15 มี.ค. เวลา 01:30 • ประวัติศาสตร์

“สงครามกล้วย” เรื่องกล้วย ๆ กับสงครามที่มีมากกว่ากล้วย

กล้วยสำหรับชาวเอเชียอย่างเรา ๆ คงจะเป็นผลไม้ที่กินจนเบื่อ และอาจจะกินกันมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กน้อย กลับกันในทางฝั่งตะวันตกที่ไม่ได้มีการปลูกกล้วยกันจนกลายเป็นพืชท้องถิ่น กล้วยจึงกลายเป็นอีกหนึ่งผลไม้นำเข้าสุดหรูที่ชาวตะวันตกหลงรัก แต่ใครเลยจะรู้ว่ากล้วยนี่เอง ครั้งหนึ่งมันจะนำมาซึ่งสงคราม ที่ไม่ใช่แค่สงครามการค้า หากแต่ยังก่อให้เกิดสงครามและกบฎหลายแห่งในภูมิภาคอเมริกากลางและแคริบเบียนด้วย
3
ท่ามกลางสถานการณ์สงครามการค้าในปัจจุบันระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานการณ์สำคัญที่น่าติดตามอยู่ไม่น้อย ในอดีตเองโลกเราก็มีสงครามที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอยู่หลายครั้ง ทั้งที่เป็นสงครามในแง่ของการต่อสู้ด้วยนโยบายทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงสงครามที่ต่อสู้ด้วยกำลังทหาร โดยครั้งสำคัญก็ยกตัวอย่างเช่น สงครามฝิ่น, กฎหมายกำแพงภาษีของฮอว์ลีย์และสมูท, เป็นต้น
1
แต่ทั้งนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งสงครามที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจดีอย่าง “สงครามกล้วย” โดยสงครามกล้วยนี้ก็มีอยู่ประมาณ 2 ครั้ง ครั้งที่เป็นสงครามจริง ๆ อันเกิดจากการเอเรื่องการคุ้มครองบริษัทกล้วยมาบังหน้าเพื่อแทรกแซงอเมริกากลาง ไปจนถึงสงครามกล้วยที่เป็นสงครามการค้าในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 - ต้นศตวรรษที่ 21 ซึ่งใน All About History สัปดาห์นี้ เราจะมาเล่าถึงสงครามกล้วยทั้ง 2 พอให้ได้รู้เรื่องราวกัน
1
⭐สงครามกล้วย ที่ไม่ใช่แค่เรื่องกล้วย ๆ
“กล้วย” นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้เขตร้อนที่มีรสชาติอันโอชะในสายตาของชาวตะวันตก ทั้งในยุโรป และในอเมริกา โดยสำหรับในสหรัฐอเมริกา ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างศตวรรษทรา 19 และ ศตวรรษที่ 20 นั้น มีความต้องการกล้วยที่ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร และในขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาเองก็มีบริษัทการค้าที่ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศอื่น ๆ แถบอเมริกากลาง
บริษัทเหล่านี้เขามีที่ดิน มีสวนที่สามารถปลูกกล้วยได้เป็นจำนวนมหาศาลและส่งออกเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาได้ในทุก ๆ ปี แต่ด้วยความที่เป็นสวนขนาดใหญ่ แน่นอนว่าการดูแลอาจจะไม่ทั่วถึง อีกทั้งยังไม่ได้เป็นสวนที่ตั้งอยู๋ในอเมริกา จะเกิดอะไรขึ้นกับสวนของพวกเขาบ้างก็ไม่รู้ ทำให้ต้องหาวิธีการป้องกันซึ่งหนึ่งในวิธีนั้นก็คือการติดต่อขอให้ทหารสหรัฐฯ เข้ามาช่วยป้องกันสวนจากโจรหรือผู้บุกรุกใด ๆ นี่เอง ซึ่งการเรียกทหารสหรัฐเข้าไปในสวนนอกประเทศของบริษัทเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นชวนเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งของ “สงครามกล้วย”
สงครามกล้วยไม่ใช่แค่เรื่องราวกล้วย ๆ หากแต่เป็นเรื่องราวการแทรกแซงทางการทหารของสหรัฐอเมริกาในประเทศอื่น ๆ ตามภูมิภาคอเมริกากลาง นับตั้งแต่สงครามสเปน-อเมริกันสิ้นสุดลง อเมริกาก็ได้รับการส่งต่ออาณานิคมอีสต์อินดีสและเวสต์อินดีสจากสเปนมาไว้ภายใต้การปกครอง และก็นำมาซึ่งความคิดที่จะฮุบภูมิภาคอื่น ๆ ของอเมริกาเอาไว้ด้วย
ทำให้บริษัทการค้าเหล่านี้เป็นเพียงปัจจับเล็กน้อยที่ช่วยให้สหรัฐฯ มีเหตุผลในการนำเอากองกำลังทหารเข้าแทรกแซงประเทศอื่น โดยแนวคิดหลักในการที่ทำให้สหรัฐฯอยากที่จะฮุบอเมริกากลางนั้นก็เนื่องมาจากโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่ที่พวกเขาเพิ่งได้รับมาราวปี 1904 อย่าง “การขุดคลองปานามา”
คลองปานามา ไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา เพราะฉะนั้นแล้วการที่จะเข้าไปควบคุมนั้นก็นับว่ายากอยู่บ้าง มันคงจะเป็นอะไรที่สะดวกกว่าถ้าหากว่าสหรัฐอเมริกาสามารถที่จะฮุบพื้นที่ทั้งอเมริกากลางเอาไว้เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงคลองปานามาได้ง่ายขึ้น ทั้งทางบกและทางน้ำ
โดยคลองปานามานั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ หากแต่ยังเป็นยุทธศาสตร์ทางการทหารด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถนำเอาเรือรบจากอู่เรือทางชายฝั่งตะวันตกข้ามมายังแอตแลนติกได้อย่างง่ายดายและจะทำให้สหรัฐฯกลายเป็นมหาอำนาจทางทะเลด้วย
1
⭐เมื่อรัฐบาลจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อการแทรกแซง
สหรัฐอเมริกามีประวัติเรื่องการแทรกแซงดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลกมาอย่างโชกโชน ทั้ง ๆ ที่ตอนเริ่มก่อตั้งประเทศนั้นอเมริกานั้นที่จะปิดประเทศมากกว่าที่จะสุงสิงกับภายนอกมากนัก อย่างไรก็ดี ในส่วนของการที่กล้วยได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญในการพิชิตอเมริกากลางของสหรัฐฯนั้น ก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากความสัมพันธ์ของรัฐบาลเองกับภาคธุรกิจอย่างบริษัทการค้า ที่ซึ่งทั้งสองได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
2
สหรัฐฯได้นำเข้ากล้วยที่ปลูกโดยบริษัทของสหรัฐเอง ในขณะเดียวกันทางบริษัทก็ได้ทั้งเงินและการคุ้มครองจากสหรัฐฯ แต่ทั้งนี้สหรัฐฯเองก็ได้ประโยชน์แฝงอย่างการแทรกแซงทางการทหารในประเทศต่าง ๆ
2
บริษัทเจ้าใหญ่ที่ควบคุมการปลูกกล้วยของสหรัฐฯนั้นมีชื่อว่า United Fruit Company (UFC) โดยเจ้าบริษัทนี้เข้ามามีอิทธิพลทางเศรษฐกิจแบบสุด ๆ ผ่านการควบรวมกิจการแนวดิ่ง ตลอดจนใช้วิธีการต่าง ๆ ในการกำจัดคู่แข่งทางการค้ากล้วยตลอดจนความไม่สงบเรียบร้อยในบริษัท
1
ไม่ว่าจะเป็น การเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นเข้ามาปราบปรามม็อบแรงงานหรือการรวบกลุ่มสหภาพแรงงาน ตลอดจนมีการทำเรื่องร้าย ๆ อย่างการติดสินบนเจ้าพนักงาน การจ้างทหารรับจ้าง ไปจนถึงขั้นกว่าอย่างการสนับสนุนทุนให้กลุ่มกบฎ ตลอดจนทำการหักหาญที่หยามหน้าเจ้าของประเทศอย่างการเรียกให้กองกำลังสหรัฐฯรุกล้ำเข้ามาคุ้มครองสวนภายในพื้นที่ของประเทศอื่น
1
การที่จะทำสวนในประเทศอื่นให้สำเร็จลุล่วงได้ดี แน่นอนว่าความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของประเทศย่อมมาก่อนเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำของ UFC ก็มีทั้งประเทศที่โอเคอย่างฮอนดูรัส และประเทศที่ไม่โอเคอย่างนิคารากัว ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับในประเทศที่ไม่โอเค การเรียกทหารสหรัฐฯเข้ามาคุ้มครองก็ดูเหมือนจะเป็นการซื้อความปลอดภัยในส่วนหนึ่ง แต่ก็แลกมาด้วยความร้าวฉานอยู่เหมือนกัน
1
การกระทำของ UFC แน่นอนว่ามันได้ทำให้เกิดการเอาเป็นเยี่ยงอย่างของบริษัทและอุตสาหกรรมอื่น คือยาสูบ และอ้อย ที่ไปหาขอให้ทหารสหรัฐฯเข้ามาคุ้มครองเหมือนกัน ตลอดจนบริษัทของประเทศอื่น ๆ เองก็หันมาทำตามด้วยโดยการส่งทหารเข้ามาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศนั้น ๆ จะปะทุเป็นกบฎเมื่อไหร่ก็ได้
⭐เกิดอะไรขึ้นบ้างในสงครามกล้วย
การแทรกแซงทางการทหารของสหรัฐได้สร้างเหตุการณ์ในการยึดครองพื้นที่ต่าง ๆ อยู่มากไม่น้อย หนึ่งในนั้นก็คือเหตุการณ์ที่เรารู้จักกันดีอย่างการประกาศอิสรภาพของปานามาออกจากโคลอมเบีย ซึ่งทำให้สหรัฐฯได้สิทธิ์ในการขุดคลองปานามา โดยสหรัฐฯนั้นได้สนใจพื้นที่ตรงนี้มานานมาก นับตั้งแต่ยุคตื่นทอง แต่ก็ติดปัญหาในการสร้างคลองปานามาก็ตรงที่ปานามาในขณะนั้นเป็นพื้นที่ของโคลอมเบีย การแทรกแซงทางการทหารและช่วยให้ปานามาประกาศอิสรภาพนั้นกลายมาเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของชัยชนะในสงครามกล้วยด้วย
นอกเหนือจากการประกาศอิสรภาพปานามาแล้ว ก็ยังคงมีการกระทบกระทั่งและการปะทะกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นมาอีกมากมายตลอดระยะเวลาสงคราม โดยในประเทศที่ค่อนข้างเดือดที่สุดในสงครามกล้วยกับสหรัฐนี้ก็คือนิคารากัว โดยในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นิคารากัว มีผู้นำคนสำคัญอย่างเซลายา ผู้ที่คัดค้านเรื่องการสร้างคลองปานามา เพราะว่าอยากให้สร้างคลองนิคารากัวมากกว่า
ซึ่งการที่สหรัฐฯสร้างคลองปานามานี้ก็สร้างความไม่พอใจต่อนิคารากัวอยู่บ้าง อย่างไรก็ดี ครั้นเมื่อบ้านเมืองนิคารากัวเกิดกบฏ สหรัฐฯก็ได้เข้ามาแทรกแซงปราบกบฎให้และเกิดการยึดครองนิคารากัวของสหรัฐฯขึ้นมาราวปี 1912 ในขณะที่ประเทศที่ได้รับผลจากสงครามน้อยที่สุดกลางเป็นเม็กซิโกแทน ซึ่งมีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ อยู่ในช่วงสงครามกลางเมืองเม็กซิโก
⭐จุดสิ้นสุดของสงครามกล้วย
สงครามกล้วยกินเวลานานหลายสิบปี และมีสงครามย่อย ๆ เกิดไปทั่ว แต่ก็ใชว่าทุกสมรภูมิในสงครามกล้วยจะกลายเป็นแค่ผลลบเพียงอย่างเดียว เพราะถึงอย่างไรก็ตาม การเข้าไปแทรกแซงของสหรัฐฯก็นำมาซึ่งพัฒนาการของเมืองในหลายอย่าง อาทิการสร้างสาธารณูปโภค อาคารสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ซึ่งมันดีต่อสวัสดิภาพสังคมของผู้คนในอเมริกากลาง
แต่ก็แอบน่าเสียดายอยู่หน่อย ๆ ที่ถึงแม้อเมริกากลางจะได้รับการสนับสนุนและปูพื้นฐานจากสหรัฐในช่วงระยะเวลาที่อยู๋ภายใต้การปกครอง แต่พอหมดอิทธิพลของสหรัฐฯไปก็ไม่ได้ต่อยอดเพิ่มเติม ทำให้ประวัติศาสตร์การเมืองของภูมิอเมริกากลางค่อนข้างประสบปัญหามากมายทั้งในด้านสังคม และเศรษฐกิจ โดยสหรัฐอเมริกาได้ถอนกองกำลังส่วนใหญ่ออกไปหลังจากที่มีนโยบาย Good Neighbor policy ที่สหรัฐฯจะพยายามทำตัวเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และไม่รุกรานประเทศเล็ก ๆ ในอเมริกาอีก
1
⭐จาก “สงครามกล้วย” สู่ “สงครามการค้ากล้วย”
เรื่องกล้วย ๆ กับสงครามดังที่เรากล่าวไปข้างต้นนับว่าเป็นเพียงหนึ่งสงครามที่ว่าด้วยกล้วย แต่หลังจากที่สงครามกล้วยนั้นสงบลง ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เอง ก็ได้มีสงครามกล้วยครั้งใหม่เกิดขึ้นมา โดยคราวนี้เป็นเรื่องกล้วยแบบเต็ม ๆ มากกว่าสงครามกล้วยคราวก่อนที่เอากล้วยมาเป็นฉากหน้า โดยสงครามการค้ากล้วยนี้ เป็นสงครามการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับสหภาพยุโรป
นับตั้งแต่ช่วงปี 1975 ทางสหภาพยุโรปได้เลือกที่จะรับซื้อนำเข้ากล้วยจากกลุ่มประเทศแคริบเบียน, แอฟริกา หรือแปซิฟิกแบบไม่จำกัดโควต้า ประเทศเหล่านี้จะส่งออกไปยุโรปเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่ต้องการและเสียภาษีต่ำ แต่ทั้งนี้ได้เลือกที่จะจำกัดโควต้าการนำเข้ากล้วยจากสหรัฐฯและประเทศลาตินอเมริกาอย่าง เอกวาดอร์ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และเม็กซิโก ซึ่งมีการผลิตกล้วยกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันให้มีการเก็บภาษีที่แพงกว่าอีกกลุ่ม
โดยประเทศลาตินอเมริกาเหล่านี้ ล้วนแต่มีสวนกล้วยขนาดใหญ่ที่ดำเนินกิจการโดยบริษัท Chiquita หรือชื่อเดิมก็คือบริษัท United Fruit Company บริษัทที่เป็นต้นต่อของสงครามกล้วยที่เราได้กล่าวไปนี่เอง
การจำกัดโควต้าดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมและได้ร่อนจดหมายขึ้นฟ้อง WTO ว่าสหภาพยุโรปนั้นทำไมถูกต้อง ซึ่ง WTO ก็เข้าใจและมองว่าสหภาพยุโรปกำลังลำเอียงและเลือกปฏิบัติอยู่จริง จึงให้สหรัฐพร้อมพันธมิตรลาตินอเมริกาชนะ แต่ทั้งนี้ สหรัฐฯก็ยังรู้สึกว่าสหภาพยุโรปยังคงไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ศาลสั่งมา จึงดำเนินการตอบโต้ด้วยการขู่ขึ้นภาษีนำเข้าของพวกสินค้ายุโรป ในปี 1999
การขึ้นภาษีนำเข้าสูงขึ้นจะส่งผลกระทบสำคัญต่อสหภาพยุโรปที่ซึ่งมีมูลค่าส่งในขณะนั้นกว่า 520 ล้านดอลลาร์ต่อปี ตลอดจนเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการงานนับพันงาน และแน่นอนว่าถ้ายุโรปหันหลังให้แคริบเบียนแล้วไปยอมสหรัฐฯ ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจของแคริบเบียนในขณะนั้นที่พึ่งพิงจากกล้วยนี้คงจะต้องพังทลายเป็นแน่
อย่างไรก็ดี สงครามการค้ากล้วยดังกล่าว ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้วในปี 2009 โดยเมื่อปี 2001 ทางสหรัฐได้เลือกที่จะยุติเรื่องขึ้นภาษีดังกล่าวหลังจากที่สหภาพยุโรปเลือกที่จะยกเลิกโควต้าดังกล่าวไป แต่ทั้งนี้ก็ยังคงมีการต่อรองกันไปกันมา จนในที่สุดก็ได้ข้อตกลงในปี 2009
⭐ บทสรุปเรื่องกล้วย ๆ
จากเรื่องราวของสงครามกล้วยทั้งสองเราเห็นอะไร? เราได้เห็นถึงการดำเนินการของกล้วยที่เป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน และได้กลายมาเป็นชนวนสำคัญในสงครามทั้งสอง แต่นอกเหนือจากกล้วยแล้วก็ยังคงมีอีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือบริษัทการค้า UFC หรือ Chiquita ในปัจจุบัน
1
การที่สหรัฐฯ ได้เข้ามาแทรกแซงเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีบริษัทดังกล่าวข้องเกี่ยวได้ทำให้เราเห็นถึงการพยายามคุ้มครองและปกป้องผลประโยชน์ของตนเองที่ได้จากบริษัทการค้านั้น ซึ่งนับว่าเป็นปกติมาก ๆ ที่รัฐบาลย่อมจะช่วยเหลือพวกพ้องตนเอง ซึ่งก็ไม่ต่างกันกับที่สหภาพยุโรปเลือกที่จะนำเข้ากล้วยจากอดีตประเทศอาณานิคมเลย ซึ่งก็เป็นไปเพราะว่าต้องการที่จะช่วยเหลือพวกพ้องเดียวกัน ทั้งสิ้นด้วยัวตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือกันและกันระหว่างประเทศพันธมิตรก็เท่านั้นเอง …
1
ผู้เขียน : ณัฐรุจา งาตา
ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
#ประวัติศาสตร์ #เศรษฐกิจ #สงคราม #สงครามการค้า #สหรัฐอเมริกา #อเมริกากลาง #ยุโรป #Bnomics #BBL #BangkokBank #ธนาคารกรุงเทพ
อ้างอิง:
Peter Chapman. Bananas : how the United Fruit Company shaped the world. accessed from https://archive.org/details/bananashowunited0000chap
Lester D. Langley. The banana wars : an inner history of American empire, 1900-1934. accessed from https://archive.org/details/bananawars00lest/page/3/mode/2up
Captivating History. The Banana Wars Explained in XIII Minutes
BBC. Banana war ends after 20 years
econlife. How the EU and the U.S. Fought a Banana Trade War
Patrick Barkham. The banana wars explained. on The Guardian. 5 Mar 1999.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา