Blockdit Logo (Mobile)
เนื้อติดมัน
•
10 มี.ค. เวลา 00:00 • ข่าวรอบโลก

“เซเลนสกี" เข้าพบเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน คาดหวังซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาสันติภาพ

สถานการณ์ความล้มเหลวจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้พยายามกดดันให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงยุติการสู้รบและลงนามในข้อตกลงที่ให้สหรัฐเข้าถึงทรัพยากรแร่ของยูเครน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาพ: ภาพหน้าจอจากบัญชี X ของ Wall Street Journal
6 มีนาคม 2568 สหรัฐอเมริกาได้ปิดระบบเตือนภัยการโจมตีทางอากาศของยูเครน รวมถึงระบบกำหนดเป้าหมายสำหรับ HIMARS
.
2
ในวันต่อมากองทัพอากาศยูเครนรายงานว่า เมื่อเวลา 03.03 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 7 มีนาคม 2568 รัสเซียได้เปิดฉากโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและก๊าซของยูเครนด้วยโดรนและขีปนาวุธ ในหลายภูมิภาคทั่วยูเครน โดยใช้ขีปนาวุธร่อนและขีปนาวุธพิสัยไกลประมาณ 70 ลูก และโดรนโจมตีประมาณ 200 ลำ
.
เป็นความได้เปรียบของรัสเซียจากการที่สหรัฐอเมริการะงับการแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครน โดยบริษัท Maxar Technologies ซึ่งเป็นบริษัทด้านอวกาศของสหรัฐอเมริกา ได้ปิดกั้นการเข้าถึงภาพถ่ายดาวเทียมของยูเครน หลังจากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลทรัมป์
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้กล่าวเมื่อ 6 มี.ค.2568 ว่าเขาจะตัดสินใจเร็วๆ นี้เกี่ยวกับการเพิกถอนสถานะทางกฎหมายชั่วคราวของชาวยูเครนราว 240,000 คนที่หลบหนีเข้าเมือง โดยจะพิจารณาเพิกถอนสถานะของชาวยูเครนและส่งตัวพวกเขากลับประเทศ โดยแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทรัมป์เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลทรัมป์จะเพิกถอนสถานะทางกฎหมายของผู้อพยพมากกว่า 1.8 ล้านคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สหรัฐอเมริกา
.
ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ตอบโต้รายงานของรอยเตอร์ในโพสต์บน X โดยระบุว่า "ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ในเวลานี้" ส่วน ทริเซีย แมคลาฟลิน โฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา ก็ได้กล่าวเมื่อวันพุธว่ากระทรวงไม่มีประกาศใหม่ใดๆ
.
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าสหรัฐอเมริกาไม่เข้มงวดกับรัสเซีย แต่กลับกดดันยูเครน 7/3/2568 ในโพสต์บน Truth Social ทรัมป์กล่าวว่า “จากข้อเท็จจริงที่ว่ารัสเซียกำลัง 'โจมตี' ยูเครนอย่างหนักในสนามรบขณะนี้ ผมจึงกำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน มาตรการคว่ำบาตร และภาษีศุลกากรต่อรัสเซีย จนกว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายได้”
ยูเครนพร้อมที่จะเดินหน้าสู่สันติภาพ และยูเครนคือผู้มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพตั้งแต่วินาทีแรกของสงครามครั้งนี้ ภารกิจคือการบังคับให้รัสเซียยุติสงคราม
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี โพสต์บน X
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกา และยูเครนวางแผนที่จะพบกันที่ซาอุดีอาระเบีย โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวว่าเขาจะเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 เพื่อพบกับมกุฎราชกุมารของประเทศ และทีมงานของเขาจะอยู่ต่อเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการยุติสงคราม และฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา
.
กระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียกล่าวว่าการเจรจาดังกล่าวจะเกิดขึ้นที่เมืองเจดดาห์ริมทะเลแดง โดยสื่อของซาอุดีอาระเบียรายงานว่าการเจรจาดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้คำสั่งของเจ้าชาย ซึ่งทรงรักษาความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับรัสเซียตลอดช่วงสงครามกับยูเครน ทั้งผ่านทางกลุ่มโอเปก+ และทางการทูต
.
ซาอุดิอาระเบียจะเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาเรื่องยูเครนอีกครั้ง แต่จะเป็นกลางแค่ไหน?
.
ความใกล้ชิดระหว่างมกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบียกับปูตินยังเป็นเรื่องน่ากังวล
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ (กลางขวา) พบปะกับเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียก่อนเริ่มการเจรจาเกี่ยวกับสงครามยูเครนในริยาดเมื่อเดือนที่แล้วภาพ: Freddie Everett/US State/Planet Pix/Zuma/Rex/Shutterstock
นับตั้งแต่คณะเจรจาของสหรัฐอเมริกา และรัสเซียพบกันที่ซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนที่แล้ว รัสเซียได้ยกระดับสงครามทางอากาศกับยูเครนขึ้นอย่างมาก ส่วนการรุกคืบทางบกในภูมิภาคโดเนตสค์ทางตะวันออกของรัสเซีย หยุดชะงักเป็นส่วนใหญ่ โดยกองกำลังติดอาวุธของยูเครนได้ดำเนินการโจมตีตอบโต้ในบางพื้นที่
.
ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และแวดวงของเขากับซาอุดิอาระเบียนั้น มีความใกล้ชิดกันมานานทั้งด้านการทูตและธุรกิจ ในการดำรงตำแหน่งวาระแรก การเยือนต่างประเทศครั้งแรกของทรัมป์คือ ซาอุดีอาระเบีย แม้ว่ามกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน จะมีข่าวการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เลวร้าย เช่นการลักพาตัวและฆาตกรรมนักข่าวจามาล คาช็อกกี ในปี 2561
.
แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือการรับรู้ถึงความใกล้ชิดของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน กับรัสเซีย และวลาดิมีร์ ปูติน ความสัมพันธ์อันอบอุ่นเริ่มต้นขึ้นในปี 2558 เมื่อเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เสด็จเยือนรัสเซีย มีการพบปะพูดคุยกับประธานาธิบดีรัสเซียในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และปูตินเยือนซาอุดีอาระเบียในปี 2566
.
บทความในวารสาร Contemporary Security Policy เมื่อปีที่แล้ว โดยไฮบัค (Heibach) และเซริโอลี (Cerioli) วิเคราะห์ถึงเหตุที่ซาอุดีอาระเบีย เว้นที่จะวิพากษ์วิจารณ์การรุกรานยูเครนของรัสเซีย ด้วยว่ารัสเซียเป็น "พันธมิตรหลัก" ของริยาดภายในกลุ่มOPEC+ และเป็น "เสาหลักที่สำคัญของกลยุทธ์การกระจายนโยบายต่างประเทศ" ของซาอุดีอาระเบีย
.
หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียในช่วงต้นปี 2565 ซาอุดีอาระเบียยังคงให้ความร่วมมือกับรัสเซียภายใน OPEC+ และในวันที่ 5 ตุลาคม 2565 ได้เป็นผู้นำการตัดสินใจของกลุ่มที่จะลดการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้น และโดยนัยก็คือรายได้ของรัสเซีย
.
ในการกระทำดังกล่าว ซาอุดีอาระเบียปฏิเสธคำร้องขอของรัฐบาลไบเดน ที่จะใช้จุดยืนหลักภายในOPEC+ เพื่อลดราคาน้ำมัน การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐอเมริกาตึงเครียด และสหรัฐอเมริกาไม่พอใจกับจุดยืนอย่างเป็นทางการของซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส มกุฎราชกุมาร ให้การต้อนรับนายรุสเต็ม อูเมรอฟ ที่ปรึกษา ผู้แทนพิเศษ และที่ปรึกษาของประธานาธิบดีแห่งยูเครน ณ พระราชวังอัลซาลาม
ทั้งนี้ เหตุที่ยูเครนวางใจจะจัดการเจรจาที่เมืองเจดดาห์ นั้น อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวของรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของยูเครน รุสเต็ม อูเมรอฟ (Rustem Umerov) ซึ่งมีสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับซาอุดีอาระเบียผ่านทางความสัมพันธ์ทางธุรกิจเดิมของเขาที่เคยเป็นนายธนาคารเพื่อการลงทุน
.
อย่างไรก็ตาม การเจรจาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งซาอุดีอาระเบียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือระดับผู้นำของสหรัฐอเมริกา และรัสเซียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ยังมีข้อกังขาถึงข้อตกลงต่าง ๆ ในการเจรจาครั้งนั้น แต่ก็ตอกย้ำความปรารถนาของซาอุดีอาระเบีย ในการก้าวขึ้นเป็นผู้มีบทบาทระดับโลกที่สามารถไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างประเทศได้อย่างประสบความสำเร็จ
เจ้าหน้าที่กู้ภัยชาวยูเครนพยายามดับไฟในอาคารที่ถูกทำลายจากการโจมตีของโดรนของรัสเซีย ในเมืองโบโฮดูคิฟ แคว้นคาร์คิฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2568
ณ วันนี้ รัสเซียยังเพิ่มการโจมตียูเครน แต่ความยากลำบากอย่างยิ่งของยูเครนในขณะนี้ กลับมาจากประเทศมหาอำนาจผู้เป็นเสมือนเทพเจ้าที่โอบอุ้มและป้องกันภัยให้แก่ยูเครน ซึ่งได้พลิกโฉมหน้ากลายเป็นอสูรที่ยูเครนยากจะรอดพ้นเงื้อมมือสหรัฐอเมริกาไปได้.
โฆษณา