28 ส.ค. 2024 เวลา 10:17 • การศึกษา

ชนะใจตัวเอง ชนะทุกสิ่ง : เมื่อวินัยคือซุปเปอร์พาวเวอร์ที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ

ต้องบอกว่าการสร้างวินัยในตนเองเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การเรียน หรือการพัฒนาตนเอง วินัยในตนเองเป็นเสมือนกุญแจที่จะไขไปสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ แต่หลายคนมักพบว่าการสร้างวินัยนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายและยากลำบาก
3
ลองนึกภาพถึงวันที่คุณนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ มีงานสำคัญที่ต้องทำ แต่กลับพบว่าตัวเองไม่สามารถเริ่มต้นได้ คุณจ้องมองเคอร์เซอร์ที่กะพริบอยู่บนหน้าจอ หวังว่ามันจะเริ่มเขียนงานให้เองโดยปาฏิหาริย์
แต่แล้วคุณก็เริ่มหาข้ออ้างต่างๆ นานา “วันนี้ไม่มีแรงบันดาลใจ” “คงเหนื่อยเกินไป” “ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” “พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้” และแล้วคุณก็ตัดสินใจล้มเลิกความตั้งใจในวันนั้น หันไปทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักแทน เช่น เลื่อนดูโทรศัพท์ ดูซีรีส์ หรือหลับไป
2
สถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือสอบ การเตรียมพรีเซนต์งาน หรือการเขียนจดหมายสมัครงาน เราทุกคนล้วนเคยเผชิญกับช่วงเวลาที่แรงจูงใจหายไปจนหมดสิ้น
1
ชีวิตของเราสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือ ชีวิตที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน และชีวิตที่เราปรารถนาจะเป็นในอนาคต หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ สถานการณ์ปัจจุบันของเรา และความฝันรวมถึงความทะเยอทะยานของเรา
1
การที่จะก้าวจากจุดที่เราอยู่ไปสู่จุดที่เราต้องการไปให้ถึงนั้น จำเป็นต้องอาศัยความพยายามและความทุ่มเทอย่างมากแต่ระหว่างทางนั้น เรามักจะเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า “แรงต้าน (resistance)”
1
Steven Pressfield นักเขียนชื่อดังได้กล่าวไว้ในหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า “The War of Art” ว่า “แรงต้านเป็นพลังที่มีเป้าหมายเดียว นั่นคือการรักษาสถานะเดิมของตนเองไว้ มันคือแรงที่จะหยุดยั้งกิจกรรมสร้างสรรค์ของบุคคลด้วยวิธีการใดก็ตามที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการหาเหตุผล การสร้างความกลัวและความวิตกกังวล การเน้นย้ำสิ่งรบกวนอื่นๆ ที่ต้องการความสนใจ การเพิ่มเสียงของการวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง และอื่นๆ อีกมากมาย”
2
แรงต้านนี้เองที่ทำให้เราหาข้ออ้างไร้สาระเพื่อผัดวันประกันพรุ่ง แม้ว่าเราจะรู้ดีว่าการทำงานนั้นให้เสร็จจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายก็ตาม แต่โชคดีที่มีวิธีแก้ปัญหานี้ ซึ่งก็คือ… การสร้างวินัยในตนเอง (self-discipline)
2
Samuel Thomas Davies นักเขียนและนักพัฒนาตนเองชื่อดังได้ให้คำนิยามของวินัยในตนเองไว้อย่างน่าสนใจว่า “วินัยในตนเองคือการโน้มตัวเข้าหาแรงต้าน การลงมือทำแม้ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร การใช้ชีวิตตามการออกแบบ ไม่ใช่ตามค่าเริ่มต้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การกระทำที่สอดคล้องกับความคิดของคุณ – ไม่ใช่ความรู้สึก”
การสร้างวินัยในตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของเรา ด้วยเคล็ดลับและเทคนิคที่เหมาะสม เราสามารถพัฒนาวินัยในตนเองและก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้ ต่อไปนี้คือ 4 เคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้คุณเอาชนะการผัดวันประกันพรุ่ง สร้างวินัยในตนเอง และลงมือทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ
2
1. กำจัดสิ่งรบกวนสมาธิ
ในโลกยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าและสิ่งรบกวนมากมาย การมีสมาธิจดจ่อกับงานเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย อีเมล หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานที่ชอบแวะมาคุย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราเสียสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงาน
1
การสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมต้องอาศัยการทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับงานเฉพาะอย่างหนึ่งเป็นเวลานาน แต่ในโลกสมัยใหม่นี้ ความสนใจของเรากลายเป็นขุมทรัพย์สำหรับเหล่าบริษัทเทคโนโลยี ที่ทุกคนต่างแย่งชิง จึงมีสิ่งรบกวนสมาธิมากมายที่พยายามดึงดูดความสนใจของเรา
1
เพื่อแก้ปัญหานี้ เราจำเป็นต้องกำจัดสิ่งล่อใจที่เป็นพิษทุกอย่างที่อาจรบกวนสมาธิในการทำงานของเรา เพราะหากเราไม่หมกมุ่นอยู่กับกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิเหล่านี้ เราอาจจะต้องใช้ความมุ่งมั่นน้อยลงไปมากในการเลิกนิสัยการผัดวันประกันพรุ่ง
1
วิธีหนึ่งที่ได้ผลดีคือการแบ่งเวลาทำงานเป็นช่วงๆ โดยไม่มีการรบกวน เช่น อาจแบ่งเป็นสองช่วงต่อวัน คือตั้งแต่ 8:00 น. ถึง 12:00 น. และตั้งแต่ 13:30 น. ถึง 19:00 น. และในช่วงเวลาเหล่านี้ ให้กำจัดสิ่งล่อใจทั้งหมดเพื่อให้สามารถมุ่งเน้นไปที่งานเดียว
หากคุณทำงานในสำนักงาน การปิดประตูห้องทำงานเป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เพื่อนร่วมงานที่ชอบคุยโผล่หน้าเข้ามารบกวน และโดยรวมแล้วจะช่วยลดปริมาณเสียงรบกวนลงได้ อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้หูฟังตัดเสียงรบกวน ซึ่งจะช่วยกำจัดเสียงรอบตัวคุณ และยังแสดงให้คนอื่นเห็นว่าคุณกำลังทำงานที่ต้องใช้สมาธิและไม่ต้องการการรบกวนในขณะนี้
สำหรับโทรศัพท์มือถือ ให้เปลี่ยนเป็นโหมดเครื่องบินและวางไว้ในที่ที่คุณไม่สามารถเอื้อมถึงได้ทันที ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นต้องตอบสนองทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอปพวกเครือข่ายโซเชียลมีเดีย
2
เมื่อคุณอยู่ที่คอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป พยายามตัดสิ่งรบกวนทุกอย่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นแอปส่งข้อความต่างๆ หรืออีเมล ลองปิดโปรแกรมอีเมลและปล่อยให้อีเมลสะสมไปเรื่อยๆ จากนั้นค่อยกำหนดเวลาเฉพาะที่คุณจะกลับมาตอบอีเมลทั้งหมดในคราวเดียว ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและไม่ส่งผลกระทบต่อสมาธิในการทำงานอื่นๆ
1
นอกจากนี้ วิธีที่ดีในการเห็นว่าการใช้ชีวิตโดยปราศจากสิ่งล่อใจเหล่านี้เป็นอย่างไร คือการทำ “dopamine detox” หรือการล้างพิษโดปามีน เป็นเวลา 7 วัน โดยไม่ใช้โซเชียลมีเดีย ความบันเทิงดิจิทัล หรือเพลงใดๆ รวมถึงสิ่งอื่นๆ ที่อาจขัดขวางเราจากการบรรลุเป้าหมาย
1
วิธีนี้จะช่วยให้เราเห็นผลกระทบที่ชัดเจนต่อชีวิตและการทำงานของเรา และอาจทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการกับสิ่งรบกวนสมาธิอย่างมีประสิทธิภาพ
2. เริ่มลงมือทำ แล้วแรงบันดาลใจจะตามมาเอง
“มือสมัครเล่นรอแรงบันดาลใจ ในขณะที่มืออาชีพลุกขึ้นและลงมือทำ” คำกล่าวนี้สะท้อนความจริงที่สำคัญเกี่ยวกับการสร้างวินัยในตนเอง การไม่รู้สึกมีแรงบันดาลใจเป็นหนึ่งในข้ออ้างที่พบบ่อยที่สุดเมื่อพูดถึงงานสร้างสรรค์
1
แต่ความจริงแล้ว การลงมือทำไม่ควรเป็นผลมาจากแรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจเท่านั้น เพราะบ่อยครั้งแรงบันดาลใจมักเกิดขึ้นจากการลงมือทำ
1
การสร้างสรรค์ผลงานไม่ใช่กระบวนการเส้นตรง แต่เป็นวงจรที่ประกอบไปด้วยทั้งแรงบันดาลใจ แรงจูงใจ และการกระทำ โดยแต่ละส่วนจะเสริมแรงซึ่งกันและกัน ดังนั้นแทนที่จะรอให้แรงบันดาลใจมาหา เราควรโฟกัสไปที่การเริ่มต้นวงจรนี้ด้วยการลงมือทำก่อน
1
ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับการเอาชนะแรงต้านครั้งแรก เพราะเกือบทุกครั้ง ทันทีที่เราเริ่มต้น หลังจากผ่านไปประมาณ 5 นาที เราจะเข้าสู่โหมดการทำงานที่ดีและจะเพลิดเพลินกับมันอย่างแท้จริง
1
ตัวอย่างเช่น ในการเขียนบทความหรือรายงาน เราอาจรู้สึกลังเลที่จะเริ่มต้นเมื่อเผชิญกับหน้ากระดาษเปล่า แต่เมื่อเราเริ่มเขียนประโยคแรก ความคิดของเราจะเริ่มก่อตัวและเราจะเห็นความก้าวหน้า จากนั้นเราจะเริ่มสนุกกับกระบวนการเขียน มีแรงจูงใจที่จะเขียนประโยคต่อไป และค่อยๆ พบแรงบันดาลใจและแรงจูงใจที่จะทำให้งานดำเนินต่อไป
1
การแยกอารมณ์ออกจากการกระทำเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างวินัยในตนเอง แม้ว่าเราจะไม่รู้สึกมีแรงจูงใจ แต่การเริ่มลงมือทำจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้าน Productivity และความคิดสร้างสรรค์
แนวคิดนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่งานสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตด้วย เช่น การออกกำลังกายหรือการพูดคุยกับคนแปลกหน้า เมื่อเราเริ่มต้นทำสิ่งเหล่านี้ แม้จะรู้สึกลังเลหรือกลัวในตอนแรก แต่เมื่อเราก้าวข้ามแรงต้านเริ่มต้นไปได้ เราจะพบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด และบ่อยครั้งเรามักจะสนุกกับมันมากกว่าที่คาดไว้
3. จัดลำดับความสำคัญและจัดการเวลาของคุณ
“ผมไม่มีเวลา” เป็นข้ออ้างที่เราได้ยินบ่อยครั้ง แต่ความจริงแล้ว เวลาเป็นเรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ หากเราต้องการบรรลุเป้าหมายของเราจริงๆ เราต้องทำให้มันเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกและยอมเสียสละกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจไม่สำคัญเท่า
2
การเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ (to-do lists) เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการจัดลำดับความสำคัญและจัดการเวลาของเราตลอดทั้งวัน การทำรายการสิ่งที่ต้องทำทุกเช้า โดยนั่งลงและเขียนงานที่สำคัญที่สุดที่เราต้องการทำให้เสร็จในวันนั้น จะช่วยให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและมีแนวทางในการทำงานตลอดทั้งวัน
1
เมื่อทำรายการสิ่งที่ต้องทำ ควรพยายามแบ่งงานออกเป็นขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมและสามารถทำได้จริง ซึ่งนำไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า ตัวอย่างเช่น แทนที่จะเขียนว่า “เขียนรายงาน” ควรเขียนว่า “เขียนบทนำของรายงานให้เสร็จ” หรือแทนที่จะเขียนว่า “สมัครงาน” ควรเขียนว่า “ส่งใบสมัครงาน 3 ตำแหน่ง”
1
การสร้างรายการสิ่งที่ต้องทำที่เป็นรูปธรรมซึ่งเราสามารถทำให้สำเร็จและขีดฆ่าออกได้จริง จะช่วยให้เรารู้สึกถึงความสำเร็จและได้รับแรงกระตุ้นของแรงจูงใจที่จะทำต่อไป
1
นอกจากรายการสิ่งที่ต้องทำแล้ว การกำหนดช่วงเวลาเฉพาะสำหรับงานต่างๆ ในปฏิทินก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการจัดการเวลา เราอาจแบ่งปฏิทินออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น งาน ส่วนตัว และวันหยุด เพื่อให้เห็นภาพรวมของกิจกรรมและความรับผิดชอบทั้งหมดของเรา
การกำหนดเวลาเฉพาะสำหรับการนัดหมาย การโทรศัพท์ หรือการประชุมที่ต้องเกิดขึ้นในเวลาใดเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ จะช่วยให้เราวางแผนการใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1
สำหรับงานที่ต้องใช้เวลานานขึ้น เช่น การเขียนรายงานหรือการทำโครงการ เราอาจกำหนดช่วงเวลาเป็นวันหรือครึ่งวันเพื่อให้มีภาพรวมว่าเราต้องการใช้เวลาเท่าไหร่กับงานนั้นๆ
การตั้งกำหนดเวลาสำหรับโครงการส่วนตัวหรืองานที่ไม่มีกำหนดส่งที่แน่นอน ก็เป็นวิธีที่ช่วยผลักดันความมุ่งมั่นและแรงจูงใจของเราให้ทำงานสำเร็จได้ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังไม่ให้ตั้งกำหนดเวลาที่ไม่สมจริงจนทำให้เกิดความเครียดเกินไป
การผสมผสานระหว่างรายการสิ่งที่ต้องทำรายวันและปฏิทินโดยรวมเพื่อจัดการช่วงเวลาทำงาน จะช่วยให้เรามีโครงสร้างและแนวทางในการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยเสริมการเริ่มต้นลงมือทำ เพราะเรารู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรเริ่มและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละวัน
3
4. โฟกัสในสิ่งที่คุณควบคุมได้
แนวคิดนี้เป็นหนึ่งในหลักการสำคัญที่สุดเมื่อพูดถึงการสร้างวินัยในตนเองและการใช้ชีวิตที่มีความสุขโดยรวม ทุกคนมีสิ่งที่เรียกว่า “locus of control” ซึ่งหมายถึง “มุมมองต่อปัจจัยรอบตัวเรา ว่าเราสามารถควบคุมมันได้หรือไม่ เราสามารถกำหนดสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ หรือสิ่งต่างๆ มันเกิดขึ้นเองรอบตัวเรา “
ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ External Locus of Control ผู้ที่เชื่อว่า สิ่งต่างๆ รอบตัว มันมาเกิดขึ้นกับตัวเราเอง เราควบคุมอะไรมันไม่ได้ และในทางตรงกันข้าม Internal Locus of Control ผู้ที่เชื่อว่า ตัวเราสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับเราได้
2
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราได้รับผลการสอบที่ไม่ดีถ้ามองแบบ External Locus of Control เราอาจจะโทษว่า “ครูไม่ชอบฉัน” หรือ “ข้อสอบยากเกินไป” ในขณะที่คนที่คิดแบบ Internal Locus of Control อาจจะคิดว่า “บางทีฉันอาจจะไม่ได้อ่านหนังสือมากพอ คราวหน้าฉันควรจะพยายามมากกว่านี้”
เมื่อพูดถึงวินัยในตนเอง การมี Internal Locus of Control เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ 90% ของข้ออ้างที่เราคิดขึ้นมาเมื่อรู้สึกไม่มีแรงจูงใจจะหายไป เนื่องจากเราตระหนักว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับเราเอง ไม่ใช่ปัจจัยภายนอก
1
เมื่อเราเผชิญกับอุปสรรคหรือปัญหา แทนที่จะโทษสิ่งรอบตัวหรือยอมแพ้ เราควรถามตัวเองว่า “เราสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเกียวกับมันได้ไหม?” ถ้าคำตอบคือใช่ ก็ควรหาทางแก้ปัญหา และถ้าคำตอบคือไม่ ก็ควรหยุดใช้ความสนใจและพลังงานทั้งหมดไปกับสิ่งนั้น และปล่อยมันไป เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะกังวลกับสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้
3
ยิ่ง Internal Locus of Control ของเรามีมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งหาทางแก้ปัญหาที่เราเผชิญได้มากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากเรามีความฝันอยากเริ่มทำช่อง YouTube แต่รู้สึกว่าไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีกล้องหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสม คนที่มี Internal Locus of Control จะมองหาทางแก้ปัญหา พวกเขาจะเก็บเงิน หางานพิเศษ หรือหาทางเช่าอุปกรณ์ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นทำตามความฝันได้ แทนที่จะยอมแพ้เพราะข้อจำกัดภายนอก
แนวคิดนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกด้านในชีวิต และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ ทันทีที่เราเป็นอิสระจากการยึดติดกับปัจจัยภายนอกและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เราควบคุมได้ เราจะพบว่าตัวเองสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นและมีวินัยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
1
บทสรุป
การสร้างวินัยในตนเองเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝนและความพยายามอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะวินัยในตนเองไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเอง ความภาคภูมิใจ และความพึงพอใจในชีวิตโดยรวมด้วย
นอกจากนี้ การมีความหลงใหลในงานที่ทำก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งในการรักษาแรงจูงใจและทำงานให้สำเร็จ เมื่อเรารักในสิ่งที่ทำ การลงมือทำก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม การค้นหาความหลงใหลของตัวเองก็เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและการสำรวจตัวเองอย่างลึกซึ้ง
3
ในท้ายที่สุด การสร้างวินัยในตนเองเป็นการเดินทางที่ไม่มีจุดสิ้นสุด เราต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการใช้เทคนิคที่เหมาะสม เราสามารถพัฒนาทักษะนี้และใช้มันเป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายและความฝันของเราได้
การเริ่มต้นอาจจะยาก แต่เมื่อเราก้าวข้ามความลังเลและแรงต้านเริ่มต้นไปได้ เราจะพบว่าการมีวินัยในตนเองนั้นให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความสำเร็จในอาชีพการงาน การพัฒนาตนเอง หรือการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้น จงเริ่มต้นวันนี้ ลงมือทำ และก้าวไปสู่เป้าหมายของคุณด้วยวินัยในตนเองที่แข็งแกร่ง
การสร้างวินัยในตนเองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เราสามารถพัฒนาทักษะนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะกำลังพยายามบรรลุเป้าหมายใดก็ตาม จงจำไว้ว่าทุกก้าวเล็กๆ ที่คุณทำในวันนี้ จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
3
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา