21 เม.ย. เวลา 14:22 • ไลฟ์สไตล์
มันมีโจรประเภทหนึ่ง ที่มองไม่เห็น ..ขโมยจิตเราไป .เอาเรื่องการ สวดมนต์ก็ได้ ..สมมุติ ว่า เรานั่งสวดๆ ไป ..สวดไป ..อารมณ์นั้นก็มาขโขยจิต ไม่ให่มีสติสังขาร รู้สึกตัวว่ากำลังสวดมนต์ สติของจิตไม่ไม่รู้สึกตัวอยู่กับกาย ปากก็สวดไปตามความเคยชิน แต่จิตนั้นถูกโจรขโมยไป ไปไหนต่อไหน เพลิดเพลิน ..กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ..เอ้า ..สวดจบแล้วหรือ
..ยิ่งไปนั่งสวดมนต์เป็นหมู่คณะ บางคนก็หลับโงกเงกๆ พระท่านบอกเราว่า โจระจิต ..ขโมยจิตเราไป ..ไม่อยู่กับตัว เป็นมากก็หลับ .อุตส่าห์มานั่งสวดมนต์ สติสัมปชัญญะ ไม่รู้สึกตัว ว่ากำลังสวด เวลาที่สวดก็เหมือนหายไป เหมือนกล้องเค้า บันทึกเวลาสวดมนต์ กล้องก็ส่อง ไปที่จิต ..เวลาก็เดินไป ..พอจิตถูกขโมยไปอยู่กับอารมณ์ ..ภาพที่บันทึก ว่าสวดมนต์มันก็ไม่มี ยิ่งนั่งหลับ ก็ไม่มีภาพการสวดมนต์ ไปตามเวลา ที่กล้องบันทึก ภาพสวดมนต์ไม่มี เวลาที่สวดมนต์ ก็ถูกโจระจิต ..ขโมยเวลาไป
แม้แต่การนั่งปฏิบัติธรรมภาวนา ..ก็ถูกโจรจิต..ขโมยจิตไป ..
ในชีวิตประจำวัน มันกมีภาระ ถึงเวลา ที่จะต้องทำอะไร ตามที่ตั้งใจ ว่าเวลานั่นเวลานี้ จะทำอะไร ..บางที่ก็เผลอไปดู ไปเล่นเกม..ไปฟังเพลง คุยคนนั้นคนนี้ จนล่วงเลยเวลา ..ที่ตั้งใจไว้ ว่า จะทำนั้นนี่ ..เวลาที่จะทำก็เหลือลดน้อยลงไป ไม่เป็นไปตามกำหนดเวลา ..ที่ว่า ถึงเวลาสมควรทำในสิ่งที่ควรทำ กลับไม่ทำ ..เวลานั้นถูกขโมยไป
หลายเรื่องราวในชีวิต ที่ถูกขโมยขโจร ขโมยเวลา ก็ไอ้ตัวขี้เกียจ .มันคอยจะบอก ว่า..รู้แล้วน่า ..เดี๋ยวก่อน ค่อยทำ ....เบื้องหลังอารมณ์ที่พูด ..นั่นมันตัวขี้เกียจขี้คร้าน .. หากเป็นวัวควายในคอก ..ไอ้ตัวสุดท้ายสุด ตัวอื่นเดินออกจากคอกไปนาน ไอ้ตัวขี้เกียจตัวสุดท้าย กว่าจะลุก กว่าจะยืนขึ้มมาได้ ก็เชื่องช้า ยืดยาด .ต้องบิดขี้เกียจ ..เสียนาน ถึงจะออกไปหาหญ้า กินได้
โฆษณา