15 เม.ย. เวลา 14:39 • ครอบครัว & เด็ก

เหล้าองุ่นใหม่

ยากอบ 1:5 TH1971
[5] ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ
ผมขอแล้วครับกับชีวิตใหม่ที่มีความเชื่อวางใจเพียงในพระเจ้าพระเยซู จึงคิดต่อไปว่าช่วงนี้พระเจ้าก็ส่งผู้ปกครองมาเผยแพร่ที่พังงาและผ่านทางผมกับครอบครัวที่นี่ก็ได้เห็นถึงการจัดเตรียมของพระเจ้าทั้งคนเข้าร่วมกับการเลี้ยงดูพวกเขาและเราด้วยครับ ก็ได้อิ่มกันถ้วนหน้าทั้งร่างกายจิตวิญญาณ
พรุ่งนี้พระเจ้าจะพาเราไปเผยแพร่กับชาวมอรแกน ส่วนภรรยาพระวิญญาณฯพาไปพบกับแม่ของซิสเตอร์ที่ภูเก็ตแถวหาดป่าตอง ไม่ให้ไปพบกับคนที่ตั้งใจไว้แต่แรก ช่วงบ่ายได้ไปพบกับลุงคนหนึ่งแถวเรือต.ซึ่งมารซาตานก็ยังจับไว้แน่นไม่ปล่อย พวกเราก็คุยกับเขามาหลายครั้งแล้วครับ ทำให้นึกถึงโมเสสเข้าเฝ้าฟาโรห์เพื่อขอให้ปล่อยชาวอิสราเอลเลยครับ
"ฉันเป็นคนบาป แต่ก็อธิษฐานสารภาพกับพระเจ้าอยู่เสมอ" และมองคนที่พูดว่า"ฉันสะอาดชอบธรรมบริสุทธิ์สมบูรณ์เป็นนิตย์" เป็นคนเย่อหยิ่ง และตัวเองเป็นคนถ่อมใจที่บอกตัวเองนั้นคือคนบาป!
แต่ไม่สนใจว่าพระเจ้าคิดเห็นอย่างไร? ใช่เป็นความจริงว่ามนุษย์ได้กลายเป็นคนบาปนับตั้งแต่วันที่ต้นตระกูลมนุษย์ได้ทำผิดต่อพระเจ้า นั่นเป็นเหตุทำให้พระเจ้าทอดทิ้งมนุษย์ แต่หลังจากที่พระเจ้าได้ส่งพระเยซูลงมาตายไถ่บาป มนุษย์จึงได้พ้นบาปผิดกลับกลายมาเป็นผู้บริสุทธิ์ชอบธรรม กลับมาเป็นลูกพระเจ้าได้อีกครั้ง ได้กลับมาเป็นคนของพระเจ้าหรือคริสตจักรบนโลกนี้นั่นเองครับ เหมือนจากนักโทษประหารได้รับการอภัยโทษจากกษัตริย์ให้พ้นผิดทั้งหมดเลยประมาณนั้น
จากชีวิตที่เชื่อแต่มารซาตานก็กลับมาเชื่อพระเจ้าอีกครั้ง คือกลับมาเชื่อพระคำหรือคริสตจักร แต่เพราะยังอยู่บนโลกแห่งบาปยังมีมารซาตานที่คอยล่อลวงอยู่ตลอดเวลา แต่ความจริงที่มนุษย์ได้รับการไถ่ออกจากความบาปโดยการตายของพระเยซูแล้ว บริสุทธิ์ชอบธรรมแล้วก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงครับ
แต่มารซาตานก็ยังคงพยายามล่อลวงมนุษย์อยู่เรื่อยๆ ว่าเป็นคนบาป คอยกล่าวโทษปรักปรำเพื่อจะฆ่าทำลาย หลายคนจึงต้องสารภาพบาปผิดหรือขอโทษกับพระเจ้าบ่อยๆ เพราะไม่รู้ถึงการทำงานของพระเจ้าอย่างชัดเจน ก่อนได้มารู้จักพระเจ้าก็ใช้วิธีทำบุญหรือทำดีลบล้างบาป พอได้มารู้จักพระเจ้าก็ทำดีเพื่อลบล้างเหมือนเดิมแต่มีสารภาพขอโทษกับพระเจ้าเพิ่มเข้ามาเมื่อรู้สึกว่าตนทำผิดพลาด
แต่ผู้ที่คอยหลอกหรือพาทำแบบนั้นก็คือมารซาตาน ความจริงพระเจ้าอยากให้เลิกสนใจเลยกับตัวเองทำอะไร แต่หันมาสนใจว่าพระเจ้ากำลังทำอะไร เพราะตอนนี้มีเพียงพระเจ้าพระเยซูเท่านั้นที่กำลังทำงานผ่านร่างกายหรือคริสตจักรนี้ครับ
กับสิ่งที่มันกำลังปรากฏออกมาให้เห็นดีบ้างร้ายบ้างในความรู้สึก แต่ไม่ใช่ความจริงกับอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ แต่ความจริงก็คือพระคำพระเจ้าว่าอย่างไร ถ้าไม่จบที่ตรงนี้ ชีวิตก็ยังเป็นปัญหาเหมือนคนที่ยังเชื่อว่าตัวเองเป็นคนบาปและยังพยายามจะเป็นคนดี ยังพยายามที่จะควบคุมตนเอง เพราะยังไม่ได้ปล่อยให้พระเจ้ารับผิดชอบชีวิตแบบนี้ครับ
กับลุงคนที่ผมไปเจอมาที่เรือต.เขาหลัก การเชื่อพระเจ้าของเขาจึงกลับกลายเป็นทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกับพระเจ้าครับ กลายเป็นกำลังต่อต้านพระเจ้าไปโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้สึก เขาบอกว่าสบายใจที่ได้สารภาพบาปผิดขอโทษกับพระเจ้าตอนที่คิดหรือทำเรื่องไม่ดีออกมา ความจริงก็แค่เปลี่ยนศาสนา เพราะยังคงเชื่อความคิดที่มารซาตานล่อลวงอยู่เหมือนเดิม คนที่กำลังเชื่อพระเจ้าแบบนี้ในประเทศไทยมีเยอะมากครับ
มนุษย์ถ้ายังคงสนใจหรือมีชีวิตอยู่กับตัวเองคือกำลังใช้ชีวิตอยู่กับมารซาตาน แต่ถ้าสนใจกับพระเจ้าก็คือสนใจพระคำกำลังว่าอย่างไร ถ้าดูจากพระคำตอนนี้
ยอห์น 2:1-11 TH1971
[1] วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และมารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น [2] พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้น [3] เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูทูลพระองค์ว่า <<เขาไม่มีเหล้าองุ่น>> [4] พระเยซูตรัสกับนางว่า <<หญิงเอ๋ย ให้เป็นธุระของข้าพเจ้าเถิด เวลาของข้าพเจ้ายังมาไม่ถึง>>
[5] มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า <<จงกระทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด>> [6] มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบตามธรรมเนียมการชำระของพวกยิว จุน้ำโอ่งละสี่ห้าถัง [7] พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า <<จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด>> และเขาก็ตักน้ำเต็มโอ่งเสมอปาก [8] แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า <<จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด>> เขาก็เอาไปให้
[9] เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา [10] และพูดกับเขาว่า <<ใครๆเขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้>>
[11] นี่เป็นการกระทำอันเป็นหมายสำคัญครั้งแรกของพระเยซู ทรงกระทำที่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และได้ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์ และสาวกของพระองค์ก็ได้วางใจในพระองค์
เหล้าองุ่นหมดหรือเบื่อแล้วหรือยังกับความสุขที่ได้รับจากโลกนี้ กับคนที่เบื่อแล้วก็จะมีโอกาสได้สัมผัสกับเหล้าองุ่นจากพระเยซูครับ
ผมมองน้ำเปล่าที่พระเยซูบอกให้คนใช้ตักใส่ตุ่มหกใบให้เต็มกำลังหมายถึงพระคำจากคริสตจักรที่สอนให้กับสมาชิกครับ ถึงเวลาหนึ่งพระคำเหล่านั้นมันสามารถให้ชีวิตใหม่กับคนอื่นได้เมื่อออกไปเผยแพร่ข่าวประเสริฐ
ตอนที่ฟังอาจไม่ได้รู้สึกว่าพระคำจากตนนั้นมีฤทธิ์อำนาจอะไรเหมือนคนใช้ที่เอาน้ำเปล่าไปเติมใส่ตุ่มให้เต็ม แต่ตอนที่เอาออกไปเสริฟ น้ำเปล่ากลับกลายเป็นเหล้าองุ่นอย่างดี จนคนกินก็งงว่าทำไมเอาเหล้าอย่างดีเก็บไว้จนป่านนี้ ปกติก็ต้องเอาออกมาให้แขกกินก่อน พอแขกเมาแล้วค่อยเอาเหล้าชนิดเลวออกมาให้กินก็ไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้มันกลับกัน?
ผมกำลังได้คิดผ่านพระคำตอนนี้แบบนี้ครับ พระเจ้าก็ให้ผมได้ใช้ชีวิตอยู่กับการมีความสุขความหวังกับโลกวัตถุมานานแล้วนับตั้งแต่เกิด จนมาวันนึงวันที่ผมเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตบนโลกวัตถุนี้จนขนาดคิดฆ่าตัวตายหนี ก็เหมือนเหล้าองุ่นในงานได้หมดลงแบบนี้ครับ แล้วผมก็ได้มาพบกับความสุขแท้ในพระเยซู เหมือนกับแขกที่ได้กินเหล้าองุ่นใหม่
กับคนใช้ที่ตักน้ำเปล่าใส่ตุ่มตามคำสั่งพระเยซู พวกเขาจึงให้คำพยานกับที่มาของเหล้าองุ่นใหม่นี้ครับ ตรงนี้ผมมองตัวผมเองมันเหมือนกับตุ่มที่ว่างเปล่าและคนใช้กำลังพูดถึงคริสตจักรหรือผู้รับใช้ที่คอยให้พระคำกับผมเหมือนคนใช้ที่คอยตักน้ำเปล่าเติมใส่ตุ่มหกใบให้เต็มครับ
กับภาพของคนใช้ที่เอาน้ำในตุ่มไปเสริฟให้แขก ตรงนี้ผมมองเป็นตัวผมหรือคริสตจักรที่ถูกพระเจ้าใช้ออกไปเผยแพร่แล้วก็ได้เห็นว่ากับพระคำที่ผมประกาศสั่งสอนออกไป มันมีฤทธิ์อำนาจช่วยชำระล้างความผิดบาปออกจากใจของผู้คนได้ด้วยครับ เหมือนได้เห็นน้ำกลายเป็นเหล้าองุ่นได้แบบนี้ครับ
จากน้ำเปล่าเปลี่ยนมาเป็นเหล้าองุ่น จากคนบาปกลายมาเป็นคนชอบธรรม จากคนที่ใช้ชีวิตมีแต่เพื่อตัวเองกลายมาเป็นใช้ชีวิตเพื่อผู้อื่น พระเยซูทำให้เกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้นแบบนี้ในชีวิตผมครับ
โฆษณา