16 มี.ค. เวลา 14:00 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าจีน 10% และจีนก็ใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐกลับเช่นกัน.

อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็ยังคงอยู่ในสังคมป่าดงดิบ ซึ่งผู้ที่แข็งแกร่งต้องออกล่าผู้ที่อ่อนแอกว่า
สหรัฐประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10 % กับสินค้าจีนทั้งหมดที่ส่งออกไปยังสหรัฐ โดยอ้างเหตุผลต่างๆ เช่น เรื่องสารเฟนทานิล
แต่ จีนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการขนสาร“เฟนทานิล” ซึ่งเป็นสารเสพติดให้โทษ เข้าสู่สหรัฐฯ
ส่วนพี่จีนก็ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ ไปหลายอย่างเช่นกัน เช่น การกำหนดภาษีนำเข้าไก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด และฝ้าย 15 %
และจะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10 % จากข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง เนื้อหมู เนื้อวัว ผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์จากนม
ยัง ยังไม่หมดนะครับ กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่าได้เพิ่มนิติบุคคลของสหรัฐฯ 15 รายลงในรายชื่อควบคุมการส่งออก
ซึ่งรวมถึงบริษัท Skydio ผู้ผลิตโดรน และ Shield AI สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Andreessen Horowitz (AH Capital Management, LLC) บริษัทร่วมลงทุนเอกชนในอเมริกา ซึ่งผลิตระบบ AI สำหรับโดรน
เมื่อบริษัทจีนถูกห้ามส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทางไปยังบริษัทที่รวมอยู่ในรายการ
กระทรวงพาณิชย์ของจีน จึงได้เพิ่มบริษัทของสหรัฐฯ อีก 10 แห่งเข้าไปในรายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถืออีกด้วย รวมถึง Tecom เข้าในรายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ
กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า บริษัทเหล่านี้ถูกห้ามมิให้ดำเนินกิจกรรมนำเข้าและส่งออกที่เกี่ยวข้องกับจีน และห้ามมิให้ลงทุนใหม่ในจีน
ต่อมากระทรวงพาณิชย์ประกาศฉบับที่ 13 ก็ได้ออกประกาศตามมาติดๆ ในการขอเพิ่มบริษัทสหรัฐฯ เป็น 15 แห่งเข้าในรายชื่อควบคุมการส่งออก
โดยประกาศรายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ และนำมาตรการปฏิบัติต่อบริษัท Illumina Inc. ของสหรัฐฯ
ในการสังเกต จะเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ออกประกาศเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ประกาศเพิ่มบริษัทสหรัฐฯ 15 แห่งเข้าในรายชื่อควบคุมการส่งออก
เรื่องนี้มีประเด็นที่ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?
โดยโฆษกกระทรวงพาณิชย์ตอบคำถามจากผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรายชื่อควบคุมการส่งออกว่า เพื่อปกป้องความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ
และปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เช่น การไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์
ตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องของกฎหมายควบคุมการส่งออกของสาธารณรัฐประชาชนจีนและระเบียบของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ว่าด้วยการควบคุมการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทางและกฎหมายและข้อบังคับอื่นๆ
จีนได้ตัดสินใจที่จะรวมหน่วยงานของสหรัฐฯ 15 แห่งที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติของจีนไว้ในรายชื่อควบคุมการส่งออก
โดยห้ามการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทางไปยังหน่วยงานเหล่านี้ และหวังว่าผู้ประกอบการส่งออกจะไม่ละเมิดบทบัญญัติข้างต้น
ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติชี้ให้เห็นว่า การตอบโต้ของจีนนั้นเปรียบเสมือน “เหล้าเก่าในขวดใหม่” และจะไม่มีผลกระทบสำคัญใดๆ ต่อบริษัทอเมริกัน
แต่การกระทำดังกล่าวจะเร่งให้บริษัทต่างๆ ลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของจีนลง
1
แถม เมื่อเร็วๆนี้ จีนยังห้ามนำเข้าสินค้าน้ำตาลของไทยอีกด้วยนะครับ งานนี้เมื่อจีนห้ามสินค้าน้ำตาล ทำให้จำนวนสิ้นค้าของไทยก็ตกค้างอยู่ที่ท่าเรือ คาดว่าเป็นจำนวนมูลค่าเกิน 1 พันล้านบาท
เหตุผลคือ รัฐบาลจีนกังวลในปัญหาสุขอนามัยในโรงงานน้ำตาลไทย จึงระงับการนำเข้าน้ำเชื่อม และน้ำตาลผงสำเร็จรูปของประเทศไทย
ส่งผลให้สินค้าเกยตื้นที่ท่าเรือจีนจำนวนมาก สมาคมนักวิชาการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าผู้ค้าไทยจะเสียหายถึง 1 พันล้านบาท
ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่อันดับสองของโลกและเป็นซัพพลายเออร์น้ำเชื่อมหลักของจีนเมื่อปีที่แล้ว
โดยขนส่งได้มากกว่า 1.2 ล้านตัน ทำให้เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยขาดดุลการค้ากับจีนสูงสุดในประวัติการณ์ถึง 1.6 ล้านล้านบาท!
ยัง ยัง ยังไม่หมดนะครับ เมื่อไม่นานนี้ สหรัฐฯ ก็ได้เสนอข้อเสนอหัวข้อสำคัญ เพื่อลงโทษจีนในการขายอวัยวะ รวมถึงการอายัดทรัพย์สิน
ตามรายงาน สมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ร่วมกันเสนอ "กฎหมายควบคุมอุดมการณ์ขวาจัดในทางการเมือง"
ซึ่งชี้ให้เห็นโดยตรงถึงอาชญากรรมต่อมนุษยชาติของประเทศจีนในการบังคับตัดอวัยวะเพื่อค้าขาย
ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพอร์รีและวุฒิสมาชิกครูซเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์และ 3 มีนาคมตามลำดับ
หากผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ร่างกฎหมายนี้จะกลายเป็นตัวบทกฎหมายของสหรัฐฯ
และกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงต่อเจ้าหน้าที่จีนและสถาบันทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวอวัยวะ
ร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ จะต้องไม่ให้ความร่วมมือกับ(พรรคคอมมิวนิสต์)จีนในด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ
และจะต้องทำงานร่วมกับพันธมิตรระหว่างประเทศเพื่อเปิดโปงความจริงเกี่ยวกับการค้าขายอวัยวะ และส่งเสริมการคว่ำบาตรร่วมกันทั่วโลก
และประธานาธิบดีต้องส่งรายชื่อผู้รับผิดชอบไปยังรัฐสภาภายใน 180 วันนับจากวันที่ร่างกฎหมายมีผลบังคับใช้
และต้องอัปเดตเป็นประจำในทุกๆปี
มาตรการลงโทษรวมถึงการอายัดทรัพย์สินและห้ามเข้าประเทศ ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไป การปลูกถ่ายอวัยวะ และการค้าขายอวัยวะเท่านั้น
แต่เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า การปฏิบัติของจีนในการสังหารผู้คนเพื่อแสวงหากำไรได้ขยายวงไปถึงผู้คนทั่วไปมานานแล้ว
โดยกฎหมายฉบับนี้จะมอบความคุ้มครองให้กับชาวจีนทุกคน สหรัฐอเมริการักษาฉันทามติร่วมกันของสองพรรคมาโดยตลอดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์แบบนี้
และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สมาชิกทั้งสองฝ่ายในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ก็ได้ออกมาสนับสนุนการยึดมั่นในความเชื่อของกลุ่มการค้ามนุษย์นี้กันอย่างเปิดเผย
และประณามการกระทำอันโหดร้ายของ(พรรคคอมมิวนิสต์)จีนอย่างรุนแรง
และถือว่าเป็นส่วนสำคัญของประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและความมั่นคงของชาติ.
โฆษณา