25 เม.ย. เวลา 11:11 • ประวัติศาสตร์

"โคโค่ ชาแนล" ลูซิเฟอร์แห่งโลกแฟชั่น

“โคโค่ ชาเนล” ให้นิยามตัวเองว่าเธอคือผู้หญิงหัวขบถที่ไม่ยอมถูกกักขังด้วยกรอบความคิดและกฎเกณฑ์ทางสังคม เธอคือลูซิเฟอร์ตัวจริงในโลกแฟชั่น ที่มีทั้งความเข้มแข็ง สง่างาม แต่ก็มีด้านมืด
เป็นที่รู้กันว่า “โคโค่ ชาแนล” แทบไม่เคยเปิดเผยเรื่องราววัยเด็กของเธอ เมื่อต้องพูดถึงมันเธอก็มักจะเลือกเปิดเผยอย่างระมัดระวังและลดทอนหรือปรับเปลี่ยนเรื่องราวเสียใหม่ ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าเธอเลือกปกปิดมันเพื่อสร้างอำนาจจากความสงสัยใคร่รู้ หรือเพราะต้องการปกปิดชีวิตวัยเยาว์ที่ไม่ได้สวยหรู
เธอบอกเพียงว่า “My life didn’t please me, so I created my life.” นั่นก็คือเธอเลือกนำเสนอภาพลักษณ์จากการเลือกเป็นในสิ่งที่เธอต้องการจะเป็น แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองถูกกำหนดโดยอดีต
ชาแนลมีชื่อเดิมคือ กาเบรียล โบนูร์ ชาแนล (Gabrielle Bonheur Chanel) เธอเกิดในครอบครัวยากจน มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน พ่อเป็นพ่อค้าเร่ในตลาด ส่วนแม่มีอาชีพรับจ้างซักผ้า ชาแนลมักบอกกับผู้คนว่าแม่เสียชีวิตขณะที่เธออายุเพียง 6 ขวบ จากนั้นพ่อส่งเธอและพี่สาวไปอยู่กับญาติ ก่อนที่พ่อจะเดินทางไปแสวงโชคที่สหรัฐอเมริกาและไม่เคยกลับมา
แต่ข้อเท็จจริงแล้วขณะที่สูญเสียแม่ ชาแนลมีอายุ 11 ปี จากนั้นพ่อส่งเธอและพี่สาวไปอยู่คอนแวนต์ สถานรับเลี้ยงดูเด็กกำพร้าในที่ห่างไกลที่ชื่อออบาซีน (Aubazine) ส่วนพ่อของเธอก็ไม่ได้เดินทางไปแสวงโชคที่อเมริกา แต่มีคนพบเห็นว่าเขายังเตร็ดเตร่ไปทั่วตลาดในกรุงปารีสและยังคงดื่มหนักเช่นเดิม
คอนแวนต์แห่งนั้น เป็นจุดเริ่มที่ต้นทำให้ชาแนลเรียนรู้วิธีตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งกลายมาเป็นพื้นฐานของอาชีพในอนาคต รวมถึงแนวคิดในการใช้ชีวิตที่เธอเรียนรู้ว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชาย แตกต่างไปจากค่านิยมในยุคนั้น
แม้ว่าต่อมาชาแนลจะมีความสัมพันธ์กับชายที่ร่ำรวย แต่เธอไม่ได้เป็นเพียงผู้หญิงที่พึ่งพาเงินของพวกเขา ตรงกันข้าม เธอใช้โอกาสจากความสัมพันธ์เหล่านั้นเพื่อขยายธุรกิจของตัวเอง
(ซ้าย)ผลงานในช่วงปีแรกเชื่อว่ามีแรงบันดาลใจจากชีวิตในคอนแวนต์ที่เธอเคยอาศัย ชุดเดรสดำ-ขาวเรียบง่ายแบบชุดแม่ชีและสร้อยลูกประคำ(Sosary)สำหรับใช้ในพิธีสวดมนต์ของโรมันคาทอลิก (ขวา) หน้าต่างกระจกสีในออบาซีน คอนแวนต์ คล้ายสัญลักษณ์ดับเบิ้ล C โลโก้แบรนด์ชาแนล
หลังออกจากคอนแวนต์ เมื่ออายุได้ 18 ปี เธอไปอาศัยในเมืองเล็กๆที่ชื่อมูล็อง (Moulins) และเริ่มต้นทำงานเป็นนักร้องในคาบาเร่ต์เล็กๆ ช่วงนี้เองที่เธอเป็นที่รู้จักในชื่อ “โคโค่”
เธอเคยบอกว่าชื่อนี้มีที่มาจากพ่อที่มักเรียกเธอว่า “ Mon petit Coco” หรือ ที่รักตัวน้อยของฉัน แต่เชื่อกันว่าความจริงแล้วมันมาจากเพลงที่เธอมักร้องชื่อ "Qui qu’a vu Coco?" และลูกค้าก็เริ่มเรียกชื่อเธอว่า "Coco" ตามเพลงนั้น
ระหว่างทำงานในคาบาเร่ต์ ชาแนลได้พบกับชายคนแรก “อีเธียน บัลซอง” (Etienne Balsan) ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งที่นำพาชาแนลไปรู้จักกับชีวิตหรูหราและสังคมชนชั้นสูง เธอย้ายไปอยู่อาศัยในชาโตว์ของบัลซอง ที่ปารีส แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนรัก ชาแนลอยู่ในฐานะหนึ่งในบรรดาคู่ควงหรือ Mistress ของบัลซอง ซึ่งในยุคนั้นเป็นเรื่องปกติที่ชายร่ำรวยจากชนชั้นสูงมักคบหาเลี้ยงดูหญิงสาวมากหน้าหลายตา นอกเหนือไปจากภรรยาตามกฎหมาย
มีการตั้งข้อสงสัยถึงความเป็นไปได้ว่าชาแนลอาจตั้งครรภ์กับบัลซอง แต่แท้งไปเสียก่อน และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สามารถมีลูกได้ในเวลาต่อมา หรือแม้กระทั่งทฤษฎีที่เชื่อว่าแท้จริงแล้ว “อองเดร ปาลาสส์” (Andre Palasse) เด็กชายที่ชาแนลรักดั่งลูกชายและพกรูปถ่ายของเขาติดตัวอยู่เสมอ อาจไม่ใช่ลูกของพี่สาวที่เสียชีวิตไปแล้วอย่างที่เธอบอกใครต่อใคร แต่เป็นลูกชายแท้ๆ ของเธอเอง นี่เป็นอีกหนึ่งความลับเกี่ยวกับชาแนลที่เราไม่อาจรู้
โคโค่ ชาแนลและอีเธียน บัลซอง ที่ชาโตว์ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส
ระหว่างคบหากับบัลซอง ชาแนลมีโอกาสได้พบกับ “อาเธอร์ บอย คาเปล” (Arthur Boy Capel) นักกีฬาโปโลและนักธุรกิจหนุ่มรูปงามจากอังกฤษ เธอตกหลุมรักเขาทันทีตั้งแต่แรกเห็น “คาเปล” เป็นรักแท้และรักเดียวที่ชาแนลไม่เคยลืม
ส่วนคาเปลก็เป็นทั้งผู้สนับสนุนทางการเงินและเป็นแรงบันดาลใจในผลงานทางแฟชั่น เขาให้เงินทุนแก่ชาแนลเริ่มต้นธุรกิจทำหมวกเล็กๆ ในปี 1910 ชื่อ "Chanel Modes" ที่ถนน Cambon ในปารีส แต่ต้องหยุดชะงักเนื่องจากภาวะสงคราม
ทั้งคู่หลบหนีภัยสงครามไปอยู่ที่ "โดวิลล์" (Deauville) เมืองตากอากาศหรูหราในแคว้นนอร์มังดี ที่นั่นเต็มไปด้วยชนชั้นสูงและนักท่องเที่ยวผู้ร่ำรวย และแน่นอนว่าชาแนลมองเห็นลู่ทางทำเงินจากพวกเขาเหล่านั้น
ต่อมาในปี 1913 “คาเปล” สนับสนุนด้านการเงินแก่เธออีกครั้งในการเปิดร้านขายเครื่องแต่งกาย โดยเน้นการออกแบบเสื้อผ้าที่สวมใส่สะดวกสบายและใช้งานได้จริง เช่น เสื้อเชิ้ตแขนยาว และหมวกที่มีความเรียบง่ายแต่ทันสมัย
Image Credit : Getty Images. โคโค่ ชาแนล และ อาเธอร์ บอย คาเปล ที่ Saint Jean de Luz ในฝรั่งเศส ขณะหนีภัยสงครามจากกรุงปารีส เมื่อปี 1917
ผลงานแฟชั่นของชาแนลเสมือนการปฏิวัติสังคม ปลดปล่อยผู้หญิงออกจากกรอบเดิมๆ ที่เคยสวมใส่คอร์เส็ทและกระโปรงทรงสุ่ม ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายที่เข้มงวดและจำกัดความสะดวกสบายของผู้หญิงในยุคนั้นไปสู่ความเป็นอิสระ ชาแนลเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “Create new shape” เพราะผู้หญิงทุกคนมีรูปร่างแตกต่างกัน ร้านของเธอได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์
ขณะที่ความรักของเธอกับคาเปลกลับไม่ประสบความสำเร็จ “คาเปล” แต่งงานกับผู้หญิงอื่นในชนชั้นสังคมเดียวกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขายังดำเนินต่อไปเช่นเดิม จนกระทั่งคาเปลเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1919 สร้างความโศกเศร้าแก่ชาแนลอย่างมาก เธอกล่าวว่าการสูญเสียคาเปลทำให้เธอสูญเสียความสุขไปตลอดกาล
หลังเหตุการณ์ครั้งนั้นชาแนลออกแบบเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นใหม่โดยใช้สีดำทั้งหมด ประหนึ่งว่าผู้คนที่สวมใส่มันร่วมไว้อาลัยไปกับเธอด้วย
โคโค่ ชาแนลและอาเธอร์ บอย คาเปล
“โคโค่ ชาแนล” ก้าวขึ้นมาเป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย ในยุคที่การสร้างสรรค์ศิลปะเฟื่องฟู เธออุปถัมภ์ด้านการเงินแก่ศิลปินสมัยใหม่หลายคนในการสร้างผลงาน ไม่ว่าจะเป็น Pablo Picasso, Pierre Reverd นักเขียนชาวฝรั่งเศส รวมไปถึงศิลปินจากรัสเซียที่หลบหนีการปฏิวัติเมื่อปี 1920 มาอาศัยในปารีส เธอแลกเปลี่ยนและนำความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจสร้างผลงานแฟชั่น
ชื่อเสียงของชาแนลเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อเธอคบหากับดยุคแห่งเวสต์มินสเตอร์ (Duke of Westminster) ชายที่ร่ำรวยที่สุดในยุโรปขณะนั้น ทั้งคู่พบกันในปี 1923 ขณะที่ชาแนลมีอายุ 40 ปี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ส่งอิทธิพลต่อกันอย่างมาก เขายกฐานะทางสังคมของชาแนลสู่แวดวงชนชั้นสูงในอังกฤษและยุโรป และเป็นผู้แนะนำให้เธอรู้จักกับ วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่แห่งอังกฤษ
แต่ความสัมพันธ์ฉันคนรักของทั้งคู่ต้องจบลง เมื่อดยุคแห่งเวสมินเตอร์หันไปแต่งงานกับ “Loelia Ponsohby” เจ้าสาวที่อายุน้อยกว่าและสามารถให้บุตรสืบสกุลแก่เขาได้ เหลือไว้เพียงความความสัมพันธ์ฉันเพื่อน และชาแนลก็เป็นผู้ออกแบบชุดแต่งงานให้กับเจ้าสาวของดยุคด้วยตัวเอง
Image Credit : Getty Images. โคโค่ ชาแนล กับ วินสตัน เชอร์ชิล (ขวา) และบุตรชาย(ซ้าย) ขณะร่วมกิจกรรมล่าสัตว์ที่จัดโดยดยุคแห่งเวสมินเตอร์ในเมืองมิมิซอง ตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส,1928.
ชาแนลไม่ได้มีบทบาทแค่ในโลกแฟชั่น แต่ยังพัวพันไปถึงการเมืองในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่ฝรั่งเศสอยู่ภายใต้การยึดครองของเยอรมนี ชาแนลได้คบหากับ Baron Von Dincklage หรือรู้จักในชื่อ Spatz ชายหนุ่มผู้มีมารยาทนุ่มนวลแบบชนชั้นสูง พูดจาได้หลายภาษาและร่ำรวยอารมณ์ขันแบบคนอังกฤษ เป็นผู้ชายในแบบที่เธอหลงใหล และนั่นทำให้ชาแนลแพ้ทางให้แก่ Spatz
ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่าเขาคือสายลับของนาซีในฝรั่งเศสที่ต้องการหลอกใช้ชาแนลเป็นคนกลางติดต่อกับ วินสตัน เชอร์ชิล เพื่อเจรจาสันติภาพลับกับอังกฤษเมื่อเยอรมนีเริ่มเพลี่ยงพล้ำในสงคราม
อีกด้านผู้คนกลับเชื่อว่าเหตุผลที่เธอเอาตัวเข้าไปพัวพันกับสายลับนาซีก็เพื่อช่วยเหลือ“อองเดร ปาลาสส์” บุตรชายบุญธรรมที่ถูกกักขังในค่ายเยอรมนี ณ ขณะนั้น แม้ภารกิจจะล้มเหลว แต่ภายหลังสงครามชาแนลถูกตั้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวชั่วคราวก่อนถูกปล่อยตัวภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผู้คนเชื่อว่า วินสตัน เชอร์ชิล เพื่อนเก่าของเธอคือคนช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
จากนั้นเธอหลบหนีไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์นานหลายปีก่อนกลับมาปารีสในปี 1954
Image Credit : AFP via Getty Images. โคโค่ ชาแนล ในปี 1944 ที่อพาร์ทเม้นในกรุงปารีส ก่อนหลบหนีไปสวิสเซอร์แลนด์
แต่มนุษย์ไม่ได้มีแค่ด้านสว่าง ชาแนลเคยถูกตั้งคำถามว่า เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาและข้อจำกัดในยุคที่ชายเป็นใหญ่ หรือเธอคือผู้ที่หันหลังให้ศีลธรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว จากกรณีการต่อสู้เพื่อยึดกิจการน้ำหอม Chanel No. 5 ในช่วงนาซียึดครองฝรั่งเศส
ย้อนกลับไปในปี 1924 ชาแนลได้ทำข้อตกลงกับปิแอร์และพอล เวิร์ทไฮเมอร์ สองพี่น้องนักธุรกิจชาวยิว ภายใต้ข้อตกลงว่าเวิร์ทไฮเมอร์ถือหุ้น 70% ของบริษัท Parfums Chanel เป็นผู้ลงทุนและบริหารการจำหน่ายน้ำหอม ส่วนชาแนลถือหุ้นเพียง 10% และได้รับผลตอบแทนจากยอดขาย ส่วนอีก 20% เป็นของห้างและคนกลาง
Chanel No. 5 กลายเป็นสินค้าขายดี ส่วนชาแนลก็รู้สึกว่าเธอถูกโกงไปจากสิ่งที่ตัวเองเป็นผู้สร้าง เธอใช้โอกาสจากกฎหมายต่อต้านชาวยิวของนาซีในขณะนั้นขอยึดกิจการ แต่ด้วยไหวพริบอันชาญฉลาดของครอบครัวเวิร์ทไฮเมอร์ คำร้องของเธอจึงล้มเหลว
“โคโค่ ชาแนล” คือสัญลักษณ์ของความทะเยอทะยานและการไม่ยอมแพ้ เหตุผลของเธอลึกซึ้งกว่าการแสวงหาความร่ำรวยทางการเงินหรือความหรูหราเพียงอย่างเดียว แต่มันเกิดจากความเชื่อที่ว่า จะไม่มีอิสรภาพใด ๆ หากปราศจากอิสรภาพทางการเงิน
Image Credit : Sharok Hatami/Shutterstock. โคโค่ ชาแนล ในอาพาร์ทเม้นที่กรุงปารีส ปี 1964
ชาแนลเสียชีวิตในปี 1971 ที่โรงแรม Ritz ในกรุงปารีส ในวัย 87 ปี หลุมฝังศพของเธอเรียบง่าย ตั้งอยู่ในสุสานที่เงียบสงบในเมืองโลซานน์สวิสเซอร์แลนด์ ตามคำขอ และแม้แต่หลุมฝังศพเธอก็ออกแบบมันไว้แล้วล่วงหน้าในสิ่งที่เธอต้องการจะเป็น.
โฆษณา