Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
19 มี.ค. เวลา 10:37 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 224 หัวศรหยก
พระมาตุลาอูหลีให้องค์หญิงฉยงอิง 郡主琼英 เป็นแม่ทัพหน้า ตนเองนำทัพหลวง มุ่งหน้ามาเมืองเจาเต๋อ
ฉยงอิงผู้นี้อายุสิบหกปี งดงามปานบุปผา ไม่ใช่บุตรีโดยกำเนิดของอูหลี นางมีแซ่เดิมว่าฉิว 仇 บิดาชื่อว่าเซิน 申 เป็นชาวอำเภอเจี้ยซิว 介休县 เมืองเฝินหยาง 汾阳府 อยู่ตำบลเหมียนส้าง 绵上 ที่ซึ่งมีประวัติว่า ในยุคชุนชิว เจี้ยจือทุย 介之推 ผู้ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคนานาจนช่วยสถาปนาจิ้นเหวินกง 晋文公 ขึ้นเป็นเจ้านครรัฐ ปฏิเสธที่จะรับยศถาบรรดาศักดิ์ใดทั้งสิ้นไม่ว่าจะร้องขออย่างไร เร้นกายอยู่ในดินแดนแถบนี้ จิ้นเหวินกงจึงอุทิศท้องที่เหมียนส้างนี้แก่เจี้ยจือทุยทำนองเป็นดินแดนในปกครอง
ฉิวเซิน 仇申 พอมีฐานะอยู่บ้าง อายุในวัยห้าสิบเศษ ไม่มีทายาท คู่ครองก็มาเสียชีวิตลง จึงแต่งภรรยาใหม่เป็นบุตรสาวของซ่งอิ่วเลี่ย 宋有烈 อำเภอผิงเหยา 平遥县 และให้กำเนิดฉยงอิง
พอฉยงอิงอายุสิบขวบ ซ่งอิ่วเลี่ยถึงแก่กรรม นางซ่งสื้อ 宋氏 บุตรสาวจะมางานศพกับฉิวเซินผู้สามี แม้อำเภอผิงเหยากับอำเภอเจี้ยซิวจะอยู่ติดกันแต่ระยะทางก็ห่างกันเจ็ดสิบกว่าลี้ นางซ่งสื้อจึงฝากฉยงอิงไว้กับเย่ชิง 叶清 ผู้เป็นพ่อบ้านสองสามีภรรยา
ระหว่างทางพบโจรเข้ากลุ่มหนึ่งสังหารฉิวเซินตาย ขับไล่บ่าวผู้ติดตามไปหมด จับตัวนางซ่งสื้อไป บ่าวหนีกลับมาถึงบ้านแจ้งเรื่องให้เย่ชิงรู้
เย่ชิงแม้เป็นพ่อบ้าน แต่มีคุณธรรมน้ำใจนัก ทั้งยังมีวิทยายุทธ มีภรรยาอันสื้อ 安氏 เป็นคนละเอียดรอบคอบ เย่ชิงแจ้งเรื่องราวแก่เครือญาติสกุลฉิว แจ้งความต่อทางการให้ตามจับพวกโจร และจัดการฝังศพเจ้าบ้าน
เครือญาติสกุลฉิวหารือกัน แต่งตั้งญาติผู้หนึ่งดูแลกิจการของครอบครัว เย่ชิงกับภรรยาเป็นผู้ปกครองนายหญิงน้อยฉยงอิง
ผ่านไปหนึ่งปีกว่า เถียนหู่ก่อกบฎยึดครองเวยเสิ้ง ให้อูหลีแบ่งกำลังออกปล้นชิงจนมาถึงเหมี่ยนส้าง อำเภอเจี้ยซิว เที่ยวชิงทรัพย์จับเชลย สกุลฉิวถูกสังหารกระทั่งทายาท เย่ชิงสามีภรรยารวมทั้งฉยงอิงถูกจับเป็นเชลย
อูหนียังไร้ทายาท เห็นฉยงอิงหน้าตาน่าเอ็นดู จึงพามาพบภรรยาหนีสื้อ 倪氏 นางหนีสื้อยังไม่เคยมีบุตร เห็นฉยงอิงก็รักใคร่ดังบุตรีในอุทร
ฉยงอิงเป็นเด็กแคล่วคล่องฉลาดเฉลียว มีปฏิภาณไหวพริบ รู้สถานการณ์ดีว่าตนคงไปไหนไม่พ้น ตนบัดนี้ไร้ญาติขาดมิตร เห็นนางหนีสื้อรักใคร่จึงวอนขอให้รับนางอันส้อมาอยู่ด้วย นางอันสื้อจึงใกล้ชิดติดตามมิเคยห่าง
เย่ชิงตกเป็นเชลย คิดหาทางหนี แต่มาตรองอีกทีว่า
“ฉยงอิงอายุยังน้อย เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวของนายท่านที่เหลืออยู่ หากข้าไปแล้ว เป็นตายร้ายดีคงไม่รู้ความกัน โชคยังดีที่เมียข้าอยู่ด้วย ถ้าสบโอกาส อาจพาหนีไปด้วยกัน นายท่านในปรโลกคงนอนตาหลับ”
ด้วยเหตุนี้ เย่ชิงจึงยอมเป็นผู้ติดตามอูหลีเที่ยวรบทัพจับศึกจนมีผลงานเข้าตา อูหลีมอบนางอันสื้อคืนให้เย่ชิง นางอันสื้อจึงเข้านอกออกในจวนได้ คอยส่งข่าวให้แก่ฉยงอิง อูหลียังได้เพ็ดทูลต่อเถียนหู่ให้อวยยศเย่ชิงเป็นจ๋งก่วน 总管 (ผู้กำกับการ)
มาวันหนึ่ง อูหลีใช้ให้เย่ชิงไปหาไม้หาหินที่เขาห้องศิลา 石室山 (สือสื้อซาน) ลูกน้องชี้ไปที่เชิงเนินให้ดูหินแปลกก้อนหนึ่งแล้วบอกว่า
“ตรงนั้นมีหินสวยก้อนหนึ่ง ขาวราวหิมะไร้ตำหนิแม้สักน้อย พวกคนท้องที่จะเข้าไปเก็บหิน ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นจนคนกลัวลาน ครึ่งค่อนวันจึงได้สติ จึงคอยเตือนต่อๆ กัน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้”
เย่ชิงได้ฟัง จึงนำลูกน้องลงเนินไปดู แล้วพวกลูกน้องที่ตามไปก็พากันร้องแปลกใจ
“แปลกจริง เห็นๆ อยู่ว่าเป็นก้อนหินสีขาว ทำไมกลายเป็นศพผู้หญิงไปได้”
เย่ชิงเข้าไปพินิจดูใกล้ๆ ยิ่งแปลกใจเข้าไปอีกที่เห็นว่า เป็นศพของนายหญิงซ่งสื้อ ใบหน้ายังดูราวกับคนเป็น แต่ที่หน้าผากมีรอยแตก คงตกเนินมากระแทกจนเสียชีวิต
เย่ชิงน้ำตาคลอด้วยความประหลาดใจ ยังทำอะไรไม่ถูก พลันมีทหารนายหนึ่งในกลุ่มลูกน้อง เดิมเป็นคนดูแลม้าของเถียนหู่ รู้เรื่องการตายของนางซ่งสื้อ จึงเล่ารายละเอียดให้ฟังว่า
“เมื่อก่อน ครั้งท่านอ๋องใหญ่เริ่มนำทหารขึ้นลุกฮือ เคยผ่านมาทางเจี้ยซิว จับตัวหญิงผู้นี้ได้ จะเอาไว้ทำเมียเวลาเดินทัพ หญิงผู้นี้หลอกท่านอ๋องจนไม่ต้องถูกมัด พอเดินผ่านมาทางนี้ ก็กระโดดเนินสูงลงมาหัวชนตาย ท่านอ๋องจึงให้ข้าลงมาถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับของนาง
ผู้น้อยจำนางได้แม่นยำ ด้วยเป็นคนที่คอยประคองนางขึ้นลงม้า ทั้งยังเป็นคนมาถอดชุด นี่เป็นศพนางอย่างแน่นอน แต่แปลกที่สภาพศพยังอยู่ดี ทั้งที่ผ่านมาแล้วสามปีกว่า”
เย่ชิงกล้ำกลืนน้ำตาไม่ให้ไหล แล้วกล่าวว่า
“ข้าเองก็จำนางได้ว่าเป็นลูกสาวเฒ่าซ่งที่อำเภอข้างบ้าน”
เย่ชิงสั่งให้ทหารหาดินมากลบ แล้วเดินขึ้นเนินมา มองกลับลงไป กลับเห็นเป็นก้อนหินสีขาวดังเดิม ลูกน้องที่ตามมาก็พากันแปลกใจเช่นกัน
พอกลับมาถึงเวยเสิ้ง ก็เล่าให้ภรรยานางอันสื้อฟังถึงเรื่องที่ว่าเถียนหู่คือผู้ที่ฆ่าฉิวเซิน และจับตัวนางซ่งสื้อ นางซ่งสื้อรักษาสัตย์โดดเนินตาย แล้วให้นางนำเรื่องไปเล่าให้ฉยงอิงรู้
ฉยงอิงรู้เรื่องแล้วดังหมื่นศรทิ่มแทงใจ แอบร้องไห้ดื่มน้ำตา กล้ำกลืนเสียงสะอื้นทุกคืนวัน ตรองหาทางล้างแค้นให้ผู้บังเกิดเกล้ามิเคยลืม จนกระทั่งทุกคืนที่หลับตา จะเห็นองค์เทพปรากฎแล้วกล่าวว่า
“หากเจ้าคิดล้างแค้นให้พ่อแม่ ข้าจะสอนวิทยายุทธให้”
ฉยงอิงฉลาดเฉลียว ตื่นขึ้นมายังจดจำทุกอย่างได้แม่นยำ จึงซ่อนกระบองไว้ในห้อง ปิดประตูแอบฝึก ผ่านไปนานวัน เพลงอาวุธยิ่งช่ำชอง
โดยไม่รู้ตัว เวลาล่วงสู่เหมันต์ปีเซวียนเหอที่สี่ เย็นวันหนึ่ง ฉยงอิงนั่งสัปหงกอยู่กับโต๊ะ มีลมกรรโชกมาหอบหนึ่ง พร้อมกลิ่นหอมประหลาดโชยมาเตะจมูก พลันปรากฎบัณฑิตโพกผ้าพับมุมนำขุนศึกหนุ่มในชุดเขียวมาสอนวิชาซัดหินให้แก่ฉยงอิง
บัณฑิตบอกฉยงอิงว่า “ข้าอุตส่าห์ไปเกาผิง เพื่อตามดาวเทียนเจี๋ย 天捷星 มาสอนวิชาพิสดารนี้แก่ท่าน ช่วยท่านล้างแค้น หลีกลี้ถ้ำเสือ ขุนศึกผู้นี้ยังมีบุพเพสันนิวาสกับท่านด้วย”
ฉยงอิงฟังคำว่า บุพเพสันนิวาส ก็เขินอายจนหน้าแดงยกแขนเสื้อขึ้นปิดหน้า จึงปัดถูกกรรไกรบนโต๊ะตกพื้นเสียงดัง จนสะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นตะเกียงจุดอยู่ใต้แสงจันทร์หนาว ราวกับอยู่ในความฝัน ฉยงอิงนั่งนิ่งงันอยู่พักใหญ่จึงเข้านอน
วันรุ่งขึ้น ฉยงอิงยังจดจำวิธีซัดหินได้ จึงไปเก็บหินเกลี้ยงขนาดราวฟองไข่ไก่มาจากข้างกำแพง แล้วลองซัดใส่หางหงส์บนหลังคา เกิดเสียงดังลั่น หางหงส์แตกละเอียดร่วงลงมา นางหนีสื้อ 倪氏 ตกใจออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉยงอิงไหวพริบดีตอบว่า “เมื่อคืนเทวดามาเข้าฝันว่า “บิดาของเจ้ามีวาสนาจักเลื่อนฐานันดรเป็นชนชั้นสูง ข้าตั้งใจมาสอนวิชาพิสดารนี้แก่เจ้า เพื่อช่วยบิดาเจ้าสมหมาย” ข้าซัดหินลองวิชาดู พลาดไปถูกหางหงส์เข้า”
นางหนีสื้อรู้สึกทึ่ง นำคำของนางไปบอกอูหลี อูหลีไม่อยากเชื่อจึงตามฉยงอิงไปซักถาม แล้วทดสอบฝีมือทวนพลองดาบกระบึ่นานาอาวุธ ทุกชนิดล้วนช่ำชอง ยิ่งฝีมือซัดหิน แม่นยำร้อยทั้งร้อย อูหลีประหลาดใจยิ่ง ตรองว่า
“ข้าคงมีวาสนาจริง ฟ้าจึงส่งคนพิสดารมาช่วยข้า”
นับแต่นั้นก็ตั้งใจฝึกสอนการขี่ม้าใช้อาวุธแก่ฉยงอิง
คนในบ้านอูหลีนำเรื่องฝีมือของฉยงอิงบอกต่อกันไปจนทึ่งกันทั้งเวยเสิ้ง พากันเรียกขานนางว่า หัวศรหยก 琼矢镞 (ฉยงสื่อจู๋)
1
อูหลีดำริจะคัดเลือกลูกเขยเป็นคู่ครองให้ฉยงอิง ฉยงอิงบอกกับนางหนีสื้อว่า
“ผู้ที่จะมาเป็นคู่ครอง ต้องซัดหินเป็นเช่นกันเท่านั้น หากจะให้แต่งกับผู้อื่น ข้าน้อยขอยอมตาย”
นางหนีสื้อจึงแจ้งแก่อูหนี อูหนีเห็นนางยืนกรานหนักแน่นจึงพักเรื่องคัดเขยไว้ก่อน
วันนี้ อูหลีนึกถึงเรื่องเลื่อนฐานันดรเป็นชนชั้นสูง จึงเสนอให้นางเป็นแม่ทัพหน้า อาศัยเรื่องนี้ไต่สู่สถานะดังกล่าวได้ดังหมาย อูหลีคัดเลือกทหารมีฝีมือห้าพันให้ฉยงอิงเป็นแม่ทัพหน้ายกทัพไปก่อน ตนนำทัพหลวงตามหลังมา
กล่าวถึงซ่งเจียง รอต้อนรับเฉินกวน 陈观 ว่าตำแหน่ง เฉินอันฝู่ 陈安抚 มาประจำการที่แดนเหนือพร้อมทั้งนำสิ่งของพระราชทานมาปลอบขวัญทหารแล้วเสร็จ ซ่งเจียงก็เชิญเฉินอันฝู่อยู่รักษาการณ์ที่เมืองเจาเต๋อ ตนจะยกทัพมุ่งหน้าปราบปรามเถียนหู่ต่อไป
เฉินอันฝู่แจ้งให้ทราบว่า หัวเมืองต่างๆ ที่ยึดมาได้ใหม่นั้น ตนได้เสนอให้ราชสำนักจัดสรรเจ้าเมืองมาประจำหน้าที่ ซ่งเจียงจึงทำหนังสือให้จอมเวทเทพเดินหนไต้จงนำไปตระเวนแจ้งแก่เหล่าขุนศึกผู้รักษาเมืองต่างๆ ให้ทราบ เมื่อมีเจ้าเมืองใหม่มารับหน้าที่เมื่อใด ให้เหล่าขุนศึกเดินทางไปพบตนยังแนวหน้า
ซ่งเจียงยังแนะนำขุนศึกสามิภักดิ์ใหม่ต่อเฉินกวนฝู่ และเสนอให้จินติ่ง หวงเยว่อยู่รักษาด่านหูกวน และค่ายเขาเป้าตู๋ เปลี่ยนให้พวกซุนลี่ จูถงมาสมทบกับตน เฉินกวนฝู่อนุมัติ
พลันมีม้าเร็วมารายงานว่า “เถียนหู่ให้หม่าหลินนำทัพไปช่วยเมืองเฝินหยาง ให้พระมาตุลาอูหลีและองค์หญิงฉยงอิงนำทัพมาทางตะวันออก บัดนี้ถึงเซียงหยวน 襄垣 แล้ว”
ซ่งเจียงจึงหารือเรื่องการแบ่งกำลังออกรับศึกกับอู๋ย่ง เฉียวเต้าชิงจึงว่า
“หม่าหลิงรู้คุณไสย ทั้งยังมีวิชาเทพเดินหน มักใช้อิฐทอง 金砖 ลอบซัดคนถูกร้อยทั้งร้อย พรตผู้น้อยนับแต่ท่านแม่ทัพกรุณารับสามิภักดิ์มายังไม่เคยสร้างผลงาน จึงขออาสาไปเฝินหยางกับท่านอาจารย์กงซุนอีชิง เพื่อเกลี้ยกล่อมให้หม่าหลิงมาสวามิภักดิ์”
ซ่งเจียงยินดียิ่งนัก สั่งการให้จัดทัพม้าสองพันให้กงซุนอีชิง เฉียวเต้าชิงนำทัพไปยังเฝินหยาง
ให้สว่อเชา สวีหนิง ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ ทังหลง ถังปิน เกิ่งกงนำทัพสองหมื่นเข้าตีอำเภอลู่เฉิง 潞城县
ให้หวางอิง หู้ซานเหนียง ซุนซิน กู้ต้าเส่านำทหารม้าหนึ่งพันไปลาดตระเวนหาข่าวทัพฝ่ายเหนือ
ซ่งเจียงอำลาเฉินอันฝู่ นำอู๋ย่ง หลินชง จางชิง หลู่จื้อเซิน อู่ซง หลี่ขุย เป้าสวี้ ฝานยุ่ย เซี่ยงชง หลีกุ่น หลิวถัง เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า หลิงเจิ้น เผยเซวียน เซียวย่าง ซ่งชิง จินต้าเจียน อันเต้าเฉวียน เจี่ยงจิ้ง วี่เป่าสื้อ หวางติ้งลิ่ว เมิ่งคัง เยว่เหอ ต้วนจิ่งจู้ จูกุ้ย หวงฝู่ตวน โหวเจี้ยน ไฉ้ฝู ไฉ้ชิ่ง และขุนพลใหม่ซุนอัน รวมสามสิบเอ็ดนาย พลสามหมื่นห้าพันออกจากเจาเต๋อมุ่งหน้าขึ้นเหนือ
ทัพลาดตระเวนของพวกหวางอิงมาถึงด้านเหนือของเขาอู่ยิน 五阴山 อำเภอเซียงหยวน พบทัพลาดตระเวนฝ่ายเหนือนำโดยเย่ชิง เสิ้งเปิ่นเข้า จึงตั้งขบวนโบกธงลั่นกลองรบประจัญหน้ากัน เสิ้งเปิ่น 盛本 ขุนพลฝ่ายเหนือขี่ม้าออกมาหน้าแถว หวางอิงไม่พูดมากความ ถือทวนควบม้าเข้ารบเสิ้งเปิ่นได้สิบกว่าเพลง หู้ซานเหนียงก็ควงดาบคู่เข้ามาช่วยสามีรุมรบ
เสิ้งเปิ่นสู้สองต่อหนึ่งไม่ไหวจึงชักม้าหนี หู้ซานเหนียงกวดม้ามาทันใช้ดาบฟันเสิ้งเปิ่นตกหลังม้าตาย หวางอิงจึงเร่งทหารเข้าโจมตี เย่ชิงเห็นท่าไม่ดีนำทหารถอยหนี ทัพซ่งตามตีสังหารไปห้าร้อยกว่าคน ที่เหลือแตกกระจัดกระจาย เย่ชิงนำทหารม้าร้อยกว่านายหนีมาทางทิศใต้ของตัวเมืองเซียงหยวนได้ยี่สิบลี้พบค่ายของฉยงอิงตั้งอยู่ จึงหลบเข้าค่ายไป
เย่ชิงนั้น ตั้งแต่ครึ่งปีก่อน เถียนหู่สั่งย้ายมาประจำการที่เซียงหยวนใต้บังคับบัญชาของสวีเวย 徐威 พอรู้ข่าวว่าฉยงอิงรับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพหน้ายกทัพมา จึงอาสาสวีเวยนำทัพออกลาดตระเวนเพื่อหาโอกาสมาพบกับนายหญิงฉยงอิง สวีเวยให้ออกมาลาดตระเวนพร้อมด้วยเสิ้งเปิ่น เสิ้งเปิ่นมาถูกหู้ซานเหนียงสังหารไปแล้ว
เย่ชิงเข้าค่ายมาพบกับฉยงอิง เห็นนายหญิงเติบใหญ่แล้ว แม้เป็นหญิงก็มีท่วงทีองอาจห้าวหาญสมเป็นขุนศึก ฉยงอิงก็จำเย่ชิงได้ จึงสั่งทหารอื่นให้หลบออกไปก่อน เหลือตนตามลำพังกับเย่ชิง จึงกล่าวกับเย่ชิงว่า
“วันนี้แม้ข้าจะออกมาพ้นถ้ำเสือ มีทหารในมือห้าพัน แต่แค้นของพ่อแม่ยังไม่ได้ชำระ อีกทั้งหากคิดจะหนี คงถูกตามล่า ข้ายังลังเลอยู่ ดีที่มาพบท่าน”
เย่ชิงว่า “ข้าน้อยยังคิดหาหนทางที่ดีไม่ได้ คงต้องรอโอกาส ไว้คิดได้แล้วจะเรียนแก่ท่าน”
พลันมีทหารมารายงานว่า ทหารฝ่ายใต้ไล่ตามมาถึงแล้ว ฉยงอิงจึงสวมเกราะขึ้นม้าเตรียมออกรับศึก
ตอนก่อนหน้า : มังกรดั้นเมฆรับศิษย์
https://www.blockdit.com/posts/67d7fba5d3ee6dea0200656b
ตอนถัดไป : บุพเพสันนิวาส
https://www.blockdit.com/posts/67dd3c77352f3eb9d71be1a7
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย