2 มี.ค. เวลา 03:04 • ปรัชญา

กางร่มให้คนอื่นได้ แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องตากฝน:

อย่าปล่อยให้ความใจดีของเรา เปลี่ยนเป็นตัวเองต้องนั่งหลั่งน้ำตา
ลองนึกภาพวันฝนตกหนัก…
เรายืนอยู่กลางสายฝน กางร่มให้ใครสักคนอย่างเต็มใจ
แต่กลับลืมไปว่า ไหล่ของเรากำลังเปียกปอน
หยดน้ำไหลซึมผ่านเสื้อผ้า เราเริ่มหนาวสั่น แต่ว่า...
คนที่เราช่วยเหลือกลับก้าวเดินจากไปโดยไม่ได้หันกลับมามอง
นี่แหละครับคือภาพสะท้อนของชีวิตหลาย ๆ คน
ที่ใช้ความเมตตาไปกับการช่วยเหลือผู้อื่น
จนหลงลืมดูแลหัวใจตัวเอง
ดังนั้น กางร่มให้คนอื่นได้ แต่ไหล่ของเราต้องไม่เปียกด้วย
แนวคิดเหล่านี้เป็นอีกสัจธรรมหนึ่งที่เราควรตระหนัก
เพราะหากเราให้โดยไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเอง
สุดท้ายเราจะเป็นฝ่ายที่ต้องทนทุกข์เพียงลำพัง
1. ความใจดีที่มากเกินไป อาจย้อนกลับมาเป็นน้ำตาของเรา
“เป็นคนดีแล้วต้องลำบากเสมอไปหรือ?”
“ทำไมเราคอยช่วยคนอื่นเสมอ แต่ไม่มีใครช่วยเราบ้าง?”
หากเคยตั้งคำถามเหล่านี้ แสดงว่าเราอาจกำลังให้มากเกินไป
จนลืมดูแลตัวเอง คนจำนวนมากพยายามเป็นที่พึ่งให้คนรอบข้าง
คอยช่วยเหลือทุกเรื่อง รับฟังทุกปัญหา แบกทุกภาระ…
จนลืมไปว่า ตัวเองก็ต้องการการดูแลเช่นกัน
เหมือนกับคนที่คอยแบกรับความทุกข์ของเพื่อนร่วมงาน
ช่วยงานแทนทุกครั้ง จนสุดท้ายภาระทั้งหมดตกอยู่ที่เขา
หรือคนที่พยายามช่วยเหลือคนรัก ทุ่มเททุกอย่าง
จนวันหนึ่งความสัมพันธ์พังทลาย เพราะความรักนั้นมีแต่ “การให้”
โดยไม่มี “การรับ"
การให้คือสิ่งที่งดงาม
แต่อย่าปล่อยให้มันกลายเป็นเครื่องมือทำร้ายตัวเอง
2. อย่ากลัวที่จะปฏิเสธ หากมันทำร้ายตัวเอง
เคยรู้สึกไหมว่า… บางครั้งเราไม่อยากช่วย แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ
เพราะกลัวถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี
แต่ในความเป็นจริง
“การปฏิเสธไม่ได้แปลว่าเราใจร้าย แต่มันแปลว่าคุณรู้จักรักตัวเอง”
หากเรารับทุกอย่างมาไว้ที่ตัวเอง สุดท้ายแล้วคุณจะเหนื่อยล้าและอ่อนแอ
เมื่อถึงจุดนั้น ไม่เพียงแต่เราจะช่วยใครไม่ได้
แต่เรานั่นแหละที่อาจจะเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือเสียเอง
เราไม่จำเป็นต้องกางร่มให้ทุกคน
3. คนใจดี กับ คนที่ถูกเอาเปรียบ มีเส้นบาง ๆ คั่นอยู่
“ฉันช่วยเพราะอยากช่วย”
“ฉันให้เพราะฉันหวังดี”
ความรู้สึกนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความใจดีที่บริสุทธิ์
แต่หากวันหนึ่งคุณเริ่มรู้สึกว่า…
• ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายช่วยเสมอ?
• ทำไมคนเหล่านั้นไม่เคยหันกลับมามองความเหนื่อยของฉัน?
• ทำไมพวกเขาคิดว่าฉันจะยอมช่วยตลอดไป?
นี่คือสัญญาณว่าคุณไม่ได้เป็นแค่ “ผู้ให้”
อีกต่อไป แต่กำลังเป็น “ผู้ถูกเอาเปรียบ”
การเป็นคนใจดี ไม่ได้แปลว่าต้องยอมทุกอย่าง
คุณสามารถเป็นคนดีได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็น “เหยื่อ” ของใคร
คนที่เห็นคุณค่าในตัวเราจริง ๆ จะเคารพขอบเขตของเรา
และไม่ใช้ความเมตตาของเรรเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
4. ดูแลตัวเองก่อน เพราะเรามีค่ามากกว่าที่คิด
บนเครื่องบิน ก่อนเครื่องจะออกเดินทาง
พนักงานต้อนรับมักบอกเสมอว่า
“หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ให้สวมหน้ากากออกซิเจนของตัวเองก่อน
แล้วค่อยช่วยเหลือคนอื่น”
นี่ไม่ใช่แค่กฎของการเดินทาง แต่เป็นกฎของชีวิตเช่นกัน
หากเราไม่เติมพลังให้ตัวเอง คุณปล่อยให้ตัวเองอ่อนล้า
เพราะช่วยคนอื่นตลอดเวลา แล้ววันหนึ่งเมื่อเราต้องการใครสักคน…
เราอาจพบว่าไม่มีใครเหลืออยู่เลย
จงดูแลตัวเองให้ดีก่อน แล้วเมื่อแข็งแรงพอ
เราจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างมีคุณค่า
โดยไม่ต้องเสียตัวตนของตัวเองไป
จะดีกว่ามั๊ยถ้า
• เราสามารถเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ แต่ต้องไม่ลืมเป็นที่พึ่งให้ตัวเองด้วย
• การปฏิเสธไม่ได้ทำให้เราเป็นคนไม่ดี แต่มันทำให้เราเป็นคนที่รักตัวเอง
• จงเป็นคนใจดีที่ฉลาด ไม่ใช่คนที่ถูกเอาเปรียบ
• การดูแลตัวเองก่อน ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่มันคือสิ่งที่จำเป็น
สุดท้ายนี้…
อย่าปล่อยให้ความใจดีของเราเปลี่ยนเป็นน้ำตาของตัวเอง
ช่วยได้…
แต่อย่าช่วยจนตัวเองต้องพัง
จงเลือกช่วยในแบบที่คุณยังสามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง
และยังมีร่มของตัวเองให้กางในวันที่ฝนตกหนักที่สุดในชีวิต
เพราะ “คนที่ควรรักเราที่สุด ก็คือตัวเราเอง”
โฆษณา