แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา (4 เล่มจบ)
เผิงไหลเค่อ เขียน / พวงหยก แปล
โปรยสำนักพิมพ์แจ่มใส :
ผู้คนต่างลือกันว่าแม่ทัพฉางหนิงแห่งที่ราบชิงมู่คือธิดาหมาป่ากลับชาติมาเกิด คืนจันทร์เต็มดวงจะกลายร่าง ความห้าวหาญเกรียงไกรของนางเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วแผ่นดิน บิดาของนางคือแม่ทัพใหญ่ผู้พิทักษ์แดนเหนือเนื่องจากราชสำนักอยากใช้อำนาจทหารทางเหนือ อ๋องผู้สำเร็จราชการซู่เซิ่นฮุยจึงยอมแต่งงานทางการเมือง สู่ขอแม่ทัพฉางหนิงเจียงหานหยวนมาเป็นชายาเอก
ใครๆ ก็นึกว่านางต้องมีสภาพตัวสูงแปดฉื่อ เอวหนาเป็นไห เสียงดังดุจฟ้าผ่า หน้าตาดุดันเหมือนพยัคฆ์ ใครเลยจะรู้ว่าสตรีที่น่าจะดูแข็งกร้าวกลับอ่อนโยนกว่าที่คิด รูปโฉมหรือก็อรชรเฉิดฉัน ความสัมพันธ์ของท่านอ๋องกับพระชายาก็ดูให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผู้คนภายนอกเห็น
ใครเล่าจะรู้ว่าตั้งแต่คืนแรกของการแต่งงาน แม่ทัพฉางหนิงผู้นี้ก็ร้องขอกลับชายแดนไปคุมทัพ คล้ายจะอดรนทนใช้ชีวิตเป็นพระชายาไม่ไหวแม้แต่วันเดียว!
หลังอ่านรวดเดียวจบ :
จบปีมะโรงด้วยหนังสือแปลของนักเขียนคนโปรดของเรา-เผิงไหลเค่อ ผู้ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังแม้แต่เรื่องเดียว ลายเซ็นโครงเรื่องของท่านเผิงแจ่มชัด เหมาะกับนักอ่านสายชื่นชอบเนื้อหาเข้มข้น รบราหน่วงหนัก ความรักต้องผ่านการพิสูจน์ตัวตนและหัวใจ ว่าเขาหรือนางคู่ควรกับการฝากชีวิตอีกฝ่ายหรือไม่
เราชอบบุคลิกพระนางของเผิงไหลเค่อตรงที่มักรับบทบาทโดดเด่น เปิดตัวมาก็บอกกันตรง ๆ เลยว่านี่แหละพระเอก นี่แหละนางเอก ไม่ต้องเดาทาง ไม่ต้องเสียเวลา การเกลี่ยบทของทั้งคู่มักเทให้ฝ่ายชายมากกว่านิดหนึ่ง แต่เรื่องนี้ท่านเผิงยอมให้แม่ทัพหญิงฉางหนิงเฉิดฉายไม่น้อยหน้าท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการซู่เซิ่นฮุยเลย
พระเอกของเรา-อ๋องผู้สำเร็จราชการ อยู่เหนือคนนับหมื่น อยู่ใต้เพียงผู้เดียว เติบโตมาท่ามกลางความรักและเกียรติยศ รูปร่างหน้าตาเป็นเอก อุปนิสัยสุขุมนุ่มลึก ฉลาดเฉลียวเกินใคร รักแผ่นดินเกิด ยินดีสละความรู้สึกส่วนตัวเพื่อบ้านเมืองแว่นแคว้น จึงตั้งใจสู่ขอเจียงหานหยวน-บุตรีแม่ทัพระบือนามแห่งแดนเหนือ เพื่อช่วงชิงแผ่นดินที่เป่ยตี๋ช่วงชิงไปกลับคืนมา
นางเอกของเรา-แม่ทัพฉางหนิง เกิดมาท่ามกลางข่าวลือความอัปมงคล ตั้งแต่มารดาตายจากเพราะโจรกบฏ จำต้องโยนนางซึ่งยังเป็นทารกลงหน้าผาไปตามแต่โชคชะตา ไม่นานคนรอบตัวก็ทยอยตายจาก ความหดหู่ซึมเศร้าแถมบิดาก็เป็นขุนศึก ไม่ค่อยเปิดใจคุยกับบุตรสาว ทำให้นางมีงานอดิเรกคือโดดหน้าผาหินลงน้ำเล่น 5555 วันหนึ่งเผอิญช่วยชีวิตภิกษุคนหนึ่งได้ จึงเลื่อมใสฟังธรรมของเขายามว้าวุ่น
คนหนึ่งปากหนัก เป็นคนดีเกินเหตุ ทุ่มเทชีวิตเพื่อใต้หล้า โดนลอบสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า จะสมรสเพื่ออนาคตก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตกับนางให้ดีแต่แรกจนแก่เฒ่า กับอีกคนหนึ่งมีสารพัดปมรอบตัว คิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ชื่นชอบของใคร ยอมแต่งงานก็ได้เพราะไปแอบส่องคู่ดูตัวมาแล้ว ดันเป็นวันที่เขาเพิ่งบอกเลิกแฟนเก่า แถมพบว่าเขาเป็นรักแรกในวัยสาวน้อย ชอบคิดเองเออเอง เอะอะก็หนีไปโดดผา 555
สองคนต่างขั้วมาแต่งงานกัน แม้จะเริ่มต้นด้วยความเคารพให้เกียรติกัน แต่ความปากหนักทั้งคู่ ถูกเลี้ยงดูมาคนละแบบ คนหนึ่งชีวิตปูด้วยกลีบกุหลาบแม้จะมีมีดดาบโยนมาเป็นระยะ กับอีกคนเจอแต่ความขมไม่คายมาตลอด เห็นเขาราวเทพมาจุติก็คิดไปโน่นว่าตัวเองไม่คู่ควร แค่ภรรยาในนามเท่านั้น คนอึดอัดก็เลยกลายเป็นคนอ่านที่เฝ้าถามตัวเองว่าทำไมเขาไม่คุยกันตรง ๆ นะ!?
แต่ก็นั่นแหละนิยายของเผิงไหลเค่อก็จะต้องประมาณนี้ 555 อยู่กันไปก็ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป มีคนสงสัยว่าทำไมพระเอกสุดหล่อครบเครื่องคนนี้ถึงหลงรักนางเอกได้ เราคิดว่าน่าจะเพราะรอบตัวเขามีแต่สตรีอ่อนหวานนุ่มนวล บอบบาง ตัวซู่เซิ่นฮุยก็เจอแต่คนที่ตัวเองต้องปกป้องคุ้มครอง แต่แม่ทัพฉางหนิงดันเป็นสาวงามที่พึ่งพาตัวเองได้ รบเก่ง วางแผนเก่ง คุยเรื่องผู้หญิง ๆ นางไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าคุยเรื่องแผนการรบ นางจะคล่องแคล่วชำนาญ
ซู่เซิ่นฮุยนั้นเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ โอกาสไปรบแทบไม่มีจึงเดินทางรอบแคว้นเพื่อทำกระบะทรายปักจุดยุทธศาสตร์ วันดีคืนดีก็นั่งวางแผนการรบ คุยกับตัวเองไปเรื่อย ๆ 555 พอนางเอกมาเห็นก็ตื่นเต้นยินดี สองคนคุยกันถูกคอ นี่แหละจุดเริ่มต้นความรักของคู่ปากหนักชอบรบ 555
ถึงจะปากหนักแถมมักเข้าใจไปคนละทาง คู่นี้เขาก็ไม่ใช่สามีภรรยาในนามหรอกนะคะ อิอิ ไปมาก็ลงเอยกันจนได้ ขนาดมีค่ำคืนแสนหวาน วันรุ่งขึ้นยังต่างคนต่างไปได้เลย ไม่ได้งอนกันนะ แต่ไปทำหน้าที่ของตัวเอง คนหนึ่งไปรบ อีกคนไปจัดการเรื่องราชสำนัก 555
เสน่ห์งานเขียนของเผิงไหลเค่ออีกอย่างคือการตีแผ่นิสัยใจคอของมนุษย์ ทุกตัวละครเราจึงเห็นทั้งแง่ดีแง่ร้าย เข้าใจที่มาที่ไปว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นบรรดาไทเฮา ฮ่องเต้น้อย แม่ทัพขุนศึกนายกอง ตัวร้ายฝ่ายเป่ยตี๋ ภิกษุอู่เซิง ทุกคนมีปมเด่นปมด้อย มีวันที่ดูเป็นคนดี มีวันที่คุ้มดีคุ้มร้าย กระทั่งเคยร้ายและกลับตัวกลับใจ
ถามว่าใครดีที่สุดในเรื่อง คงต้องยกให้พระเอกซู่เซิ่นฮุย ดีจนใกล้จะเป็นพระโพธิสัตว์แล้ว บัลลังก์ไม่อยากได้ อำนาจไม่เอาก็ได้ ขอแค่แว่นแคว้นเป็นสุข หลานฮ่องเต้วัยรุ่นของเขาสามารถจัดการราชกิจได้ด้วยตัวเอง เขาก็พร้อมปล่อยมือไปเป็นเพียงขุนนางที่คอยให้คำปรึกษา โอ้โฮ ดีกว่านี้ไม่มีแล้ว แถมดีขนาดให้อภัยนางเอกปากหนัก พูดจาไม่ครบถ้วนสักทีหนแล้วหนเล่า 555
กว่าจะรู้ว่าตัวเองเป็นรักแรกของเธอ ก็ปาเข้าไปเล่ม 5 แล้วอะ 5555
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้สำหรับเราก็ยังอ่านสนุก เพราะไม่ได้มีฉากมือที่สามสี่แต่อย่างใด ทำท่าว่าจะมี แต่แล้วก็เฉไฉไปด้วยเหตุผลที่คู่ควร พระนางหนักแน่นในความรักทั้งคู่ แค่เขาไม่สารภาพต่อกันเท่านั้น หรือบางทีพระเอกก็บอกรักตรง ๆ ไปแล้ว แต่ปมในใจนางเอกแม่ทัพเยอะเหลือเกิน บางทีไม่เชื่อเสียอย่างนั้น แต่ไม่เชื่อก็ไม่ได้งอนนะ แค่ต้องไปรบ ไม่มีเวลามาคิดเยอะเรื่องศึกรัก
สรุป เรื่องนี้เหมาะกับนักอ่านที่ชอบเรื่องรักและรบแบบเข้มข้น เพราะฉากรบมาแบบอันลิมิต 555 บรรยายได้สมจริงสมจังเลือดสาดสยดสยองตามสไตล์เผิงไหลเค่อ เขียนฉากรบเก่งชะมัด ต้องยอมรับนับถือ กลยุทธ์วางแผนการรบของแต่ละฝั่งก็ฉกาจฉกรรจ์ มีฉากรักสลับฟันปลาพอให้เราชื่นใจเป็นระยะ
ตอนพิเศษท้ายเล่มเป็นของบุตรสาวพระนาง น้องซั่นเอ๋อร์เรียกรอยยิ้มให้พี่ป้าน้าอาได้น่าเอ็นดูสุด ๆ ค่ะ
คะแนน 10 ให้ 10 เต็ม ไม่รู้จะหักอะไร โครงเรื่องวางมาอย่างรัดกุม ไม่มีจุดไหนกลวงเปล่าให้ติติง ชื่อเรื่องบอกอยู่แล้วว่ารบเยอะ ดังนั้นไม่ชอบคงไม่หยิบมาอ่าน 555 สำนวนแปลคุณพวงหยกสละสลวยสวยงาม อ่านแล้วลื่นไหลสบายตาสบายใจ พระนางปากหนักก็ไม่เป็นไร เพราะพฤติกรรมที่เขามีต่อกันนั้นช่างละไมละมุน อิอิ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
