10 มี.ค. เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
Rimping Supermarket NimCity Branch

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ “Oreo” (โอรีโอ้) คุกกี้ชื่อดังในตำนานมูลค่ากว่าหมื่นล้านจากสหรัฐอเมริกา

“บิด ชิมครีม จุ่มนม” (Twist Lick Dunk) สโลแกนนี้ของโอรีโอ้ยังคงใช้ได้ผลมาเป็นเวลากว่า 100 ปี ด้วยรสชาติที่อร่อย ผสานกับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ปรับตัวไปตามยุคสมัย ทุกวันนี้โอรีโอ้จึงประสบความสำเร็จอย่างมากกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์คุกกี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
.
เรื่องราวของ Oreo เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยบริษัท National Biscuit Company หรือที่รู้จักกันในชื่อแนบิสโก้ (Nabisco) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1898 ในนิวยอร์กซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา
.
เดิมทีบริษัทแห่งนี้ผลิตแครกเกอร์รูปสัตว์ “Barnum's Animals Crackers” ขายในกล่องเล็ก ๆ ที่ออกแบบเหมือนกรงสัตว์ในละครสัตว์ ซึ่งมีเชือกผูกเพื่อให้สามารถนำกล่องไปแขวนไว้บนต้นคริสต์มาสได้ เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1902
.
เมื่อเวลาผ่านไปก็มีบริษัทคู่แข่งเกิดขึ้นชื่อว่า Sunshine Biscuits Company บริษัทแห่งนี้ผลิตคุกกี้สีดำแบบมีสองชิ้นประกบ และสอดไส้ครีมตรงกลางเรียกว่า “Hydrox” (ไฮดรอกซ์) ขึ้นมาจำหน่ายในปี ค.ศ. 1908 ซึ่งขายดีเป็นอย่างมาก
.
Nabisco เห็นท่าไม่ดีจึงเกิดไอเดียในการผลิตคุกกี้แซนด์วิชที่เหนือกว่าขึ้นมา โดยนำแนวคิดจากคู่แข่งมาผลิตคุกกี้สอดไส้ครีมเป็นของตัวเอง เริ่มจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1912 ภายใต้ชื่อ Oreo Biscuit โดยที่มาของชื่อนั้นยังมีข้อมูลไม่ชัดเจน บางข้อมูลก็ว่ามาจากคำภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “ทองคำ” ซึ่งสื่อถึงบรรจุภัณฑ์รุ่นแรกที่เป็นสีทอง
.
บางข้อมูลก็ว่าอาจเป็นการผสมคำโดยนำเอา “re” จากคำว่า “c re am” มาอยู่ตรงกลางระหว่างตัว “o” สองตัวที่มาจากคำว่า “ch o c o late” ให้มีลักษณะประกบกันเหมือนกับคุกกี้จึงได้มาเป็นชื่อ “OREO” แต่อย่างไรก็ตามชื่อก็ถูกเปลี่ยนอยู่หลายครั้ง โดยในครั้งแรกถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Oreo Sandwich” ในปี ค.ศ. 1921 ครั้งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Oreo Crème Sandwich” ในปี ค.ศ. 1948 และในที่สุดชื่อสุดท้ายที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันก็คือ “Oreo Chocolate Sandwich Cookies” ในปี ค.ศ. 1974
.
โอรีโอ้รุ่นแรกถูกขายให้กับร้านขายของชำในเมืองโฮโบเกน รัฐนิวเจอร์ซีย์ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ปี ค.ศ. 1912 โดยมีแพ็กเกจจิ้งเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่สีทอง คล้ายกับกล่องขนมปี๊บบ้านเรา โดยร้านขายของชำมักจะนำไปขายต่อให้กับผู้บริโภคในรูปแบบของการชั่งกิโลแล้วใส่ถุง
.
ด้วยลักษณะที่คล้ายกับคุกกี้ Hydrox มากเกินไปโอรีโอ้จึงมียอดขายไม่ค่อยดีนัก เพราะขณะนั้นคุกกี้ Hydrox กำลังครองตลาดอยู่ ด้วยเหตุนี้โอรีโอ้จึงต้องหาทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
จากนั้น Samuel J. Porcello (แซม เจ. ปอร์เชลโล) นักวิทยาศาสตร์การอาหารชาวอเมริกันที่ทำงานให้กับ Nabisco มาเป็นเวลานานก็คิดค้นไส้ครีมโอรีโอ้สีขาวขึ้นมาซึ่งมีรสชาติที่ดีกว่า พร้อมกับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่เป็นกล่องสีเหลี่ยมขนาดเล็ก สิ่งนี้ส่งผลทำให้โอรีโอ้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว จนมียอดขายแซงหน้าคู่แข่ง กลายเป็นคุกกี้ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา
.
ด้วยกระแสตอบรับที่ค่อนข้างดีในเวลาไม่นานบริษัทจึงต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยเพิ่มรสชาติใหม่ ๆ ออกมา ซึ่งประเดิมด้วยรสครีมเลมอนที่มีครีมสีเหลือง ต่างจากเดิมที่เป็นครีมสีขาว แต่ว่ารสชาตินี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม ภายหลังจึงเลิกผลิตไป ต่อมาบริษัทก็ยังคงผลิตรสชาติใหม่ ๆ ออกมา เช่น รสช็อกโกแลต ไวท์ช็อกโกแลต รสเค้กวันเกิด และสตอว์เบอร์รี่ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
.
1
ในปี ค.ศ. 1923 โอรีโอ้ก็เปิดตัวโฆษณาในตำนานอย่าง “บิด ชิมครีม จุ่มนม” (Twist Lick Dunk) ขึ้นมา โดยได้แรงบันดาลใจมาจากกลุ่มผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทสำรวจพบว่าผู้บริโภคส่วนมากมักจะนำโอรีโอ้ไปรับประทานในรูปแบบนี้ ด้วยเหตุนี้สโลแกนดังกล่าวจึงกลายเป็นที่จดจำของใครหลาย ๆ คนมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี
.
ในช่วงปี ค.ศ. 1990 บริษัทเริ่มขยายตลาดไปต่างประเทศ ส่งผลให้โอรีโอ้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ไม่เพียงเท่านี้บริษัทยังคิดค้นรสชาติใหม่ ๆ ที่เหมาะกับรสนิยมของคนในท้องถิ่นอีกด้วย เช่น รสชาเขียวที่มีจำหน่ายเฉพาะในจีน และญี่ปุ่น รสคาราเมลนมหวานที่มีจำหน่ายเฉพาะอาร์เจนตินา และรสครีมบลูเบอร์รี่ที่มีจำหน่ายเฉพาะในจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เป็นต้น
.
นอกจากจะพัฒนาในเรื่องของรสชาติแล้ว โอรีโอ้ยังมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนสินค้าให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ เช่น Mini Oreo ที่มีขนาดเล็กลง, Oreo Thins ที่เป็นแบบบาง, Oreo Wafer และ Oreo O's Cereal ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1998 แต่เลิกจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ ไปในปี 2007 ปัจจุบันมีจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
.
ในเดือนมีนาคม 2012 นิตยสาร Time (ไทม์) รายงานว่าโอรีโอ้มีจำหน่ายไปแล้วกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และตั้งแต่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1912 โอรีโอ้มีการผลิตไปแล้วกว่า 450,000 ล้านชิ้นทั่วโลก สามารถทำรายได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ในทุก ๆ ปี
.
ปัจจุบันโอรีโอ้เป็นมากกว่าคุกกี้ธรรมดา เพราะชาติที่อร่อย และความอเนกประสงค์ โอรีโอ้จึงโดดเด่นในอุตสาหกรรมของขนมหวานประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น ไอศกรีมโอรีโอ้ ชีสเค้กโอรีโอ้ นมปั่นโอรีโอ้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
โฆษณา