20 ก.ค. เวลา 14:00 • สุขภาพ
ไทย

เหตุใดปัจจุบันผู้คนจำนวนมากจึงติดซิฟิลิส(อีกครั้ง)...

จากการตรวจสอบ เคยมีประวัติการทดลองซิฟิลิสของรัฐบาลสหรัฐฯ กับคนผิวดำ มาก่อนต่อมา ณ ตอนนี้ ซิฟิลิสกลับสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยเพนิซิลิน(Penicillin)
และมุกเก่าๆของโรคเอดส์ก็ยังคงความน่ากลัวมากกว่าซิฟิลิส (Syphilis)ซึ่งโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้
1
อย่างไรก็ตาม พวกเขาและเธอก็จะยังคงติดเชื้อซิฟิลิสไปตลอดชีวิต และบุคคากรทางการแพทย์ก็กลัวโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่จะตามมาในคนไข้มากที่สุด
และปกติแล้ว ซิฟิลิสเป็นโรคที่มีมาแต่โบราณและในที่ห่างไกล มันไม่เคยได้รับการรักษาด้วยความระมัดระวังและเอาใจใส่มากเท่าหูดเลยจริงๆ
เอาล่ะๆๆๆๆ คุณอาจไม่รู้มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ซิฟิลิสได้เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะในสหรัฐอเมริกา,ญี่ปุ่นหรือแม้แต่ประเทศไทย
และบางทีสำหรับประเทศไทยเราแล้ว.....มันอาจจะอยู่ข้างๆคุณ
1
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) รายงานว่าผู้ป่วยโรคซิฟิลิสถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493
ในปี 2565 มีผู้ป่วยซิฟิลิสมากกว่า 203,500 รายในสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 80% จาก 4 ปีที่แล้ว
และจากข้อมูลของ WTO ในปี 2565 จำนวนผู้ป่วยโรคซิฟิลิสในสหราชอาณาจักรพุ่งถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2491
เมื่อเทียบกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องของออสเตรเลียในปี 2563 เทียบกับบันทึกในปี 2558 อุบัติการณ์ของโรคซิฟิลิสกลับเพิ่มขึ้นเกือบ 90%
มาที่จำนวนผู้ป่วยซิฟิลิสในญี่ปุ่น ทั้งหมดในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 15,000 ราย เพิ่มขึ้น 12 เท่าจากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
และเป็นมูลค่าสูงสุดที่เคยบันทึกไว้ตามวิธีการทางสถิติในปัจจุบัน
สำหรับประเทศไทย จำนวนผู้ป่วยซิฟิลิส(ข้อมูล1 มค.-30พค. 2568) ทั้งหมดในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 12,862 ราย
ซึ่งในในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 27,583 ราย และคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อซิฟิลิสอาจเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต
ที่น่าชื่นชม คือ ในช่วงต้นปี 2559 ญี่ปุ่นได้ดำเนินมาตรการต่อต้านเรื่องนี้ออกมาแล้ว
ในปี 2559 มีผู้ป่วยซิฟิลิสในญี่ปุ่นทั้งหมด 4,077 ราย ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ป่วย 827 รายในปี 2554 ถึง 5 เท่า!
เพื่อตอบสนองต่ออุบัติการณ์ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้น
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้เปิดตัวการรณรงค์ต่อต้านการแพร่ระบาดและการรณรงค์ทางวัฒนธรรม
1
ในช่วงนั้น...มาตรการสำคัญอย่างหนึ่งคือกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นลงนามในสัญญากับหญิงชาวญี่ปุ่น ที่ชื่อ...
นาโอโกะ ทาเคอุจิ นักวาดการ์ตูนแนว โชโจะ ผลงานที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงมากที่สุดคือ มังงะ เรื่อง เซเลอร์มูน(Sailor Moon) นั่นเองครับ...
1
ทั้งหมด....เพื่อส่งเซเลอร์มูนกำจัดซิฟิลิส! ไร้เว้........???
1
“ถ้าไม่เข้ารับการตรวจ(ทดสอบ)เจ้าจะถูกลงโทษ!”
1
“ทำลายคุณในนามพระจันทร์!” นี่คือสโลแกนที่พิมพ์อยู่บนใบปลิว (เอาเข้าไปนั่น)
กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นหวังว่าจะใช้อิทธิพลของ Sailor Moon เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในระดับชาติ
1
ขจัดตราบาปของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และส่งเสริมให้หญิงสาวใส่ใจกับการป้องกัน จนแนวคิดนี้เป็นนามธรรมและสมจริง
ในแผนปฏิบัติการนี้ สำนักงานปกครองส่วนท้องถิ่นได้แจกจ่ายถุงยางอนามัยตามธีมรวมทั้งสิ้น 56,000 ห่อ โปสเตอร์ 5,000 แผ่น และใบปลิว 156,000 แผ่น
ตามที่ชาวเน็ตหลายคนได้ใช้เป็นคอลเลกชัน หรืออุปกรณ์ป้องกัน(โดยอาจไม่ได้ใช้จริง) และตกแต่ง(ร้าน)
แต่ความเป็นจริงแผนปฏิบัติการนี้ เมื่อมองย้อนกลับไปข้อมูลผู้ป่วย 15,000 รายที่ผ่าม(เพิ่ม)เข้ามาในปี 2566 สรุปว่าการดำเนินการนี้แทบไม่มีผลใดๆเลย...ฮาาาาา
ในปี 2566 เฉพาะในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพียงแห่งเดียวจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซิฟิลิสกลับสูงถึง 3,677 ราย
ทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อซิฟิลิสมากที่สุดในญี่ปุ่น
สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติ (The National Institute of Infectious Diseases(NIID)) จึงต้องเร่งติดตามจำนวนผู้ป่วยในญี่ปุ่นในปี 2559 อย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ตรงกันข้ามกับการรับรู้ทั่วไปของเราเกี่ยวกับโรคในพื้นที่ที่ล้าหลังโดยสิ้นเชิง
เมื่อพบว่าเมืองที่พัฒนาแล้วเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดสำหรับการติดเชื้อซิฟิลิส
1
เมื่อถอดรหัส ...จริงๆแล้ว ความแปลกประหลาดและความบังเอิญนี้ที่ได้รับการส่งเสริมโดยแอปหาคู่
ที่ได้แพร่กระจายไปในเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่ซับซ้อน
และมันได้เขียนระบบนิเวศน์การระบาดขึ้นมาใหม่
1
ดังนั้นเป็นต้นมา...นักวิจัยชาวญี่ปุ่นจึงมุ่งประเด็นความสนใจไปที่ความเชื่อมโยงระหว่างแอปหาคู่กับซิฟิลิส
พวกเขาสรุปว่าแอปหาคู่ทางอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่มากมายมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่เป็นทางการและไม่มีการป้องกัน
1
จากการศึกษา พบว่าในฐานะเด็กผู้หญิงในร้านแต่งรถญี่ปุ่น เธอบอกว่าตอนนี้มีลูกค้าขอมีอะไรกันกับเธอโดยไม่ใช้ร่ม(ถุงยางอนามัย)มากขึ้นเรื่อยๆ
1
และเพื่อนๆ น้องๆของเธอก็ตอบเป็นอย่างเอกฉันท์ว่าเมื่อก่อนพวกเธอไม่ได้บริการแบบตรงไปตรงมา(เพื่อเงิน)ขนาดนี้
และหากคุณติดเชื้อ เป็นการยากที่จะปฏิเสธ คุณก็ทำได้แต่โทษโชคร้ายของคุณเองเท่านั้น
เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงปลายศตวรรษที่ผ่านมา วงการแพทย์เชื่อว่าโรคซิฟิลิสกำลังจะหมดไป
นั่นเป็นยุคที่โรคเอดส์(HIV)ถือเป็นโรค(ระยะ)สุดท้าย
จนการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดทั่วโลก
และมีการใช้มาตรการคุ้มครองสาธารณะเพื่อให้สามารถควบคุมโรคซิฟิลิสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปัจจุบัน HIV สามารถรักษา(บรรเทา)ได้ด้วยยาและจัดอยู่ในกลุ่มโรคเรื้อรังที่ควบคุมได้
ประกอบกับแนวคิดเรื่องเพศสัมพันธ์ที่เปิดกว้างรอบใหม่ที่ได้รับการส่งเสริมในยุคอินเทอร์เน็ต
ทำให้ โรคซิฟิลิส ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้และกลายเป็นตัวเอกและเขาก็อยู่นอกเหนือการควบคุม
1
เป็นที่น่าสังเกตว่ากรณีการแพร่เชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกในประเทศต่างๆรวมทั้งไทยเราก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
3
ในปี 2565 มีกรณีการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูก 3,755 ราย ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ป่วยในปี 2561 ถึง 2 เท่า
อเมริกา ก็ใช่ย่อย..ในปี 2564 มีกรณีการแพร่เชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกก็มากถึง 30,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนหนึ่งเรียกว่า “สูงอย่างไม่อาจยอมรับได้”
กลับมาที่ญี่ปุ่น..จากการสำรวจของสมาคมสูตินรีแพทย์และนรีแพทย์แห่งญี่ปุ่น ภายในปี 2565 หญิงตั้งครรภ์ 1 ใน 200 รายจะติดเชื้อซิฟิลิส
ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในรอบ 6 ปี
แน่นอน....อัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในสตรีเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้จำนวนการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกเพิ่มขึ้น
หากกลับไปเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว หนึ่งในสามของผู้ป่วยโรคซิฟิลิสในญี่ปุ่นแพร่เชื้อจากผู้ชายสู่ผู้ชาย
ต่อมาในช่วง 8 ปีนับตั้งแต่ปี 2556 จำนวนผู้ชายที่ติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ต่างเพศเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เท่า และในกลุ่มผู้หญิงก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นประมาณ 16 เท่า ในปี 2557
และก่อนหน้านั้น ผู้ป่วยซิฟิลิสมากกว่า 90% ในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายเช่นกัน
แต่สถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปในปี 2558 โดยอุบัติการณ์ของโรคซิฟิลิสในผู้ใหญ่ต่างเพศเริ่มเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะในผู้หญิง ในปี 2564 ผู้หญิงคิดเป็นประมาณ1/4 ของผู้ป่วยซิฟิลิสรายใหม่
1
ทั้งหมดโดยเริ่มต้นจากการแพร่เชื้อจากชายสู่ชาย จากนั้นอัตราการเกิดก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเพศหญิง ซึ่งสัมพันธ์กับความแตกต่างทางสรีรวิทยาระหว่างชายและหญิง
เนื่องจากโครงสร้างทางสรีรวิทยาที่แตกต่างกันของชายและหญิง แบคทีเรียและไวรัสจึงมีแนวโน้มที่จะบุกรุกและเติบโตภายในช่องคลอดและมดลูก
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาย้อนหลัง
ด้วยความ “ไม่สะอาด” มันเป็นตราบาปของผู้หญิงเสมอ เนื่องจากผู้หญิงไม่สามารถสังเกตได้ว่าตนมีรอยโรคหรือไม่
1
จึงควรส่งเสริมให้ผู้ที่เสี่ยงให้ความสำคัญกับการตรวจทางนรีเวชในระหว่างการตรวจร่างกายมากขึ้น
ซึ่งผู้ชายมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับการตรวจคัดกรองเป็นประจำ และไวรัสหลายชนิดจะพบเห็นได้น้อยกว่าในร่างกายของผู้ชายในระยะแรกๆ
ดังนั้นซิฟิลิสจึงทำให้เส้นทางการแพร่เชื้อโดยรวมจากผู้ชายสู่ผู้หญิงและต่อไปยังทารกได้สำเร็จอย่างเสร็จสมบูรณ์
1
ด้วย ซิฟิลิสไม่มีวัคซีนเหมือนกับ HPV แต่สามารถกำจัดได้ด้วยเพนิซิลินในระยะแรก
1
และบางคนเชื่อว่าการดื้อยาที่เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปทำให้โรคซิฟิลิสไม่สามารถหยุดยั้งได้
แต่ข้อความในบรรทัดข้างบนนี้ไม่ครอบคลุมทั้งหมดนะครับ
Penicillin มีผลเฉพาะในระยะแรกของการติดเชื้อเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ซิฟิลิสในระยะเริ่มแรกเราจะตรวจพบได้ยาก และแม้แต่แผลในช่องคลอด หรือตามที่ต่างๆก็ไม่เจ็บปวด
1
ทำให้ผู้ติดเชื้อจำนวนมากไม่ได้รับการตรวจคัดกรอง และแม้แต่ยาก็ไม่มีประโยชน์
ซิฟิลิสเจ้าเล่ห์และมีผลกระทบร้ายแรง หากซิฟิลิสลุกลามไปสู่ระยะต่อไป ผู้ป่วย 40% จะเกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรง
รวมถึงปัญหาทางระบบประสาท ปัญหาหลอดเลือดและหัวใจ และเกิดก้อนและแผลริมแข็ง (Chancre)อักเสบไปทั่วร่างกาย
ท้ายที่สุดแล้ว 10% ของผู้ที่เป็นซิฟิลิสที่ไม่ได้รับการรักษาจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อ
ผมจึงอยากแนะนำให้คู่รักจัดเตรียมรายงานการตรวจสุขภาพ(ปัจจุบัน)ให้กันและกันก่อนทำกิจกรรมอย่างใกล้ชิด
จะเป็นการดีกว่าไหมล่ะครับ ที่จะรักษาตัวเองให้ปลอดภัยและใช้ทั้งมือและสมองเพื่อป้องกันไม่ให้ซิฟิลิสเจ้าเล่ห์ในตัวคุณเอาเปรียบเธอ
1
โฆษณา