7 พ.ย. เวลา 01:03 • ดนตรี เพลง

การเดินทางที่เลือนรางเส้นแบ่งสวรรค์กับโลก: Could Heaven Ever Be Like This

Turn This Mutha Out ปี 1977 เป็นการรวมตัวกันของ Idris Muhammad กับนักดนตรีระดับมืออาชีพ ประกอบด้วย Hiram Bullock (กีตาร์), Cliff Carter (คีย์บอร์ด), Wilber Bascomb (เบส), และ Jeremy Steig (ขลุ่ย) เพื่อก้าวเข้าสู่แนวเพลง Pop และ R&B อย่างกล้าหาญ ทำให้แฟนเพลงแจ๊สตัวจริงบางคนรู้สึกไม่พอใจ เพราะพวกเขาหันเหไปจากแนวเพลงเดิมที่คุ้นเคย ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะท้าทายความคาดหวังของเหล่าแฟนเพลง แต่ก็เป็นโอกาสให้ Muhammad ได้นำเสนอสไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น
เพลงอย่าง "Camby Bolongo" ประพันธ์มาเพื่อแฟนเพลงที่ชื่นชอบจังหวะที่ซับซ้อน นำเสนอความน่าตื่นตาตื่นใจน่าฟัง โดยมีจังหวะแรงบันดาลใจจากดนตรีแอฟริกา ที่เสริมด้วยเครื่องเคาะจังหวะของ Sue Evans และเสียงทรัมเป็ตอันร้อนแรงของ Randy Brecker คล้อยด้วยเสียงขลุ่ยอันชวนลึกลับของ Steig ซึ่งสร้างบรรยากาศที่ทั้งดึงดูดและดูเป็นเอกลักษณ์ในแบบของตนเอง
ส่วนเพลง "Turn This Mutha Out" นั้นแสดงถึงพรสวรรค์ของ Muhammad ได้อย่างเต็มที่ โดยเสริมด้วยเสียงเบสของ Bascomb และกีตาร์ที่มีเสน่ห์ของ Bullock เพลงนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ โดยติดชาร์ตเพลง R&B ในสหรัฐอเมริกาและได้รับการเปิดวิทยุในสหราชอาณาจักรอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความนิยมที่กว้างขวางของซิงเกิลนี้
เพลง "Tasty Cakes" เป็นอีกเพลงที่ Muhammad ใช้วงดนตรีชุดเดิม เพื่อเน้นการผสมผสานที่ลงตัวและชัดเจนระหว่างเครื่องดนตรีของนักดนตรีแต่ละคน ทำให้เพลงมีชั้นเชิงและถูกใจแฟนเพลง R&B กับ Funk เป็นพิเศษ
หรือเพลง "Moon Hymn" ที่มีสองจังหวะที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งสื่อถึงเพลง “Slipping Into Darkness” ของ War ด้วยเสียงที่ลึกลับและน่าค้นหา
เพลงปิดท้ายอัลบั้มอย่าง "Say What" ที่ได้ Eric Gale เล่นกีตาร์ให้ ถูกนำเสนอผ่านการผสมผสานระหว่าง Jazz กับ Funk ได้อย่างลงตัว เสริมด้วยเสียงกลองของ Muhammad ที่มีเอกลักษณ์ ด้วยการสร้างจังหวะที่ชัดเจนและคงความสนุกสนานไว้ตลอด
สมาชิกวง Keystone Trio ที่ Muhammad เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งขึ้น ปี 1995
และสุดท้าย "Could Heaven Ever Be Like This" เพลงหลักของอัลบั้มที่ Muhammad รังสรรค์การผสมผสานที่น่าหลงใหลระหว่าง Jazz-Funk, Soul และ Disco ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ให้ความรู้สึกเหนือกาลเวลา ราวกับว่าเพลงนี้พาเราไปยังโลกแห่งจังหวะและเมโลดี้ที่สอดประสานกันด้วยความรู้สึกลึกซึ้งสุดพรรณนา
ทำนองที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดนตรีแอฟริกาทำหน้าที่เป็นแกนหลักของเพลง ขณะที่คีย์บอร์ดของ Carter, เบสของ Bascomb และกีตาร์ของ Bullock สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา เสียงทรัมเป็ตของ Brecker และขลุ่ยของ Steig เสริมความสวยงามให้บทเพลง ราวกับล่องลอยอยู่ในอากาศ
เสียงร้องของเพลงนี้ แม้จะเบาบางและทำให้เกิดความเห็นต่างในหมู่ผู้ฟัง แต่ก็เพิ่มความรู้สึกโหยหาและขับเน้นคำถามในชื่อเพลง “Could heaven ever be like this?” ซึ่งเหมือนดังก้องมาจากสถานที่ไกลโพ้น แม้สไตล์การร้องอาจดูเรียบง่าย แต่ก็เสริมให้เพลงดูมีมนต์เสน่ห์ ราวกับโลกแห่งความฝันและกลมกลืนไปกับท่วงทำนองโดยไม่เด่นจนเกินไป
แต่สิ่งที่ทำให้เพลงนี้พิเศษอย่างแท้จริงคือความสามารถในการข้ามขอบเขตของแนวเพลง ผสมผสานการด้นสดของ Jazz เข้ากับจังหวะที่ลึกซึ้งของ Funk และ Disco กลองของ Muhammad แม้จะไม่มีช่วงโซโล่ แต่ก็เป็นจังหวะและหัวใจของเพลงทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงของมือกลองแจ๊สในตำนานอย่างเขา ผู้นิยามเพลงนี้ได้ดีที่สุด
Idris Muhammad
“Could Heaven Ever Be Like This” จึงไม่ใช่แค่เพลง แต่เป็นการเดินทางที่เลือนรางเส้นแบ่งระหว่างสวรรค์กับโลก และพาผู้ที่รับฟังเข้าสู่จังหวะของเพลง บันดาลความสงบและความมหัศจรรย์ใจที่ยากจะอธิบาย
Cr. AllMusic
---
โฆษณา