6 ส.ค. 2024 เวลา 04:20 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วัดห้วยจระเข้ นครปฐม

สังโยชน์ เครื่องผูกมัดให้เรามองไม่เห็นสิ่งสมมติ จงหมั่นละทิ้งสังโยชน์ ความทุกข์จะลดลงเรื่อยๆไปเอง

สังโยชน์ เป็นคำศัพท์ภาษาบาลี มาจากภาษามคธโบราณ ที่ว่า สัง โย ชะ นะ หมายถึงธรรมชาติทางจิตที่ผูกมัดสัตว์ผู้มีชีวิตให้จ่อมจมอยู่ในระบบสมมติบัญญัติและการเวียนตายวนเกิด (กิเลส10ก็เรียก) สังโยชน์มีอยู่ด้วยกัน 10 ประเภท แต่ ณ ที่นี้ผู้เขียนจะเน้นไปที่สังโยชน์ขั้นต่ำเป็นหลักก่อน
#กิเลส #สังโยชน์
ความลุ่มหลงในกามก็ถือเป็นหนึ่งในสังโยชน์เบื้องต่ำ
สังโยชน์ขั้นต่ำ หมายถึง ห้าสังโยชน์แรก ได้แก่ ๑.สักกายทิฏฐิ คือความยึดมั่นในกาย เห็นว่ากายเป็นของเรา สามารถควบคุมมันให้ได้ดั่งใจได้ ๒.วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัยในคุณของพระศรีรัตนตรัยอันประกอบไปด้วยพระพุทธเจ้า ธรรมะ และพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ๓.ศีลพัตตปรามาส คือ ความเชื่อผิดๆ อาทิเช่น ลัทธิศาสนาอื่น ไสยศาสตร์ มนตร์ดำ โหราศาสตร์ พรหมลิขิต โชคลางและฤกษ์ยาม เป็นต้น
๔.กามฉันทะ ความต้องการใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ เช่น ความอยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากกินอยากเสพสิ่งหรูหรา อยากมีเพศสัมพันธ์ ฯลฯ ๕.พยาบาท หรือ ปฏิฆะ คือความแค้น ความปรารถนาให้ผู้อื่นย่อยยับย่ำแย่ ทั้ง๕สังโยชน์ข้างต้น เรียกว่า สังโยชน์เบื้องต่ำ,สังโยชน์ขั้นต่ำ ชื่อในภาษาบาลีคือโอรัมภาคิยสังโยชน์
ที่เรียกว่าเป็นเบื้องต่ำ ก็เพราะผู้ที่ละสังโยชน์ในห้าข้อนี้ได้ตั้งแต่สามข้อแรกขึ้นไป จะกลายเป็นอริยบุคคลขั้นต้น ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นฆราวาส(เสพกามได้)หรือบรรพชิต(ไม่เสพกาม)ก็ตาม
อริยบุคคล หมายถึง บุคคลที่ประเสริฐ คือ เข้าสู่กระแสหรือทางเดินแห่งมรรคมีองค์๘ไปแล้ว เมื่อสิ้นชีพไปแล้วจะไม่มีวันไปเกิดในอบายทุคติ นรกกำเนิด วินิบาต เดรัจฉานและเปรตวิสัยได้อีกต่อไปแล้ว แต่คนทั่วๆไป หรือสัตว์ทั่วๆไป ที่ไม่ได้พยายามฝึกสติเพื่อขจัดสังโยชน์สามข้อแรก หรือ ยังเป็นอริยบุคคลไม่ได้ ก็จะยังคงตายแล้วไปเกิดในนรกกำเนิด เดรัจฉาน เปรตติวิสัยได้
เปรตวิสัย
คิดเป็นร้อยละ80-90เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ที่มนุษย์ปุถุชนที่ไม่ฝึกเจริญสติ เมื่อตายลงแล้วจะดิ่งลงไปอบาย หรือต่อให้ระลึกถึงกุศลได้ จนได้ไปเกิดในสุคติ-โลกสวรรค์ แต่ด้วยความที่ไม่เคยบ่มเพาะอุปนิสัยเจริญสติมาก่อน จึงใช้ชีวิตในสุคติภูมิอย่างประมาท เสพสุขไปวันๆ จนกุศลวิบากถูกใช้หมดสิ้น แม้ผ่านความเพลิดเพลินไปแล้วหลายร้อยล้านกัป เผลอคิดไปว่าตัวเองเป็นอมตะ รู้ตัวอีกทีก็ตายจากสุคติภูมินั้น ดิ่งลงสู่แดนเกิดใหม่ที่เรียกว่านรกกำเนิด ทุคติ อบาย เดรัจฉาน วินิบาตและเปรตวิสัย ตามเศษอกุศลวิบากที่เหลืออยู่เพียวๆ
ภาพแสดงวินิบาต คือ การทำลายล้างในทุคติภูมิ(เปรตวิสัย)
นี่แหละครับเป็นสาเหตุที่มนุษย์จำเป็นต้องสร้างเหตุปัจจัยเกื้อหนุนให้ตัวเองเป็นโสดาบันให้ได้ หรือ เป็นโสดาบันให้ได้ภายในชาตินี้เลย อย่างน้อยๆ พระพุทธองค์ได้ทรงรับรองไว้แล้วว่าถ้าเราสามารถท่องจำใคร่ครวญปฏิจจะสมุปันธรรมได้ขึ้นใจ จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้คุณได้ไปเกิดเป็นชาวสุคติที่มีโอกาสได้ไปบรรลุธรรมบนแดนสุคตินั้น ด้วยการพบเจอพระอริยสงฆ์เดินทางขึ้นไปแสดงธรรมบนสุคติบ้าง ด้วยการได้ยินได้ฟังเพื่อนเทวดาใคร่ครวญทบทวนพระธรรมวินัยจนได้บรรลุโสดาบันบ้าง ตามเหตุปัจจัยที่คุณได้ก่อไว้เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่
นอกจากนี้ การสร้างเหตุปัจจัยเพื่อเป็นโสดาบันก็ยังให้ผลดีตอนยังมีชีวิตอยู่ เพราะโสดาบันจะต้องละทิ้งสังโยชน์ 3 ข้อแรกให้ได้ อย่างข้อ๑.คือเมื่อเราไม่เห็นสำคัญหมายว่ากายนี้เป็นของเรา,ตัวเราต้องได้รับความสำคัญต่างๆ ก็จะส่งผลให้เราไม่แสวงหาการเอาเปรียบใคร เป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง และที่สำคัญ ใจเราก็จะไม่ทุกข์ร้อนเพราะไม่เป็นผู้กล่าวตู่เรียกร้องอะไรที่ไม่จำเป็น เพราะไม่ใส่ใจต่อความเสียเปรียบ-ได้เปรียบนั่นเอง
ส่วน ๒.ความลังเลสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย หากกำจัดความลังเลสงสัยนี้หมดไปได้ คุณก็จะเดินตามรอยพระพุทธศาสดา และเชื่อในพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงประกาศแจ้งแล้วว่าเป็นความจริงของธรรมชาติเดิมแท้ พร้อมกับให้การสนับสนุนพระสุปฏิปันโนภิกขุสงฆ์ที่ตั้งมั่นในแนวทางที่แท้จริงตามธรรมวินัยจากพระตถาคตสิทธัตถะโคตมะ เมื่อดำเนินตามอรรถตามธัมม์ได้ค่อนข้างดีหรือประเสริฐ คุณก็จะสิ้นแล้วซึ่งสังโยชน์ข้อ ๓.ไปได้เอง คือหลุดพ้นจากความเชื่อความกลัวที่มีต่อไสยศาสตร์,ผีสางนางไม้,พิธีกรรมรวมทั้งโหราศาสตร์ ไม่ไหว้วอนขอโชคขอลาภอีก
สังโยชน์๓ข้อแรกนี้เองที่จะทำให้คุณเริ่มเห็นฝั่งพระนิพพาน ก็คือได้เลี้ยวซ้ายขึ้นจากน้ำมาเดินอยู่บนท่าน้ำที่เชื่อมกับสะพานแห่งมรรคมีองค์แปดแล้ว และแน่นอนว่ามันจะเป็นธรรมชาติ เป็นอุปนิสัยในตัวคุณ ไม่สามารถถอดถอนหรือหวนกลับไปมีสังโยชน์ทั้งสามข้อนี้ได้อีกต่อไป เปรียบดั่งกิมิ(หนอน)ที่กลายเป็นดักแด้แล้วไม่กลับไปเป็นหนอนฉันใดก็ฉันนั้น รอวันเวลาเหมาะสมที่จะสยายปีกผีเสื้ออันแสนงดงามแต่เพียงอย่างเดียว
สังเกตได้ว่า การขจัดทิ้งซึ่งสังโยชน์สามข้อแรกนั้นจะส่งผลให้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะจะทำให้คุณกลายเป็นผู้มีความมั่นใจในตัวเอง มีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆด้วยการ Manifest อย่างมีคุณภาพ และ คุณจะมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองเพราะมีพระศรีรัตนตรัยเป็นองค์ประธานแห่งจิต เป็นที่รักของชาวสุคติ เทพ พรหม พร้อมปกป้องคุณ เมื่อคุณจะต้องพบเจอเหตุการณ์เข้าตาจน คุณก็จะรอดพ้นมันไปได้อย่างเหลือเชื่อ ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม อย่างมีสติ และจะไม่ระเริง เหลิงประมาทในกรรมอีกต่อไปแล้ว
แอดมินอันตราปรินิพพายี แห่งเพจเฟ๊ซบุ๊คธรรมะแฟนตาซี
โฆษณา