6 ก.ย. 2024 เวลา 11:11 • การศึกษา

ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ??

อันที่จริงแล้ว การที่จะอธิบายทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไปได้ จะต้องกล่าวถึงการให้ผลของกรรม แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
  • 1.
    การให้ผลชั้นใน เป็นการให้ผลทางใจ เมื่อกระทำแล้วย่อมที่จะได้รับผลที่เกิดขึ้นทางใจทันที หากกระทำไปมาก ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย
  • 2.
    การให้ผลชั้นนอก ให้ผลเป็นโลกธรรม ๘ ได้แก่ ได้ลาภ-เสื่อมลาภ ได้ยศ-เสื่อมยศ นินทา-สรรเสริญ สุข-ทุกข์
การให้ผลชั้นใน ยกตัวอย่างที่ปรากฏในอรรถกถาชาดก หลังจากที่พระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดาของพระองค์ตามคำของพระเทวทัตแล้ว พระองค์ได้ยินว่า พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบใกล้ประตูพระเชตวัน จึงเกิดความกลัว ไม่สบายพระทัย แม้จะบรรทมนอนก็สะดุ้งกลัว นิมิตเห็นนายนิรยบาลผลักให้ตกไปที่แผ่นดินเหล็กหนา ๙ โยชน์ แล้วทิ่มแทงด้วยหลาวเหล็กและมีอาการเหมือนว่า ถูกสุนัขแทะกินเนื้ออยู่
การให้ผลชั้นในนี้ มีข้อสังเกต ดังนี้
  • ๑) ทำเมื่อใด ได้ผลเมื่อนั้น ๒) ทำที่ใด ได้ผลที่นั้น ๓) บุคคลทำดี ทำชั่ว ย่อมให้ผลแก่ตนเอง ๔) ไม่ขึ้นต่อองค์ประกอบคือ เวลา (กาล) สถานที่ (คติ) ร่างกายอันรวมไปถึงบุคลิกภาพ (อุปธิ) และการกระทำอย่างต่อเนื่อง (ปโยค)
การให้ผลชั้นนอกนี้ จะไปสัมพันธ์กับองค์ประกอบคือ เวลา (กาล) สถานที่ (คติ) ร่างกายอันรวมไปถึงบุคลิกภาพ (อุปธิ) และการกระทำอย่างต่อเนื่อง (ปโยค) หากองค์ประกอบทั้ง ๔ ส่งเสริมกัน ดำเนินไปในทางที่ดีก็เป็นสมบัติ แต่หากองค์ประกอบไม่ส่งเสริมกัน มีข้อบกพร่องก็เป็นวิบัติ ดังพระพุทธพจน์ว่า
บาปบางอย่างอันคติสมบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี อุปธิสมบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี กาลสมบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี ปโยคสมบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี อาศัยคติวิบัติจึงให้ผลก็มี อาศัยอุปธิวิบัติจึงให้ผลก็มี อาศัยกาลวิบัติจึงให้ผลก็มี อาศัยปโยควิบัติจึงให้ผลก็มี
พระอภิธรรมปิฎก ภาษาไทยเล่มที่ ๓๕ วิภังคปกรณ์ ญาณวิภังค์ ทสกนิทเทส
บาปบางอย่างอันอุปธิสมบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผล ในอรรถกถาชื่อมโนรถปูรณีได้แสดงตัวอย่างไว้ว่า คนที่เกิดเป็นทาส กรรมกร แต่เป็นผู้มีอุปธิสมบัติคือ รูปงาม เมื่อเจ้านายเห็นก็เกิดความเอ็นดู จึงนำไปเลี้ยง มอบทรัพย์สมบัติให้ และบาปบางอย่างอาศัยอุปธิวิบัติจึงให้ผล คนที่เกิดเป็นทาส กรรมกร เป็นผู้มีผิวพรรณไม่งดงาม รูปร่างไม่สง่างาม ก็จะถูกให้เลี้ยงช้าง ม้า โค หาหญ้าหาฟืน เทกระโถน
บุญบางอย่างอันคติวิบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี อุปธิวิบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี กาลวิบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี ปโยควิบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี บุญบางอย่างอาศัยคติสมบัติจึงให้ผลก็มี อาศัยอุปธิสมบัติจึงให้ผลก็มี อาศัยกาลสมบัติจึงให้ผลก็มี อาศัยปโยคสมบัติจึงให้ผลก็มี
พระอภิธรรมปิฎก ภาษาไทยเล่มที่ ๓๕ วิภังคปกรณ์ ญาณวิภังค์ ทสกนิทเทส
บุญบางอย่างอันกาลวิบัติห้ามไว้จึงไม่ให้ผลก็มี ในอรรถกถาชื่อมโนรถปูรณีได้แสดงตัวอย่างไว้ว่า ผู้ใดเกิดในเวลาข้าวยากหมากแพง ในเวลาที่ตระกูลสิ้นสมบัติแล้ว กรรมดีก็ไม่ให้ผล และบุญบางอย่างอาศัยกาลสมบัติจึงให้ผล ผู้ใดเกิดในเวลาข้าวน้ำหาได้ง่าย กรรมดีย่อมให้ผล
การให้ผลชั้นนอกนี้ จึงมีข้อสังเกต ดังนี้
  • ทำแล้ว ไม่แน่ว่า จะได้ผลเมื่อใด
  • ทำแล้ว ไม่แน่ว่า จะได้ผลที่ใด
  • ผู้ทำดี ทำชั่ว ให้ผลแก่ตนเองไม่ได้
  • ขึ้นต่อองค์ประกอบ ดังนี้ เวลา (กาล) สถานที่ (คติ) ร่างกายอันรวมไปถึงบุคลิกภาพ (อุปธิ) และการกระทำอย่างต่อเนื่อง (ปโยค)
ฉะนั้น จึงต้องพิจารณาทั้ง ๒ ชั้นให้ถี่ถ้วน คำพูดที่ว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป มุ่งเป้าไปยังเรื่องของโลกธรรม ๘ การให้ผลเช่นนี้ได้ จะต้องอาศัยองค์ประกอบทั้ง ๔ จึงจะให้ผลได้ เป็นผลโดยอ้อม และกว่าจะให้ผลได้ก็ช้า ใช้เวลานาน
ส่วนคำพูดที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ผู้เขียนมองว่า เป็นคำพูดที่ชี้ให้เห็นถึงผลของความดี ความชั่วที่ส่งผลต่อจิตใจโดยตรงคือ การให้ผลชั้นใน เหมือนกับการปลูกต้นมะม่วง ผลโดยตรงที่ได้จากต้นมะม่วงก็คือ ผลมะม่วง ส่วนรวยหรือไม่รวยจากการปลูกต้นมะม่วง เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องไปดำเนินการต่อไป
มันจึงอยู่ที่ว่า คุณจะเลือกมองแบบใด ถ้ามองการให้ผลชั้นนอก โอกาสที่จะทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำชั่วแต่ก็ยังได้ดีก็ย่อมมี แต่ถ้ามองการให้ผลชั้นใน บุคคลทำดีก็ตาม ทำชั่วก็ตาม เขาย่อมที่จะได้รับผลนั้นทันที ดังข้อความว่า
คนทำกรรมใดไว้ย่อมเห็นกรรมนั้นในตน คนทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี
คนทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว คนหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
พระสุตตันตปิฎก ภาษาไทยเล่มที่ ๒๗ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ปัญจกนิบาต   เวนสาขชาดก
สำหรับผม ไม่ว่าจะทำดี ทำชั่ว ผลนั้นย่อมมาถึงแก่เขา ณ ตอนนี้ เขาอาจยังไม่ได้รับผลแห่งการทำชั่ว แต่ในภายภาคหน้า เขาก็ต้องได้รับผลของกรรมชั่วนั้นแน่นอน ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
ตราบใดที่บาปยังไม่ให้ผล ตราบนั้น คนชั่วจะเห็นบาปว่าดี แต่เมื่อใด บาปให้ผล เมื่อนั้น คนชั่วจะเห็นบาปว่าชั่วแท้ ตราบใดที่กรรมดียังไม่ให้ผล ตราบนั้น คนดีจะเห็นกรรมดีว่าชั่ว แต่เมื่อใด กรรมดีให้ผล เมื่อนั้นคนดีจะเห็นกรรมดีว่าดีแท้
พระสุตตันตปิฎก ภาษาไทยเล่มที่ ๒๕ ธรรมบท ปาปวรรค อนาถปิณฑิกเสฏฐิวัตถุ
เอกสารอ้างอิง
บรรจบ บรรณรุจิ. กรรม ปริศนาแห่งสังสารวัฏ. กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนจำกัด ประยูรสาส์นไทย จำกัด, ๒๕๖๔.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต). เชื่อกรรม-รู้กรรม-แก้กรรม. พิมพ์ครั้งที่ ๔๖. กรุงเทพมหานคร: บริษัทขุมทองอุตสาหกรรมและการพิมพ์ จำกัด, ๒๕๕๙.
พระสมุห์ปิยะวัฒน์ ตสทฺโธ (ศิริสอน). “การศึกษาสมบัติและวิบัติที่ปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนา”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๖.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๙.
_______ อรรถถกถาภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๕.
วศิน อินทสระ. อธิบายมิลินทปัญหา. พิมพ์ครั้งที่ ๕. สมุทรสาคร: โรงพิมพ์พิมพ์ดี, ๒๕๖๔.
โฆษณา