27 ส.ค. 2024 เวลา 10:01 • หนังสือ

#หนังสือแนะนำ คิดวิเคราะห์แบบโคนัน

สำหรับท่านใดที่ชอบหนังสือแนวจิตวิทยาพัฒนาตนเองและเป็นแฟนคลับของการ์ตูนอนิเมะชื่อดัง
อย่างเช่น ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เราขอแนะนำหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ
เป็นหนังสือที่ทำให้เราเห็นการคิดวิเคราะห์ของโคนันในการสืบไขคดียากๆ เรามาเรียนรู้กันดู ว่าสมองของโคนันมีการจัดเรียงการใช้ตรรกะเหตุและผลต่างๆอย่างไร
" หนังสือคิดวิเคราะห์แบบโคนัน "
ร่วมไขคดีปริศนาและฝึกคิดอย่างมีเหตุผลไปพร้อมกับนักสืบในโลกมังงะที่โด่งดังที่สุดตลอดกาล
นักเขียน : อุเอโนะ ซึโยชิ
เราอยู่ในยุคสมัยที่เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ก้าวไกลและล้ำเลิศมากๆ ทั้ง Ai Bigdata หรือหุ่นยนต์
แทบจะเรียกได้ว่า เราใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่แก้ไขปัญหาชีวิตและเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่มีไม่ได้แล้ว แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเริ่มคิดทบทวนไตร่ตร่องดูใหม่ว่า สมองมนุษย์ ที่เรียกว่า "การตั้งคำถามต่างๆ" มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ เช่น "เราจะทำอย่างนั้นได้ไหม" "เราจะไปที่นั่นยังไง" และ "เราจะแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างไร" นี่คือการตั้งคำถามที่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ซึ่งไม่มีใน Ai และสมองของมนุษย์ยังจำเป็นอยู่
เมื่อพูดถึง "ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน"
ภาพของเด็กน้อยผู้ฉลาดเป็นกรดก็ลอยขึ้นมา
เขาสามารถไขปริศนาในคดีที่ซับซ้อนได้ทุกครั้ง
เพราะเขามีสิ่งที่หลายคนไม่มี
นั่นก็คือ "ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล"
และทักษะนี้เป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดในยุคปัจจุบัน
หนังสือเล่มนี้จะชวนคุณไขคดีไปพร้อมๆกับยอดนักสืบจิ๋วโคนันเพื่อช่วยลับคมความคิดของคุณให้มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นและวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างเฉียบคมตั้งแต่เรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันไปจนถึงเรื่องสำคัญในโลกธุรกิจ
ยกตัวอย่างเนื้อหาในหนังสือ
ถ้าคิดอย่างมีเหตุผลเป็นแล้วอะไรจะเปลี่ยนไป
ใช้เมื่อไหร่และอย่างไร
  • ​เวลาสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดหรืออยากรู้ระดับความสำคัญ
  • ​เวลาอยากเพิ่มทักษะการมองเห็นปัญหา
เวลาได้ยินคำว่า "การคิดอย่างมีเหตุผล" แล้วพวกคุณจะนึกถึงอะไรหากดูความหมายแบบตามตรงตัวอักษรมันก็คือการคิดที่ยึดหลักเหตุผลแต่ต้องคิดแบบไหนล่ะถึงจะเรียกได้ว่าเป็นการคิดอย่างมีเหตุผล...
ถ้าจะพูดแบบรวบรัด ก็ต้องบอกว่าเป็น "วิธีคิดที่นำไปสู่ข้อคิดเห็นหรือข้อสรุปที่มีฐานความคิดที่ถูกต้องชัดเจนรองรับ" คำว่า "ฐานคิด" ในที่นี้หมายถึงข้อมูล
ข้อเท็จจริง หรือหลักฐานที่ใช้ในการคิดและสร้างข้อคิดเห็นหรือข้อสรุป ข้อคิดเห็นหรือข้อสรุปใดๆ ก็ตามที่ไม่มีฐานคิดรองรับจะเลื่อนลอย ไม่มีที่มาที่ไป และมักเกิดจากการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
พอฟังแบบนี้อาจมีหลายคนรู้สึกว่าการคิดอย่างมีเหตุผลเป็นเรื่องยาก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นวิธีคิดที่คนส่วนใหญ่ใช้ในชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัวอยู่แล้ว
ตัวอย่างเช่น สมมุติคุณไปซื้อของแล้วเจอชุดที่ถูกใจเข้าการคิดจะว่า "ขนาดจะพอดีไหมนะ" ลองใส่ดูดีกว่า ก็เป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหมคะ แต่เบื้องหลังความธรรมดาจริงๆแล้วมันมีกระบวนการดังนี้
ต้องแน่ใจก่อนซื้อว่าชุดที่ถูกใจใส่ได้พอดีหรือไม่
(ฐานคิด) ลองใส่ดูดีกว่า (ข้อคิดเห็น/ข้อสรุป)
เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าการคิดอย่างมีเหตุผลเป็นสิ่งที่เรียบง่ายและธรรมดาเอามากๆ แต่ถ้าเราสามารถเอาสิ่งที่แสนจะ "ธรรมดา" นี้มาประยุกต์ใช้กับงานได้อย่างเป็นระบบผลที่ได้จะทำให้คุณต้องตะลึงเลยทีเดียว
ประโยชน์ของการคิดอย่างมีเหตุผล มีสองข้อใหญ่ๆ
ข้อแรก มันช่วยให้คุณเรียบเรียงและถ่ายทอดความคิดของตัวเองได้ดีขึ้นส่งผลให้สามารถโน้มน้าวใจคนอื่นให้เห็นคล้อยตามได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างเช่น คุณคิดว่าการสั่งงานโดยพูดว่า "ทำกราฟยอดขายของแต่ละสาขามาให้หน่อย " กับ "เราอยากให้ทุกคนในทีมมีข้อมูลตรงกันว่ายอดขายของแต่ละสาขาต่างกันมากน้อยแค่ไหน ช่วยทำมาเป็นกราฟให้หน่อยนะ" แบบไหนจะทำให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์มากกว่า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแบบหลังใช่ไหมคะ
ในทางกลับกัน เวลาที่มีคนมาสั่งงานหรือเล่าอะไรที่ฟังดูไม่สมเหตุสมผลให้ฟัง คุณก็จะสามารถระบุได้ว่าจุดไหนที่ผิดพลาดหรือขาดหายไป
ข้อที่สอง เมื่อเกิดปัญหาคุณจะสามารถจัดระเบียบ เรียบเรียงและคิดวิเคราะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นจนนำไปสู่ทางออก
ทุกคนคงเคยเจอปัญหาน่าปวดหัวที่ชวนให้รู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไรก็แก้ไขไม่ได้ แต่ถ้าคิดอย่างมีเหตุผลเป็น คุณจะสามารถสืบสวนไปจนถึงต้นตอของปัญหาได้ จากนั้นการคิดวิธีแก้ปัญหาก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลังอีกต่อไป
นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาและหาคำตอบให้กับข้อสงสัยแล้ว การคิดอย่างมีเหตุผลยังช่วยขจัดความเดือดร้อนรำคราญใจในชีวิตประจำวันให้คุณได้อีกด้วย
สั่งซื้อหนังสือ : https://s.shopee.co.th/5VC4uK11Fc
ราคา 160.00 บาท
โฆษณา