมละเอียดกว่าควันเพราะมองไม่เห็นแล้ว นอกจากนี้ก๊าซในอากาศก็มีที่เบากว่าอากาศอีก แม้มองไม่เห็นแต่ก๊าซพวกนี้มีตัวตนจริงและสามารถใช้เครื่องมือตรวจวัดค่าได้
แน่นอนว่า ชีวิตในภูมิอื่นก็เช่นกัน สิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานประกอบผสานขึ้นมาจากธาตุดินน้ำลมไฟ ซึ่งมีความแน่นหยาบกว่าธาตุจำพวกก๊าซ หรือรังสี และคลื่นต่างๆมาก หากมองอีกมุมจะพบว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ประกอบผสานมาจากธาตุดินน้ำลมไฟย่อมมีอยู่จริงเช่นกัน แน่นอนว่ามวลแน่น หรือความหยาบจะไม่มีเพราะประกอบมาจากธาตุอันแสนละเอียดมาประชุมรวมกัน ไม่ใช่ดินน้ำลมไฟ แต่อาจจะเป็นคลื่นพลังงานบางอย่าง เช่น คลื่นแสงระดับที่ไม่ใช่เหนือม่วงและใต้แดง คลื่นเสียงความถี่ลึกต่ำ ฯลฯ
เปรตวิสัยจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดอยู่ในประเภท "สสารมืดที่มีชีวิต" คือเป็นสสารที่อยู่นอกขอบเขตรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต(เหนือม่วง)และรังสีอินฟราเร็ด(ใต้แดง) บางทีก็เรียก "พลังงานมืด" เพราะอยู่ในบรรยากาศที่นอกเหนือจากประสิทธิภาพการมองเห็นของตาเนื้อ แต่อาจมีสัตว์เดรัจฉานบางชนิดรับรู้คลื่นพลังงานมืดได้ มันจึงมองเห็นพวกกายละเอียด,กายทิพย์อาทิสมานกายต่างๆได้
การกำเนิดขึ้นของเปรตวิสัย มาจากมนุษย์ที่ทำบาปไว้เยอะมาก แต่ยังไม่มากพอที่จะนำไปเกิดในนรกภูมิ จึงต้องไปเกิดเป็นเปรตตามสภาพภูมิจิตภูมิธรรม และอีกประเภทหนึ่งก็คือ เปรตที่ตายจากนรก มาเกิดเป็นเปรตเพื่อเสวยอกุศลวิบาก ส่วนใหญ่แล้วกรรมที่ทำให้คนไปเกิดเป็นเปรตวิสัย คือกรรมด้านความโลภ ความแล้งน้ำใจ ใจจืดใจดำ ชอบขัดแข้งขัดขาคนอื่น อยากได้ใคร่มาซึ่งอุปกรณ์แห่งทรัพย์และวัสดุแห่งเงินตราของผู้อื่น รวมทั้งพวกที่วาจาสามหาว ใจดำ ใจหยาบ หลอกล่อคนอื่น เอาเปรียบคนอื่น พวกนี้มักจะตายไปเกิดเป็นเปรตวิสัยกันมาก
อันที่จริงแล้ว คนบนโลกใบนี้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากร ถ้าตายไปแล้วไม่เกิดเป็นสัตว์นรก ก็เกิดเป็นเปรตวิสัยนี่แหละครับ วนเวียนกันไปกันมาอยู่เท่านี้ เพราะแทบไม่มีใครมุ่งมั่นพากเพียรหลุดพ้นจากระบบสมมติบัญญัตินี้กันเลย มีแต่เบียดเบียนกัน พอชนเหล่านั้นพ้นจากนรกกำเนิดและเปรตวิสัยแล้วก็มักจะตายไปเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาก็เหลือโอกาสเท่าเพียงชั่วครั้งที่เต่าตาบอดตัวหนึ่งจะว่ายน้ำขึ้นมาเอาคอคล้องห่วงหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำในระยะเวลาหนึ่งร้อยปีต่อครั้งก็เท่านั้นเอง
ในพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ (บาลี มหาวิ. วิ. ๑/๒๑๐/๒๙๕.) ได้จาระถึงเหตุการณ์ที่พระโมคคัลลานะจาริกไปแถบเทือกเขาคิชฌกูฏ ในนครราชคฤห์ ภารัตประเทศ ได้เจริญสติจนมีทิพยจักขุเห็นแจ้งโลกธาตุของเปรตวิสัยขณะที่จาริกไปตามเส้นทางเลียบเทือกเขา โดยพระโมคคัลลานะเล่าว่าท่านพบเจอเปรตวิสัยถึง ๒๐ ชนิดด้วยกัน ดังต่อไปนี้
๑.อัฏฐิสังขลิกเปรต หรือ เปรตโครงกระดูก เป็นเปรตที่เสวยทุกข์ในสภาพที่มีกายเป็นกระดูก ส่งกลิ่นสาบเหม็น ให้แร้งการุมจิกตี เปรตในลักษณะนี้คล้ายผีญี่ปุ่นจำพวกผีโฮเนะบะเคะ คือเป็นผีที่ตายด้วยความแค้น ๒.มังสเปสีเปรต เป็นเปรตที่มีแต่เนื้อ ในตัวไม่มีกระดูก ลอยไปลอยมาให้เสือกระชากเนื้อกิน เปรตชนิดนี้เป็นพวกทำอาชีพปศุสัตว์อยู่ในโรงเชือดมาก่อน เขาฆ่าเพราะทำไปตามหน้าที่และไม่ได้เจริญภาวนามัย แม้ไม่ถึงขั้นตกนรกแต่ตายแล้วก็ต้องมาเป็นมังสเปสีเปรต
๓.มังสปิณฑเปรต เปรตที่เหมือนชิ้นเนื้อถูกสับ เละตุ้มเป๊ะ เพราะตอนเป็นมนุษย์นิยมล่านกมาฆ่าและสับกินเป็นอาหาร แม้จะทำทานบ้างแต่ไม่เคยเจริญภาวนา พอตายลงก็ต้องมาเกิดเป็นมังสปิณฑเปรต ๔.นิจฉวีเปรต เปรตที่ไม่มีผิวหนัง เหมือนหุ่นอนาโตมี่มนุษย์ ร้องครวญครางไปมาด้วยความแสบ สาเหตุเพราะเคยทำอาชีพเป็นคนถลกหนังแกะทำเครื่องกันหนาว แม้จะทำไปด้วยการเลี้ยงชีพแต่ก็สนุกในอาชีพที่ทำ และไม่เจริญสติภาวนามัย แม้ทำทานบ้างแต่ก็ไม่ได้ขัดเกลาจิตใจ เมื่อตายลงก็ต้องไปเกิดเป็นนิจฉวีเปรต
๕. อสิโลมเปรต เปรตที่มีขนเหมือนเม่นทั้งตัว ขนนี้ยืดหดได้ และยังตวัดเข้ามาแทงลูกตาและแทงทวารทั้งเก้าของตัวเองได้อีก สาเหตุก็เพราะเคยทำงานเป็นคนเชือดสุกรมาก่อน ทำแต่งานโดยไม่สนการภาวนามัย จวบกับไม่เคยทำบุญ จึงต้องตายมาเป็นเปรตขนดาบ ๖.สัตติโลมเปรต เปรตที่มีขนยาวกว่าเม่นดั่งคมหอกทั้งตัว คมหอกนั้นพุ่งออกมาจากร่างแล้วตวัดกลับเข้าเสียบร่างของมันซ้ำไปซ้ำมาจนเลือดสาดกระเซ็น เป็นแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนเป็นมนุษย์เปรตนี้เคยทำอาชีพล่าเนื้อจากป่ามาขาย โดยพุ่งหอกแหลนไปเสียบร่างเนื้อจนตาย
๗. อุสุโลมเปรต เปรตที่มีขนเป็นศรแหลมคมพุ่งออกมาเหมือนกระสุนแล้ววกกลับเข้าหาตัวเองจนเป็นแผลเหวอะหวะ อดีตเคยเป็นเพชฌฆาตประหารนักโทษจนชินชาในการฆ่าคน และไม่เคยปฏิบัติภาวนามัย เลยต้องเกิดเป็นเปรตขนกระสุนลูกศร ๘.สุจิโลมเปรต เป็นเปรตขนเข็ม ขยับตัวทีขนเข็มก็ตำไปตามเนื้อตัวทั่วสรรพางค์กาย เพราะเคยเป็นควาญม้าใช้แส้ฟาดผิวม้าอยู่สม่ำเสมอ ๙.สุจกเปรต เปรตที่มีปรสิตคล้ายเข็มพุ่งเข้าออกปากและออกทางอก แล้วออกทางหู ทะลุออกท้อง สำรอกออกทางทวารหนักแล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ เพราะตอนเป็นมนุษย์ชอบยุแยงคนอื่นให้ตบตีกัน
๑๐.กุมภันฑกเปรต เปรตที่มีอัณฑะยานใหญ่เท่าหม้อ เวลาเดินไปตามถนนหนทางก็ต้องแบกอัณฑะยานๆพาดบ่าไปด้วยความหนักอึ้ง มีนกและหมาป่าไล่จิกไล่กัดกระชากเอาเนื้ออัณฑะมากิน ตอนเป็นมนุษย์ เปรตนี้เป็น ทนายชั่ว อัยการชั่ว ตุลาการพิพากษาใจชั่วโอนเอียงรับสินบนใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ ๑๑.คูถนิมุคคเปรต เปรตนักดำน้ำในบ่ออุจจาระ ดำผุดดำว่ายสำลักเอาอุจจาระของสัตว์และมนุษย์เข้าไปในปอด มีพยาธิชอนไชในรูหูจมูกปากทวารหนักและดวงตา ตอนเป็นมนุษย์คือพวกทรงเจ้าเข้าผี เป็นพราหมณ์ที่ทำอาชีพหลอกลวงคนอื่น และแอบเป็นชู้กับเมียผู้อื่น
๑๒.คูถขาทิเปรต เปรตกินอุจจาระ สาเหตุที่ต้องมาเกิดเป็นเปรตกินอุจจาระ นั่งคว้านควักอุจจาระในหลุมขี้มากินก็เพราะเคยเกิดเป็นเศรษฐีแล้วพอมีคนมาขอทาน มาขอข้าวกิน ก็เทขี้เทเยี่ยวใส่รางให้คนยากพวกนั้นกิน คนยากเห็นว่าไม่รู้จะทำเช่นไรจึงต้องกินเพราะดีกว่าไม่มีอะไรตกถึงท้องและอดตาย พอตายไปเศรษฐีชั่วก็ลงไปเกิดในนรกหลายกัป ก่อนจะมาเกิดเสวยเศษอกุศลกรรมในสภาพของคูถขาทิเปรตนี้ ๑๓.นิจฉวิตถีเปรต เปรตไม่มีผิวหนังเหมือนหุ่นอนาโตมี่ โดนนกแร้งนกเหยี่ยวกาจิกตีรุมทึ้งกินเนื้อกินเอ็น สาเหตุเพราะตอนเป็นมนุษย์แอบไปมีชู้
๑๔.มังคุลิตถีเปรต เปรตโหราพยากรณ์ คว้านท้องเอาไส้ตัวเองมาทำเป็นพวงมาลัยคล้องคอ เหตุเพราะตอนเป็นมนุษย์ทำอาชีพหมอดู ทำนายทายทักไปเรื่อยเพื่อแลกเงิน เปรตนี้ลำไส้ส่งกลิ่นคาวดึงดูดแร้งกามาจิกกิน เจ็บปวดเหลือแสน ๑๕.โอกิลินีเปรต เปรตขี้หึง สมัยเป็นมนุษย์เคยเอากระทะใส่ถ่านมาราดหัวผู้หญิงที่ผัวตัวเองหลงไปชอบ จึงเกิดมามีสภาพกายที่ติดไฟลุกแดงดั่งถ่าน ๑๖.อสีสกพันธเปรต เปรตหัวขาด มีตาและปากอยู่ที่หน้าอก เคยเป็นเฟชฌฆาตฆ่าโจรผู้ร้ายมาก่อน
๑๗. ภิกษุเปรต เปรตพระสงฆ์ที่ทำผิดพระวินัย มีสภาพผอมบักโกรก ๑๘. ภิกษุณีเปรต เปรตสงฆิณีที่ทำผิดพระวินัย มีสภาพอดอยากผอมแห้ง ๑๙. สิกขมานาเปรต เปรตนักศึกษาที่ประทุษร้ายผู้เป็นครู มีสภาพหัวเปิดเห็นก้อนสมอง ๒๐. สามเณรเปรต เปรตสามเณรที่ทำผิดพระวินัย มีสภาพอุจาดลามก กายเน่าเยิ้มไปด้วยน้ำหนอง หนอนไต่ยั้วเยี้ย ๒๑. สามเณรีเปรต เปรตสามเณริณี เปรตเณรหญิงที่ทำผิดพระวินัย มีสภาพอุจาดลามก กายเน่าเยิ้มไปด้วยน้ำเหลือง หนอนไต่เต็ม
จะเห็นได้ว่า จิตจมปลักอยู่ในอกุศลกรรมชั่วประเภทใดก็จะดิ่งไปสู่ภพภูมิที่ลงล็อกเข้ากันกับสภาพจิตนั้น นี่ขนาดไม่ได้ก่อกรรมหนักหนาสาหัสอย่างถึงที่สุด ก็ยังได้ไปเกิดเป็นเปรตในรูปแบบต่างๆ ดังนั้น ขอให้ทุกคนอย่าลืมที่จะละบาปอกุศล หมั่นเจริญสติปัฏฐาน สะสมสุตะ เจริญสติภาวนา เพื่อหลีกหนีการเวียนว่ายตายเกิด กลับสู่อสังขตธรรม อมตะนิพพานด้วยกันนะครับ
แอดมินพรหมกายิกา แห่งเพจเฟ๊วบุ๊คธรรมะแฟนตาซี
โฆษณา