นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในด้านลบ จนเป็นที่มาของการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศ ในวันเสาร์ที่ 5 เมษายน 2568 มีการชุมนุมมากกว่า 1,000 ครั้งทั่วสหรัฐอเมริกา ฝูงชนต่างตะโกนคำขวัญต่อต้านทรัมป์โดยใช้คำขวัญรณรงค์ที่ว่า 'Hands Off!' และถือป้ายวิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างประเทศ ท่าทีด้านสิ่งแวดล้อม และถ้อยคำที่ขัดแย้งต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ป้ายที่มีข้อความ เช่น
"อย่ายุ่งกับประชาธิปไตยของเรา"
"เลือกตัวตลก คาดหวังการแสดงละครสัตว์"
"RIP America"
"ลัทธิฟาสซิสต์ไม่มีที่ยืนที่นี่"
"สหรัฐอเมริกาไม่มีกษัตริย์"
"ไม่มีใครเลือกอีลอน มัสก์"
"อย่ายุ่งกับระบบประกันสังคม เมดิแคร์ โรงเรียนของเรา และพันธมิตรของเรา"
"อย่ายุ่งกับยูเครน ซูดาน ปาเลสไตน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และเฮติ"
“ยุติการแย่งชิงอำนาจของเหล่ามหาเศรษฐี”
.
การชุมนุมประท้วงการใช้อำนาจบริหารที่ไม่ชอบธรรมของรัฐบาลทรัมป์ เริ่มต้นการเคลื่อนไหวโดย “กลุ่ม 50501” ผ่านโซเชียลมีเดีย การรวมตัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการโพสต์ลงบน Reddit ก่อนที่จะได้รับการสนับสนุนจากองค์กรนักเคลื่อนไหวที่มีชื่อเสียง ชื่อ "50501" ย่อมาจาก "50 protests. 50 states. 1 day" การประท้วงดังกล่าวเน้นย้ำถึงการเรียกร้องของการเคลื่อนไหวให้ชนชั้นแรงงานอเมริกันลุกขึ้นต่อต้านสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็นการกัดเซาะ "สถาบันประชาธิปไตย เสรีภาพพลเมือง และหลักนิติธรรม"
.
พวกเขาวิจารณ์ว่า "โดนัลด์ ทรัมป์และอีลอน มัสก์คิดว่าประเทศนี้เป็นของพวกเขา” ปัจจุบันขบวนการ 50501 มีสมาชิกมากกว่า 246,000 ราย และมีผู้คนมากกว่า 600,000 คน ร่วมลงทะเบียนกิจกรรมเดินขบวนต่อต้านทรัมป์ และอีลอน มัสก์
.
ผู้คนบนถนนเต็มไปด้วยความโกรธ และเกลียดชังประธานาธิบดีทรัมป์ และพันธมิตรอีลอน มัสก์ การใช้อำนาจเกินขอบเขตด้วยการพยายามไล่ข้าราชการออก เนรเทศผู้อพยพ และเพิกถอนสิทธิของคนข้ามเพศ ได้เข้าสู่จุดเดือดเมื่อมาตรการภาษีสร้างความหวั่นวิตกไปทั่วโลก การประท้วงได้ลุกลามขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วผ่าน "#50501" จนเกิดกิจกรรมเดินขบวนประท้วงในเมืองใหญ่ๆ หลายประเทศ เช่น ลอนดอนและปารีส
.
แม็กซ์เวลล์ ฟรอสต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งรัฐฟลอริดา เรียกสถานการณ์ทางการเมืองอเมริกาในปัจจุบันว่าเป็น “การเพิ่มขึ้นอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมของอำนาจนิยม...”
.
“รัฐบาลทรัมป์กำลังทำลายบริการสาธารณะในประเทศนี้อย่างสิ้นเชิง...” แรนดี เออร์วิน ประธานสหพันธ์พนักงานรัฐบาลแห่งชาติ กล่าว.
ที่มา :