26 เม.ย. เวลา 03:00 • สุขภาพ

คุมความดัน ป้องกันสมองเสื่อม เคล็ดลับสุขภาพดีที่ทุกคนทำได้

ตอนนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาผู้ป่วยสมองเสื่อมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ คาดการณ์กันว่าภายในปี ค.ศ. 2050 หรืออีกประมาณ 25 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ป่วยอาจพุ่งสูงถึงกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก น่าใจหายใช่ไหมครับ แต่ข่าวดีก็คือ มีงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ให้ความหวังกับเรา เผยว่า การรักษาและควบคุมความดันโลหิตสูงอย่างจริงจัง สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้อย่างมีนัยสำคัญ
บทความนี้ ผมจะพาทุกท่านไปเจาะลึกงานวิจัยชิ้นนี้ พร้อมทั้งไขข้อข้องใจว่าการดูแลความดันของเรา จะช่วยปกป้องสมองได้อย่างไรบ้างครับ
ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า "ความดันโลหิตสูง" (Hypertension) คืออะไรกันแน่ พูดง่ายๆ ก็คือภาวะที่หัวใจของเราต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้มีแรงดันในหลอดเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งภาวะนี้มักไม่มีอาการแสดงชัดเจนในช่วงแรกๆ ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าเป็น จนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงตามมา เช่น โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบ (Stroke)
แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่ทราบ หรือมองข้ามไป คือความเชื่อมโยงระหว่างความดันโลหิตสูงกับสมองของเรา งานวิจัยก่อนหน้านี้พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า คนที่มีความดันโลหิตสูงโดยไม่ได้รับการรักษา มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมในอนาคตสูงกว่าคนที่มีความดันปกติถึง 42% นั่นเป็นตัวเลขที่สูงมากเลยนะครับ แสดงให้เห็นว่าความดันโลหิตที่สูงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองในระยะยาวได้
1
แม้จะพอมีข้อมูลเชื่อมโยงอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีการศึกษาขนาดใหญ่ที่พิสูจน์ชัดเจนว่าการ "รักษา" ความดันโลหิตสูงด้วยยา จะช่วยลดความเสี่ยงสมองเสื่อมได้โดยตรง จนกระทั่งมีงานวิจัยชิ้นสำคัญที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อดังอย่าง Nature Medicine
งานวิจัยนี้เป็นการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 (Phase 3 Clinical Trial) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสูงในการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ครับ เขาทำการศึกษาในผู้ป่วยชาวจีนในชนบทจำนวนเกือบ 34,000 คน ผู้เข้าร่วมทั้งหมดมีอายุ 40 ปีขึ้นไป และมีภาวะความดันโลหิตสูงที่ไม่เคยได้รับการรักษามาก่อน
นักวิจัยแบ่งผู้เข้าร่วมออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ครับ
กลุ่มทดลอง (Intervention Group): กลุ่มนี้มีประมาณ 17,400 คน ได้รับการดูแลอย่างเข้มข้น ประกอบด้วย การได้รับยาลดความดันโลหิต เพื่อควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย และการให้คำแนะนำและฝึกสอน (Health Coaching) โดยบุคลากรสาธารณสุขในชุมชน (ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือที่เราอาจเรียกว่า "หมออนามัย" หรือ อสม. ที่ได้รับการอบรม) เนื้อหาครอบคลุมเรื่องการวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน, การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (เช่น ลดน้ำหนัก, ลดเค็ม, ลดแอลกอฮอล์), และการกินยาให้สม่ำเสมอ
กลุ่มควบคุม (Usual Care Group): กลุ่มนี้ได้รับการดูแลตามมาตรฐานปกติ คือ ได้รับการอบรมเรื่องการจัดการความดันโลหิต และมีการวัดความดันในสถานพยาบาล
นักวิจัยติดตามผู้เข้าร่วมทั้งสองกลุ่มเป็นเวลานานถึง 48 เดือน หรือ 4 ปีเต็ม เพื่อดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ลดความดัน = ลดเสี่ยงสมองเสื่อม + ความคิดความจำดีขึ้น
1
ผลการศึกษาที่ออกมานั้นน่าสนใจและเป็นข่าวดีอย่างยิ่งครับ พบว่า
ควบคุมความดันได้ดีขึ้น กลุ่มทดลองที่ได้รับการดูแลอย่างเข้มข้น สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ดีกว่า และมีจำนวนผู้ที่ควบคุมความดันได้ถึงเป้าหมายมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างชัดเจน ของกลุ่มทดลอง (Intervention) ลดต่ำลงกว่ากลุ่มควบคุม (Usual care) ตลอดระยะเวลา 48 เดือน)
ลดความเสี่ยงสมองเสื่อม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การควบคุมความดันโลหิตอย่างเข้มข้นนี้ สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมจากทุกสาเหตุ (All-cause dementia) ได้ถึง 15%
ลดความเสี่ยงภาวะการรู้คิดบกพร่อง นอกจากนี้ ยังช่วย ลดความเสี่ยงของภาวะการรู้คิดบกพร่อง (Cognitive impairment) ที่ยังไม่ถึงขั้นสมองเสื่อม ได้อีก 16% ภาวะนี้หมายถึง ปัญหาด้านความคิด ความจำ การตัดสินใจ ที่เริ่มส่งผลต่อชีวิตประจำวัน แต่ยังไม่รุนแรงเท่าภาวะสมองเสื่อมเต็มขั้น
นี่ถือเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ชิ้นสำคัญที่ยืนยันว่า การจัดการกับความดันโลหิตสูงอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ดีต่อหัวใจ แต่ยังช่วยปกป้องสมองของเราจากภาวะสมองเสื่อมและความจำเสื่อมถอยได้จริง ๆ
จุดเด่นอีกอย่างของงานวิจัยนี้คือ การแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้มาจาก "ยา" เพียงอย่างเดียว แต่มาจากการดูแลแบบผสมผสาน ได้แก่
1. การใช้ยาที่เหมาะสม: เป็นหัวใจสำคัญในการลดระดับความดัน
2. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: การลดน้ำหนัก ลดเค็ม ลดแอลกอฮอล์ และอาจรวมถึงการออกกำลังกาย (แม้จะไม่ได้ระบุชัดในส่วนการแทรกแซง แต่มีการกล่าวถึงใน ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงสมองเสื่อม) ล้วนมีส่วนช่วยให้การควบคุมความดันดีขึ้น
1
3. การติดตามและให้กำลังใจ: การที่บุคลากรสาธารณสุขในชุมชนคอยให้คำแนะนำ สอนการวัดความดันที่บ้าน และกระตุ้นให้กินยาต่อเนื่อง ช่วยให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองได้ดีขึ้น นี่เป็นโมเดลที่น่าสนใจมาก เพราะแสดงให้เห็นว่าเราสามารถนำไปปรับใช้ในวงกว้างได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจเข้าถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ยาก
อย่างที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้นว่า ภาวะสมองเสื่อมเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น การค้นพบว่าการควบคุมความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและรักษาได้ สามารถช่วยลดความเสี่ยงนี้ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงถือเป็นความหวังครั้งใหม่
ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า แนวทางการรักษาและควบคุมความดันโลหิตสูงอย่างเข้มข้น ควรได้รับการนำไปปรับใช้และขยายผลในวงกว้าง เพื่อช่วยลดอุบัติการณ์และผลกระทบของภาวะสมองเสื่อมทั่วโลก มันเป็นเหมือนเครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งที่เราสามารถใช้ต่อสู้กับภาวะสมองเสื่อมได้ นอกเหนือไปจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอื่นๆ เช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ถึงเวลาใส่ใจ "ตัวเลขความดัน" เพื่อสุขภาพสมองแล้วหรือยัง?
เรื่องราวจากงานวิจัยนี้บอกเราชัดเจนครับว่า การใส่ใจดูแลความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ใช่แค่เรื่องไกลตัว หรือดีต่อหัวใจเท่านั้น แต่มันคือการลงทุนเพื่อสุขภาพสมองของเราในระยะยาวด้วย การควบคุมความดันโลหิตสูงอย่างจริงจัง ทั้งด้วยยา (หากจำเป็น) และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นกุญแจสำคัญดอกหนึ่งที่จะช่วยไขประตูสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี และห่างไกลจากภาวะสมองเสื่อมได้
อย่าปล่อยให้ภัยเงียบอย่างความดันโลหิตสูง มาทำลายสุขภาพสมองและคุณภาพชีวิตของเราในอนาคต การเริ่มต้นดูแลตั้งแต่วันนี้ ยังไม่สายเกินไปครับ
แหล่งอ้างอิง:
1. He, J., et al. (2025). Blood pressure reduction and all-cause dementia in people with uncontrolled hypertension: an open-label, blinded-endpoint, cluster-randomized trial. Nature Medicine. DOI: 10.1038/s41591-025-03616-8. (อ้างอิงข้อมูลหลักจากไฟล์ PDF ที่ให้มา Sources 1-16)
2. Medical Xpress. (2025, April 21). Getting treatment for high blood pressure may reduce chances of developing dementia. Retrieved April 22, 2025, from https://medicalxpress.com/news/2025-04-treatment-high-blood-pressure-chances.html
โฆษณา