22 ก.พ. เวลา 02:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จากจาการ์ตาถึงนูซันตารา 33 พันล้านดอลลาร์ ฝันราคาแพงของอินโดฯ หรือเส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน?

เรื่องราวของจาการ์ตา เมืองหลวงอินโดนีเซียที่กำลังจมน้ำ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ เมื่อรัฐบาลตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปยังพื้นที่ใหม่ที่ชื่อว่า “นูซันตารา” บนเกาะบอร์เนียว
ความจริงที่น่าสะพรึงกลัวคือ ภายในปี 2050 เกือบหนึ่งในสามของจาการ์ตาจะจมอยู่ใต้น้ำ และตอนนี้ก็มีพื้นที่ถึง 40% ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลแล้ว สถานการณ์แบบนี้ทำให้รัฐบาลต้องรีบหาทางออกอย่างเร่งเด่วน
โครงการนูซันตาราถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยงบประมาณมโหฬารถึง 33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายของโครงการคือการพัฒนาความทันสมัย ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
แต่ดูเหมือนว่าความฝันอันยิ่งใหญ่นี้กำลังสั่นคลอน เมื่อนักลงทุนเริ่มถอย ผู้นำโครงการลาออก และความคืบหน้าก็ช้าไปมาก ทำให้หลายคนกังวลว่าเงินทุนมหาศาลนี้อาจจะมลายหายไปหมดสิ้น
นูซันตาราตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์บนเกาะบอร์เนียว พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำในการเกิดภัยพิบัติ และอยู่ในตำแหน่งที่เป็นหัวใจของประเทศ การย้ายเมืองหลวงมาที่นี่เป็นความพยายามในการกระจายความมั่งคั่งออกจากเกาะชวา
เมืองใหม่นี้ถูกออกแบบให้เป็นสมาร์ทซิตี้ ใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมด และรองรับประชากรได้ถึง 2 ล้านคน แถมยังมีศักยภาพในการพัฒนาระบบขนส่งทางเรือที่จะทำให้อินโดนีเซียพุ่งทะยานในเวทีการค้าโลก
แต่ความคิดเห็นของประชาชนกลับแบ่งเป็นสองฝ่าย บางคนมองว่าประธานาธิบดี Joko Widodo เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ แต่อีกฝ่ายกลับมองว่านี่เป็นแค่โครงการ “ขายฝัน” ที่จะทำให้เขาได้จารึกชื่อในประวัติศาสตร์
การก่อสร้างระยะแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2024 แต่สภาพอากาศที่โหดเหี้ยมและปัญหาการขนส่งทำให้งานล่าช้า ซ้ำร้ายงบประมาณที่ใช้ไปแล้ว 3.4 พันล้านดอลลาร์ เป็นแค่ 10% ของงบประมาณทั้งหมด
ปัญหาใหญ่คือการหาเงินทุน รัฐบาลสัญญาว่าจะจ่ายแค่ 20% ของงบประมาณทั้งหมด ที่เหลือต้องมาจากการลงทุนเอกชน แต่ตอนนี้นักลงทุนกลับเริ่มมองแบบไม่ไว้ใจ
2
SoftBank จากญี่ปุ่นถอนตัวไปแล้วในปี 2022 แม้จะมีจดหมายแสดงเจตจำนงจากนักลงทุนกว่า 400 ราย แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเสี่ยงลงทุนจริงๆ แม้รัฐบาลจะพยายามอัดฉีดสิทธิประโยชน์มากมาย
นักวิจารณ์ยังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่น่าเจ็บปวด ทั้งการย้ายถิ่นฐานของชนพื้นเมือง 20,000 คน การตัดไม้ทำลายป่า และความไม่พร้อมด้านพลังงานหมุนเวียน ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของโครงการ
ที่น่าห่วงกว่านั้นคือ การย้ายเมืองหลวงอาจทำให้รัฐบาลห่างไกลจากประชาชน ทำให้ยากขึ้นสำหรับประชาชนที่จะแสดงความคิดเห็นหรือเรียกร้องความเป็นธรรม
อนาคตของนูซันตารายิ่งมืดมนขึ้นเมื่อหัวหน้าโครงการลาออก และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกำลังจะมาถึง คำถามใหญ่คือประธานาธิบดี Prabowo Subianto จะสานต่อโครงการนี้หรือไม่
หากเดินหน้าต่อ อินโดนีเซียต้องเผชิญกับการจัดสรรงบประมาณที่จำกัด แต่ถ้าถอยหลัง ก็อาจทำให้เงินที่ลงทุนไปแล้วสูญเปล่า เหมือนกับการถอยหลังเข้าคลอง
ความสำเร็จของนูซันตาราจะไม่ใช่แค่การสร้างเมืองให้เสร็จ แต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนากับสิ่งแวดล้อม
โครงการนี้อาจกลายเป็นโมเดลใหม่ในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน หรืออาจเป็นบทเรียนราคาแพงที่จะสอนให้รู้ว่า การแก้ปัญหาด้วยโครงการขนาดใหญ่อาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป
ในที่สุดแล้ว ไม่ว่านูซันตาราจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว มันจะเป็นกรณีศึกษาที่มีค่าสำหรับการพัฒนาเมืองในศตวรรษที่ 21 และเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกหรือแม้กระทั่งประเทศไทยเราเองก็ตาม
1
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
1
The original article appeared here https://www.tharadhol.com/from-jakarta-to-nusantara/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา