23 เม.ย. เวลา 00:48 • ปรัชญา

พระคุณพระเจ้าทางรอดเดียวของมนุษย์

ยอห์น 8:1-11 TH1971
[1] แต่พระเยซูเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ [2] ในตอนเช้าตรู่พระองค์เสด็จเข้าในบริเวณพระวิหารอีก คนทั้งหลายพากันมาหาพระองค์ พระองค์ก็ประทับนั่งและเริ่มสั่งสอนเขา [3] พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี ได้พาผู้หญิงคนหนึ่งมา หญิงผู้นี้ถูกจับฐานล่วงประเวณี และเขาให้หญิงผู้นี้ยืนอยู่หน้าฝูงชน
[4] เขาทูลพระองค์ว่า <<พระอาจารย์เจ้าข้า หญิงคนนี้ถูกจับเมื่อกำลังล่วงประเวณีอยู่ [5] ในธรรมบัญญัตินั้นโมเสสสั่งให้เราเอาหินขว้างคนเช่นนี้ให้ตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้>> [6] เขาพูดอย่างนี้ เพื่อทดลองพระองค์หวังจะหาเหตุฟ้องพระองค์ แต่พระเยซูทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดิน
[7] และเมื่อพวกเขายังทูลถามอยู่เรื่อยๆ พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นตรัสตอบเขาว่า <<ผู้ใดในพวกท่านที่ไม่มีผิด ก็ให้ผู้นั้นเอาหินขว้างเขาก่อน>> [8] แล้วพระองค์ก็ทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดินอีก [9] แต่เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้น เขาทั้งหลายจึงออกไปทีละคนๆ เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ เหลือแต่พระเยซูตามลำพัง กับหญิงคนนั้นที่อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
[10] พระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสกับนางว่า <<หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเจ้าหรือ>> [11] นางนั้นทูลว่า <<พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย>> และพระเยซูตรัสว่า <<เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิดและอย่าทำผิดอีก>>]
ถ้าไม่มีพระเจ้าพระเยซู ผมคงเป็นคนนึงที่เลือกจะจบชีวิตของตัวเอง เพราะอยากจะหนีกับสภาพชีวิตบนโลกใบนี้ที่ต้องมาคอยปกป้องตัวเองยังไงให้อยู่รอดปลอดภัย อีกทั้งครอบครัวพ่อแม่พี่น้องภรรยาลูกด้วย ต่อให้ตัดพวกเขาออกเหลือแค่ตัวเอง ผมก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่หนักมากๆ กับการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ครับ
ต้องแย่งชิงกัน มีการใช้เล่ห์เหลี่ยมไหวพริบ อยู่กันแบบตรงไปตรงมาอย่างเดียวไม่ได้ คนแข็งแรงหรือฉลาดกว่าแบกรับภาระช่วยเหลือคนอ่อนแอกว่าก็ไม่ได้ ต่างก็กลัวที่จะเสียเปรียบหรือถูกหลอกใช้จากอีกฝ่าย เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ขนาดมีกฏหมายควบคุมยังช่วยอะไรไม่ได้จริง ผู้รักษากฏหมายกลับใช้เป็นช่องทางเพื่อตัวเองจะรอดหรือสุขสบายกว่าอีก แต่ก็ต้องจำยอมเพราะดีกว่าไม่มีเลย จะหาความยุติธรรมจริงๆ นั้นไม่มี ใครมีเงินทองอำนาจมากกว่าก็ได้ไปอะไรแบบนี้ครับ
แต่พอตัวเองจะลุกขึ้นมาทำแต่สิ่งที่ถูกต้องยุติธรรม เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้อีกด้วยครับ มันไม่มีแรงกำลังมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้ตลอดเวลาครับ แล้วผมจะไปคาดหวังให้ทุกคนทำได้หรือ? ก็เห็นหลายคนก็พยายามรณรงค์ต้องทำให้ได้ และเคยเข้าร่วมด้วย แต่ทำไปๆ ก็ท้อมันรู้สึกเหมือนไม่ขยับอะไรเลยครับ? กับคนที่นำพาทำก็ล้มเหมือนกันกับเรื่องเงินบ้าง ผู้หญิงบ้าง หมดแรงบ้าง กลัวตายบ้านฯลฯ
จนมาวันนึงได้มาพบกับอาจารย์ได้ฟังได้คุยกันเกี่ยวกับความจริงที่บอกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ได้เห็นปัญหาแท้จริงของตัวเองหรือของมนุษย์ทุกคนนี้ครับ ปัญหาที่ว่าคือความบาปครับ มันเป็นรากปัญหาที่ทำให้มนุษย์ได้แต่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบที่ว่ามา ไม่สามารถจะทำความดีได้ตลอดเวลาแต่พร้อมจะทำเรื่องชั่วร้ายได้ตลอดเวลาจนถึงขั้นพาตัวเองและผู้อื่นไปสู่ความพินาศหรือความตายเลยครับ คือจะหยุดทำความชั่วไม่ได้เลยจนกว่าจะตายประมาณนั้น เพราะความบาปมันมีกำลังที่เหนือกว่าและกำลังลากทุกคนไปแบบนั้นอยู่ครับ
มันเหมือนเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมล้อคไว้ให้ทำงานซ้ำๆ จะหยุดได้ก็ตอนที่ปิดสวิทช์หยุดเท่านั้น เช่นกันเหมือนตอนที่มนุษย์ตายนั่นแหล่ะคือตอนที่มนุษย์จะหยุดทำความชั่วหรือฆ่าทำลายได้ครับ
มันจึงเป็นเรื่องที่น่าขอบคุณมากที่สุดครับที่มีพระเจ้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์ผ่านทางคริสตจักรกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลครับ ก็มาทำให้ได้รับรู้ความจริงที่ว่ามนุษย์เรากำลังถูกควบคุมด้วยสองขั้วอำนาจคือพระเจ้าซึ่งเป็นทางรอดกับมารซาตานซึ่งกำลังนำไปสู่ความตายครับ
และพระเจ้ากำลังพยายามจะบอกความจริงนี้ให้กับทุกคนได้เลือกพระองค์ก่อนที่พระองค์จะทำลายโลกใบนี้และนำผู้ที่เลือกพระองค์กลับสู่สวรรค์อยู่ร่วมกันกับพระองค์ ส่วนผู้ซึ่งปฏิเสธคือมารซาตานกับสมุนก็จะถูกพระเจ้าส่งไปอยู่ที่นรกครับ ถ้ามองจากสถานการโลกเทียบกับพระคัมภีร์ฯก็ไม่น่าจะนานแล้วล่ะครับ
กับช่วงเวลาที่รอคอยวันนั้น กับวันเวลาที่เหลืออยู่บนโลกผมกับหลายคนที่ได้รู้ความจริงนี้แล้ว ก็เลยใช้ชีวิตใช้เวลาอยู่กับความจริง ตัดสินอะไรด้วยพระคัมภีร์ฯ และประกาศความจริงเหล่านี้ให้กับทุกคน มันก็มีการต่อต้านขัดขวางจากมารซาตานซึ่งคอยทำงานในจิตใจผู้คนให้ปฏิเสธหรือต่อต้านขัดขวางงานนี้ แต่เพราะพระเจ้าใหญ่กว่า มารฯจึงขัดขวางไม่ได้ถ้าไปต่อเรื่อยๆ ก็จะได้เห็นครับ
แต่ผมก็เห็นหลายคนที่เคยเดินด้วยกันมา แต่ตอนนี้ไม่กล้าไปต่อ ก็เข้าใจได้ครับ ตอนเจอสถานการจริง ผมเองก็ขอพระเจ้าเมตตาช่วยให้สามารถไปต่อจนถึงวันสุดท้ายได้ด้วยเหมือนกันครับ ผมเห็นว่ามันสำคัญจำเป็นมากๆครับกับการที่พระเจ้าให้คริสตจักรกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาเป็นตัวช่วย
ทำไมคนถึงออกจากพระเจ้ากลับไปสู่ทางของโลกที่มารซาตานควบคุม? จากพระคำที่ยกมา คือมันเหมือนกับใจของพวกฟาริสีนี้ครับ เขากลัวการถูกทิ้งจากมนุษย์มากกว่าการเลือกปฏิเสธพระเจ้า? การจะให้เขาออกมายอมรับความจริงต่อหน้าผู้คนว่าเป็นคนสกปรกชั่วร้ายสมควรถูกขว้างตายเหมือนผู้หญิงคนนี้..พวกเขาไม่กล้าครับ
มารซาตานมันก็จะให้ความคิดรักตัวกลัวตาย กลัวถูกมนุษย์ทิ้งเหมือนกลัวการถูกขว้างจากชาวบ้านด้วยหินทีละก้อนๆ จนตาย มันทรมานนะกว่าจะตาย? ไม่เชื่อว่ามีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยให้รอดได้ แต่ไปเชื่อกับสิ่งที่พระเจ้าสร้างแทนพระเจ้าผู้สร้าง?
หลายคนเหมือนกันตอนนี้ที่เชื่อพระเจ้ายากเพราะทิ้งใจแบบฟาริสีไม่ได้ ใจที่ยังมีความหวังจากมนุษย์ ไม่เชื่อว่านั่นคือทางที่ถูกแช่งสาปตามที่พระเจ้าบอก ฟาริสีจึงเลือกแค่ทิ้งหินแล้วกลับไปหามนุษย์กลับไปเป็นทาสมารซาตานเหมือนเดิม เหมือนคนมากมายตอนที่ถูกจับได้ตอนที่ความผิดพลาดชั่วร้ายปรากฏ อย่างมากก็ออกมาขอโทษและสัญญาว่าจะพยายามตั้งใจให้มากขึ้นว่าจะไม่ทำอีก
แต่พระเจ้าให้เกิดขึ้นเพื่อจะได้เตือนสติว่า"สักวันจะเป็นคิวของเธอซึ่งอาจไม่โชคดีเหมือนหญิงคนนี้ที่ได้รอดเพราะเจอกับฉัน" คือพระเจ้าอยากให้ทิ้งเลยกับตัวเอง ไม่ต้องกลับไปพยายามตั้งใจใหม่แก้ตัวใหม่อีกแล้วกับตัวเองซึ่งเป็นทาสของบาปไปแล้ว เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนดีไม่ได้แล้วครับ
ถ้าคิดได้มันออกจากพระเยซูคือออกจากคริสตจักรไปไม่ได้นะ แต่ฟาริสียังกล้าที่จะออกไป? คือทิ้งหินแสดงว่ายอมรับว่าฉันทำผิดไปแล้ว ฆ่าคนไปแล้ว เพราะสำหรับพระเจ้าแค่คิดก็ถือว่าผิดแล้ว จะต้องถูกพิพากษาให้ไปนรก ทางรอดก็คือการเข้ามาอยู่ในพระเยซู ความบาปก็จะควบคุมหรือทำอะไรกับเราแบบเดิมไม่ได้อีกต่อไป ครับ แต่พวกเขาพากันเดินจากไปเฉยเลย?
คือเชื่อกับเสียงของมารฯที่คอยบอกเรื่อยๆว่า"ไม่เป็นไรๆ ก็อยู่มาได้ตั้งนานไม่เห็นจะเป็นไร ต่อไปก็ตั้งใจและระมัดระวังให้มากขึ้นจะได้ไม่ผิดพลาดอีก ครั้งนี้ก็ขอโทษผิดไปแล้ว" มารซาตานก็จะหลอกแบบนี้ เพื่อให้ผู้คนกลับออกไปใช้ชีวิตติดตามเขาอีกกับการพยายามจะแก้ตัวใหม่แบบนี้ครับ เพื่อไม่ให้ผู้คนหันมาติดตามคริสตจักรกับพระคำซึ่งเป็นทางรอดแท้จากพระเจ้า และมารซาตานก็จะหาทางฆ่าทำลายชีวิตครับ
ดังนั้นหนทางรอดของมนุษย์ทุกคนบนโลกคือต้องทิ้งตัวเองเลย เลิกเลยกับชีวิตที่พึ่งพาสติปัญญากำลังความสามารถของตัวเอง ย้ายหันกลับมาเชื่อวางใจเพียงพระเจ้าผ่านทางพระคำกับคริสตจักรนี้ครับ
อิสยาห์ 55:7-8 TH1971
[7] ให้คนอธรรมละทิ้งทางของเขา และคนไม่ชอบธรรมสละความคิดของเขา ให้เขากลับยังพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงกรุณาเขา และยังพระเจ้าของเรา เพราะพระองค์จะทรงอภัยอย่างล้นเหลือ [8] เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา>> พระเจ้าตรัสดังนี้
ผมสังเกตุจากตัวเอง มารซาตานขยันทำงานแบบไม่มีเวลาหลับนอนเลยนะครับ กับการพยายามจะดึงคนออกจากคริสตจักร และผมเห็นว่ามันทำสำเร็จกับหลายคนที่คิดว่าตัวเองเชื่อพระเจ้า แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับคริสตจักรครับ และกำลังเชื่อความคิดที่ว่า"ฉันเชื่อพระเจ้าอยู่เพราะฉันเชื่อพระคัมภีร์ฯ อ่านเป็นประจำ" แล้วก็มีมารซาตานที่คอยแปลพระคัมภีร์ฯให้โดยที่ตัวเองไม่รู้สึกตัวครับ หลายคนก็ตั้งโบสถ์ยิ่งหลอกผู้คนไปสู่นรกได้มากขึ้นตามความต้องการของมารซาตานเลย นี้คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกขณะนี้ครับ
อิสยาห์ 14:21-23 TH1971
[21] จงเตรียมสังหารลูกๆของเขาเถิด เพราะกรรมชั่วแห่งบิดาของเขา เกรงว่าเขาทั้งหลายจะลุกขึ้นเป็นเจ้าของโลก และกระทำให้พื้นโลกเต็มไปด้วยหัวเมือง>> [22] พระเจ้าจอมโยธา ตรัสว่า <<เราจะลุกขึ้นสู้กับเขา และจะตัดชื่อกับคนที่เหลืออยู่เสียจากบาบิโลน และตัดลูกหลานและพงศ์พันธุ์เสีย>> พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ [23] <<และเราจะกระทำให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอีกาบ้าน และเป็นสระน้ำ และจะกวาดด้วยไม้กวาดแห่งการทำลาย>> พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
อาจารย์ตามโบสถ์หลายแห่งก็ไม่ต่างจากฟาริสีเหล่านี้ที่เอาหินขว้างคนอื่นเก่งมาก คือสอนว่าคนอื่นเก่งมากครับ แต่จะให้ด่าว่าเปิดเผยความสกปรกชั่วร้ายของตัวเอง อันนี้ไม่ยอมครับ พวกเขาใช้ชีวิตหน้าซื่อใจคดกันแบบนี้ อยากแต่จะให้คนอื่นมองตัวเองเป็นคนดี แต่ความจริงคือคนบ้านะครับที่เชื่อแบบนั้น และถ้าใครเชื่อพวกเขาก็จะบ้าตามไปด้วยครับ
ย้ำอีกครั้งว่ามนุษย์ไม่สามารถจะเป็นคนดีได้เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของบาปไปแล้วตั้งแต่ต้นตระกูลอาดัมกับเอวาทำเรื่องที่สวนเอเดน ทางออกหรือทางรอดไม่ใช่ให้พยายามทำความดี แต่ให้ทิ้งเลยกับตัวเองจะคิดดีคิดชั่วยังไงทิ้งให้หมดมารซาตานมันหลอกอยู่ แล้วหันมาเชื่อวางใจเพียงพระเจ้าซึ่งกำลังนำทางให้ผ่านทางพระคัมภีร์ฯและคริสตจักรแบบนี้จึงจะรอดได้ครับ
ปฐมกาล 2:15-17 TH1971
[15] พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและรักษาสวน [16] พระเจ้าจึงทรงบัญชาแก่มนุษย์นั้นว่า <<บรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ทั้งหมด [17] เว้นแต่ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว ผลของต้นไม้นั้นอย่ากิน เพราะในวันใดที่เจ้าขืนกิน เจ้าจะต้องตายแน่>>
เอเดนยุคนี้กำลังพูดถึงคริสตจักรนะครับ
ทักมาพูดคุยกันนะครับแล้วคุณกับครอบครัวก็จะได้หลุดพ้นออกจากความสิ้นหวังและพบกับความสุขที่แท้จริงของพระเจ้าครับ ติดต่อ: คริสตจักรข่าวประเสริฐพังงา 085-083-5433,094-432-0889
โฆษณา