19 ก.พ. เวลา 14:00 • สิ่งแวดล้อม

‘ทะเลอารัล’ หายนะทางสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ ทะเลสาบเหือดแห้ง กลายเป็นทะเลทราย เพราะระบบชลประทานผิดพลาด

“ทะเลอารัล” (Aral Sea) ตั้งอยู่ระหว่างอุซเบกิสถานและคาซัคสถาน เคยเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก แต่ปัจจุบันแห้งเหือดจนแทบไม่เหลือน้ำอยู่เลย จากระบบชลประทานที่ผิตพลาดของโซเวียตตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมร้ายแรงในเอเชียกลาง ปัจจุบัน “อุซเบกิสถาน” ต้องหาทางพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง และต่อสู้กับการกลายเป็นทะเลทราย ด้วยการปลูกป่าทดแทน
ในสมัยที่โซเวียตเรืองอำนาจช่วงระหว่างปี 1960-1990 เอเชียกลางกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตฝ้าย พื้นที่ชลประทานเพื่อการเกษตรขยายตัวจาก 28,125,000 ไร่ เป็น 43,750,000 ไร่ ทำให้ความต้องการน้ำเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงจำเป็นต้องผันน้ำจากแม่น้ำซีร์ดาร์ยาและอามูดาร์ยาที่เป็นแหล่งน้ำหลักของทะเลอารัล ไปใช้ทางการเกษตรแทน
ก่อนปี 1960 แม่น้ำอามูดาร์ยาเติมเต็มน้ำ 38.6 ลูกบาศก์กิโลเมตรต่อปี ในขณะที่แม่น้ำซีร์ดาร์ยามอบน้ำสู่ทะเลสาบ 14.5 ลูกบาศก์กิโลเมตร โดยในช่วงปี 1960 ทะเลอารัลมีพื้นที่ 68,000 ตารางกิโลเมตร มีปริมาณน้ำ 1,083 ลูกบาศก์กิโลเมตร มีความยาว 426 กิโลเมตร ความกว้าง 284 กิโลเมตร และจุดที่ลึกที่สุดลึก 68 เมตร
เมื่อมีโครงการชลประทานขนาดใหญ่ทะเลอารัลก็หดตัวลงเรื่อยมา จนในช่วงต้นทศวรรษ 2020 ระดับน้ำลดลง 3 เท่า และปริมาตรลดลง 15 เท่า พื้นผิวของทะเลสาบลดลงเกือบ 9 เท่า เหลือเพียง 8,000 ตารางกิโลเมตร ส่วนปริมาณน้ำลดลงเหลือ 75 ลูกบาศก์กิโลเมตร และความลึกสูงสุดอยู่ที่ 20 เมตร ทะเลสาบยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยความลึกลดลงปีละ 80-110 เซนติเมตร
1
ปริมาณน้ำที่ลดลงทำให้ทะเลสาบแยกออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนึ่งอยู่ในอุซเบกิสถานและอีกส่วนหนึ่งอยู่ในคาซัคสถาน เกาะต่าง ๆ ประมาณ 300 เกาะที่เคยกระจัดกระจายทั่วในทะเลสาบได้รวมเข้ากับผืนแผ่นดินโดยรอบ
เมื่อทะเลอารัลหดลง พื้นที่ที่เดิมกว่า 25 ล้านไร่ก็เปลี่ยนเป็น “ทะเลทรายอารัลคัม” ซึ่งทะเลทรายแห่งล่าสุดของโลก โดยในแต่ละปีเกิด “พายุทราย” ที่พัดเอาฝุ่นที่มีเกลือพัดเข้ามาประมาณ 100 ล้านตันทุกปี ทำให้สภาพแวดล้อมแย่ลง
1
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจSustain #กรุงเทพธุรกิจEnvironment
3
โฆษณา