หรือเพลง "Moon Hymn" ที่มีสองจังหวะที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งสื่อถึงเพลง “Slipping Into Darkness” ของ War ด้วยเสียงที่ลึกลับและน่าค้นหา
เพลงปิดท้ายอัลบั้มอย่าง "Say What" ที่ได้ Eric Gale เล่นกีตาร์ให้ ถูกนำเสนอผ่านการผสมผสานระหว่าง Jazz กับ Funk ได้อย่างลงตัว เสริมด้วยเสียงกลองของ Muhammad ที่มีเอกลักษณ์ ด้วยการสร้างจังหวะที่ชัดเจนและคงความสนุกสนานไว้ตลอด
สมาชิกวง Keystone Trio ที่ Muhammad เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งขึ้น ปี 1995
และสุดท้าย "Could Heaven Ever Be Like This" เพลงหลักของอัลบั้มที่ Muhammad รังสรรค์การผสมผสานที่น่าหลงใหลระหว่าง Jazz-Funk, Soul และ Disco ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ให้ความรู้สึกเหนือกาลเวลา ราวกับว่าเพลงนี้พาเราไปยังโลกแห่งจังหวะและเมโลดี้ที่สอดประสานกันด้วยความรู้สึกลึกซึ้งสุดพรรณนา
เสียงร้องของเพลงนี้ แม้จะเบาบางและทำให้เกิดความเห็นต่างในหมู่ผู้ฟัง แต่ก็เพิ่มความรู้สึกโหยหาและขับเน้นคำถามในชื่อเพลง “Could heaven ever be like this?” ซึ่งเหมือนดังก้องมาจากสถานที่ไกลโพ้น แม้สไตล์การร้องอาจดูเรียบง่าย แต่ก็เสริมให้เพลงดูมีมนต์เสน่ห์ ราวกับโลกแห่งความฝันและกลมกลืนไปกับท่วงทำนองโดยไม่เด่นจนเกินไป
แต่สิ่งที่ทำให้เพลงนี้พิเศษอย่างแท้จริงคือความสามารถในการข้ามขอบเขตของแนวเพลง ผสมผสานการด้นสดของ Jazz เข้ากับจังหวะที่ลึกซึ้งของ Funk และ Disco กลองของ Muhammad แม้จะไม่มีช่วงโซโล่ แต่ก็เป็นจังหวะและหัวใจของเพลงทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของมือกลองแจ๊สในตำนานอย่างเขา ผู้นิยามเพลงนี้ได้ดีที่สุด
Idris Muhammad
“Could Heaven Ever Be Like This” จึงไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นการเดินทางที่เลือนรางเส้นแบ่งระหว่างสวรรค์กับโลก และพาผู้ที่รับฟังเข้าสู่จังหวะของเพลง บันดาลความสงบและความมหัศจรรย์ใจที่ยากจะอธิบาย