30 เม.ย. เวลา 14:06 • ท่องเที่ยว

คุณค่าวันสงกรานต์ มองผ่านผู้คนบนชายหาด

✍️ ด้วยมนต์เสน่ห์ของทะเล...ที่เพียงเห็นก็เย็นและผ่อนคลาย และถ้าได้ลงเล่นน้ำทะเลอีกด้วย ยิ่งเพิ่มความสุข สนุก สดชื่น ไม่ลืมไปจากความทรงจำ
ดังนั้น ช่วงเทศกาลสงกรานต์วันหยุดยาวที่ผ่านมา ทะเลจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้คนจำนวนไม่น้อย ใช้ช่วงเวลานี้พาครอบครัวไปพักผ่อน หย่อนใจ
สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกหลาน และบางครอบครัวพาคุณปู่ คุณย่า หรือ คุณตา คุณยายไปด้วย จึงเป็นช่วงเวลาที่ดี
ที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด และอบอุ่น
เข้ากับความหมายของงานประเพณีสงกรานต์ ทั้งมิติวันผู้สูงอายุ และวันครอบครัวไปในตัว
พิสูจน์ได้จากภาพของผู้คนหลายร้อยครอบครัว ซึ่งผมได้เห็น และสัมผัสที่ชายทะเลแถบชะอำ ยามเย็นวันที่ 13 เมษายน และเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น 14 เมษายน 2568
ล้วนให้คุณค่า และสื่อความหมายอย่างน่าสนใจ ดังเช่นบางภาพที่นำมาถ่ายทอด และให้มุมมอง
🫱เริ่มต้นจากช่วงยามเย็น เวลาประมาณห้าโมงเย็นเศษ ๆ ของวันที่ 13 เมษายน
ผมและครอบครัว เดินเท้าจากที่พักไปยังร้านอาหารริมทะเล ด้วยความตั้งใจจะหาอะไรกินเป็นมื้อเย็น
ในระหว่างที่เดินมาได้สัก 4- 5 นาที ผมหยุดเดินอยู่บนสะพานปูนชั่วครู่ สายตาจับจ้องไปที่เรือประมงหาปลาลำเล็ก
ซึ่งจอดเกยตื้นอยู่ในลำธารใกล้ทะเลที่มีน้ำไหลผ่าน พอให้เรือลำเล็กลอดใต้สะพานไปได้
ภาพของเรือที่จอดให้ความรู้สึกเหมือนเป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ถึงการหยุดพักทำมาหากินชั่วคราวช่วงเทศกาลสำคัญได้ดีทีเดียว
จอดพักสักสองสามวัน
จากนั้นเดินต่ออีกเพียง 10 นาที ก็ถึงร้านอาหารที่มีลูกค้าส่วนหนึ่งกำลังนั่ง
รับประทานอาหาร และอีกส่วนหนึ่งนั่งรออาหาร กินลม ชมวิว คุยกันไปพลาง ๆ รวมกันแล้วหลายสิบโต๊ะ
ผมเลยใช้จังหวะนั้น ที่ยังพอมีแรงเหลือ และไม่รู้สึกหิวมากนัก แยกไปเดินเล่น เลาะไปตามชายหาด ได้เห็น ได้สัมผัสภาพของผู้คนที่ให้ความรู้สึก สร้างมุมคิดหลากหลายมุม
🪁เริ่มจากภาพแรกที่เห็น เป็นภาพของเด็กชาย หญิง 2-3 คน กำลังเรียนรู้ ฝึกเล่นว่าว
และสนุกกับการปล่อยเชือกให้ว่าวลอยขึ้นตามทิศทางลมที่พัดมาอย่างเพลิดเพลิน ทั้งสีขาว สีเขียว สีชมพูสด ซึ่งน่าจะซื้อมาจากพ่อค้า แม่ค้า ที่เดินขายอยู่ตามริมชายหาด
ว่าวน้อยลอยลม
พอมองไป ใจผมก็ล่องลอยไปชั่วขณะ นึกถึงชีวิตวัยเด็กที่เคยฝึกทำ หัดเล่นว่าว วิ่งหาลมพัดว่าวให้ลอยขึ้น และหวลคิดไปถึงเพลง “เย็นลมว่าว”
เพลงเก่าแก่ของวงสุนทราภรณ์ ที่มีเนื้อเพลงท่อนหนึ่ง เปรียบเปรยถึงว่าว สายลม และจิตใจไว้อย่างไพเราะว่า ...
...เย็น เย็นเพราะลมโชยเฉื่อย จิตใจหายเหนื่อยด้วยลมชโลมจิตใจ ว่าวน้อยลอยลม ฉันพลอยรื่นรมย์ ยิ่งชมยิ่งคิดไปได้ สายลมชื่นใจ ว่าวลอยเหลิงไปเกลื่อนตา...
หลังจากเคลิบเคลิ้มไปกับภาพแรกที่เสมือนเป็นตัวกระตุ้นและปูทางให้ความคิดบางมุมเกิดขึ้นแล้ว
🏝️ภาพที่สองก็สร้างความรู้สึกให้เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน เป็นภาพที่ผมมองไปเห็นครอบครัวเล็ก ๆ
ซึ่งมีคุณพ่อ ลูกสาวคนโต และลูกชายคนสุดท้อง กำลังช่วยกันทำสวนประดับตามจินตนาการของลูกสาวผู้เป็นต้นคิด และออกแบบ
โดยมีคุณพ่อคอยใช้เสียมเล็ก ๆ ช่วยขุดบ่อทราย และลูกชายคนสุดท้อง เลือกเก็บเปลือกหอยมาให้พี่สาวที่นั่งแปะอยู่บนพื้นทราย
ค่อย ๆ จัดเรียงเปลือกหอยสีขาว ขนาดเล็ก ใหญ่ ตามแนวขอบบ่ออย่างสวยงาม
คนละไม้ คนละมือ
ช่างเป็นภาพที่ประทับใจ เต็มไปด้วยความอบอุ่น สะท้อนให้เห็นถึงการทำกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัวด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ต้องลงทุน ลงแรงอะไร แต่ให้ผลตอบแทนกลับมาคุ้มค่าในเชิงคุณค่าของความสัมพันธ์
แถมยังช่วยฝึกให้เด็ก และเยาวชนได้หัดทำเรื่องเล็ก ๆ ให้เป็นจริงตามความฝัน ซึ่งจะช่วยสะสมความเคารพนับถือในตัวเองให้ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น
รวมไปถึง การปลูกฝังความรัก และหวงแหนในทะเลอันเป็นมรดกทางธรรมชาติที่สำคัญตั้งแต่เยาว์วัย
🏇 ต่อจากนั้น ภาพที่สาม ก็ทยอยตามมาติด ๆ เป็นภาพของเด็กน้อย นั่งขี่ม้า โดยมีคนเลี้ยงม้าคอยจูงพาเดินไปตามแนวริมชายหาด
เปิดโอกาสให้เด็กได้สัมผัสม้าตัวเป็น ๆ และขี่ม้าตัวจริงซึ่งต่างไปจากที่เคยเห็นผ่านภาพยนตร์ หรืองานสารคดีทางทีวี หรือจอมือถือ
อีกทั้งยังได้รับรู้ถึงความตื่นเต้นที่จะจดจำ นำไปเล่าให้พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อน ๆ ฟังต่ออีกหลายรอบ
ขี่ม้าเลียบชายหาด
ครั้นหันหน้าจากพื้นทราย ริมชายหาด สลับไปดูภาพในท้องทะเลบ้าง ภาพแห่งความตื่นเต้น ปนเสียงร้องเป็นระยะ ก็ปรากฏขึ้นมาจากคนวัยทำงานกลุ่มหนึ่ง
ที่นั่งอยู่บนเรือลากจูง "บานาน่า โบ้ท"
โต้คลื่นไปในท้องทะเลอย่างสนุกสนาน ลืมการงานไปชั่วขณะ
ท่ามกลางสายตาเฝ้าลุ้นของเด็ก ๆ อีกหลายครอบครัวที่กำลังเล่นน้ำในทะเลกันอย่างมีความสุข และคงอยากจะเล่นแบบนั้นบ้าง
เรือบานาน่า โบ้ท
🍛 ปิดท้ายด้วยภาพที่สี่ เป็นภาพการรับประทานอาหารด้วยกันภายในครอบครัว ที่นั่งกินข้าวไป คุยไป ในร้านริมชายหาด
ผมกวาดสายตามองไปหลาย ๆ โต๊ะ มีนั่งกันตั้งแต่ 2-3 คน เป็นครอบครัวขนาดเล็ก ไปจนถึงครอบครัวใหญ่ที่มีมากกว่า 7-8 คน
เห็นรอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้า ที่นาน ๆ จะได้อยู่พร้อมหน้า พร้อมตา พูดคุยกัน โดยไม่ต้องพึ่งพาเสียงเพลงจากเครื่องเสียง หรือวงดนตรีช่วยขับกล่อม
เฉกเช่นงานเลี้ยงสังสรรค์โดยทั่วไป เพราะลงตัวด้วยความไพเราะที่มาจากการพูดคุย ไต่ถามทุกข์ สุข แลกเปลี่ยนความเห็นกันแทน
"มื้อที่อร่อย ไม่ได้อยู่ที่กับข้าว"
หลังจากกินข้าวมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อย ตอนเดินกลับที่พัก ผมมองไปตามแนวถนนที่มีร้านค้าขายอุปกรณ์เล่นน้ำ และเสื้อผ้า
ยังเปิดขาย แม้เลยเวลาเล่นน้ำ
สังเกตเห็นว่า ยังมีบางร้านเปิดขายให้บริการนักท่องเที่ยว แม้จะเป็นเวลาใกล้ 2 ทุ่ม แล้ว เหมือนลุ้นยอดขายกันอีกเฮือกหนึ่ง ก่อนที่จะปิดร้าน...วัดใจกัน
🏜️ เช้าวันรุ่งขึ้น หลังตื่นนอนและทำธุระส่วนตัวเสร็จ ประมาณ 6 โมงเช้าเศษ ๆ ผมเดินไปที่บริเวณชายหาดเดิม เพื่อดูวิวยามเช้าอีกครั้ง
ทะเลยามเช้า
แต่กลายเป็นว่า นอกจากชมวิว ทิวทัศน์ แล้ว ยังเจอผู้คนทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ พากันมาเดิน และเล่นน้ำแต่เช้าตรู่มากกว่าที่คิดไว้
🧜เริ่มจากภาพที่ให้มุมสะท้อนความรู้สึกถึงการสัมผัสน้ำทะเลครั้งแรก ๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่ค่อย ๆ ก้าวเดินทีละนิดและค่อย ๆ แหย่เท้าลงน้ำทะเล
โดยมีคุณแม่คอยจูงมือประคอง ไม่ร้องงอแงให้เห็น
"ก้าวที่หัดเดินบนพื้นทรายที่เปียกนุ่ม"
ไม่ต่างไปจากเด็กชายอายุไล่เลี่ยกัน
ถัดไปที่กำลังเดินลงทะเล โดยมีคุณพ่อพาเดิน เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกไม่น้อยไปกว่ากัน
🧑‍🦰ภาพถัดไป เป็นภาพที่เด็กน้อยกำลังปล่อยใจ สนุกไปกับการมองดูคลื่นในทะเลที่วิ่งซัดเข้ามาหาตัวเองเป็นระลอก พร้อมกับเดินเข้าหา และสาดน้ำเล่นกับคลื่นอย่างเพลิดเพลิน
มองคลื่นอย่างพินิจ
ทำให้คลื่นในทะเลกลายเป็นอุปกรณ์เสริมการเรียนด้านจินตนาการนอกห้องเรียนที่ล้ำค่าสำหรับเด็กที่อยู่ในวัยอยากรู้ อยากเห็น
คิดแล้ว เดินเข้าหา
ดูจากแววตาของหนูน้อยคนนี้แล้ว ถ้ามีเวลาได้พูดคุยด้วย อาจจินตนาการถึงคลื่นในความหมายที่เรา และไอน์สไตน์คาดไม่ถึง 🧑‍🏫
ในขณะที่อีกภาพปรากฏในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นภาพของเด็กเล็กสองคนพี่น้องที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมจะเดินทางกลับบ้าน
แต่มนต์เสน่ห์ทะเลนั้นมีจริง หนูน้อยทั้งสองคนจึงอยากมาเดินแช่น้ำทะเลอีกครั้งให้จุใจ แม่จึงจัดให้ตามคำขอ ครั้นพอเดินแช่น้ำได้ชั่วครู่
น้องชายคนเล็กเกิดอาการอยากเล่นน้ำทะเลต่อ ซะงั้น พร้อมทำท่าจะให้แม่ถอดกางเกงออกก่อน
ทำทีจะถอด ไปกอดทะเลที่เย้ายวนใจ
แต่ทำไป ทำมา น่าจะรู้สึกเหนียมอายนิด ๆ (ฮา) เลยขอแม่ลงไปเล่นทั้งชุดที่เตรียมจะใส่เดินทางกลับนครปฐม...
ในใจคงอยากจะบอกแม่ว่า “ขอหนูเล่นให้เต็มอิ่มนะ รอมาเล่นอีกที นานเกินรอ”
ทำไป ทำมา ขอแช่ทั้งชุด
กล้าได้ กล้าเสีย เปียกเป็นเปียก เปียกได้ก็แห้งได้ แลกกันไป ใจถึงด้วยกันทั้งแม่และลูก
ซึ่งไม่ต่างไปจากอีกครอบครัวหนึ่งที่มาไกลจากแถบ อำเภอ แม่เมาะ ลำปาง ที่ปล่อยให้ลูกได้เล่นน้ำทะเลอย่างเต็มที่
ปีละครั้ง
มาไกล เทหมดใจให้ทะเล
เหมือนกับอีกหลายครอบครัวที่นั่งอยู่ตามริมชายหาดเฝ้าดูลูกหลานเล่นน้ำแต่เช้าตรู่
โดยไม่ต้องเหนื่อยแรงคอยแย่งมือถือจากมือลูกที่เทใจไปจดจ่ออยู่ที่หาดทราย และสนุกกับสายน้ำในทะเลแทน
เด็กลืมมือถือไปหลายชั่วโมง
👩‍❤️‍👨 ภาพต่อไปอีกภาพหนึ่ง ซึ่งสะท้อนถึงการทำกิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัว ที่แลดูอบอุ่น เช่นเดียวกับพ่อลูก 3 คน ที่ช่วยกันทำสวนประดับริมชายหาดเมื่อเย็นวานนี้
โดยเป็นภาพของพ่อ แม่ ลูก รวมกัน 4 คน ที่มาไกลจากสงขลา นั่งในท่าทางที่แสนสบายใจ ช่วยกันเก็บหอยเสียบ ตัวเล็ก ตัวน้อยริมชายหาดไปดองกิน
เป็นของฝากกลับบ้าน ด้วยสายตาแห่งประสบการณ์ที่คุ้นเคยการเก็บหอยชนิดนี้ดองกินในถิ่นตัวเอง
ช่วงเวลาที่ได้ทำบางสิ่งร่วมกัน
แตกต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไปที่อาจ
มองไม่เห็น หรือเห็นแต่ไม่มีเวลาพอที่จะเก็บ หรือมองข้ามจุดนี้ไป
ในขณะที่ภาพแห่งความประทับใจไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งบ่งบอกถึงความรัก ความกตัญญูของลูกที่มีต่อแม่
เป็นภาพที่ลูกสาวพาแม่จากชลบุรี เปลี่ยนบรรยากาศมาทะเลแถบชะอำ และที่อื่น ๆ ที่มีน้ำทะเลใส สะอาด ปีละ 2-3 ครั้ง ตามที่แม่ร้องขอ
เพื่อมาแช่ตัวในทะเล ช่วยรักษาอาการคันตามผิวหนัง
ในจังหวะที่พูดคุย แล้วมองตามมือลูกสาวที่ชี้ไปยังคุณแม่ซึ่งกำลังนอนลอยตัวในทะเล ห่างจากฝั่งราว 50-60 เมตร ด้วยอาการที่ผ่อนคลาย
เปลี่ยนทะเลเป็นที่นอน
พลอยให้ลูกสาวยอดกตัญญู ยิ้มอย่างปิติ สบายใจ ตามไปด้วย
ใกล้ ๆ กัน มีสามี ภรรยาคู่หนึ่งนั่งอยู่ด้วยกันริมชายหาด ด้วยท่าทีที่สบายอก สบายใจ เช่นกัน
กาแฟ คู่ หมูปิ้ง
โดยพี่ผู้ชายนั่งกินข้าวเหนียว หมูปิ้ง ส่วนพี่ผู้หญิง นั่งจิบกาแฟร้อน ๆ ทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่จะตั้งคำถามปนยิ้มขึ้นว่า
"สงสัยกาแฟร้อนถ้วยนี้ รสชาติดีที่สุดในรอบปี ใช่ไหม ครับ"
"ใช่ค่ะ ใช่เลยค่ะ" พี่ผู้หญิงตอบอย่างหัวเราะชอบใจ โดยไม่ทันได้ระวังมือที่ถือถ้วยกาแฟไว้
พลอยให้ถ้วยกาแฟที่เพิ่งจิบไปสองสามจิบ ร่วงหล่นลงบนพื้นทรายไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งผมเองก็มีส่วนทำให้ตก เพราะเข้าไปชวนคุยผิดจังหวะ
แต่พี่ทั้งสองกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น ยังหัวเราะต่อเนื่องอย่างสบายใจ
หกก็หกไป แต่ใจยังคุมรอยยิ้มไว้ได้
พอเปลี่ยนมุมมอง หันไปมองภาพกว้างถึงการทำมาหากินของผู้คนริมชายหาดบ้าง พบว่า
บางส่วนตื่นแต่เช้าตรู่ ไม่ต่างไปจากนักท่องเที่ยว เพื่อเตรียมพื้นที่ เตรียมของขาย
อาทิ ผู้ให้เช่าเตียงผ้าใบที่กางเตียง วางห่วงยางพร้อมให้เช่า รวมไปถึงคนจูงม้าที่เริ่มให้บริการพาเด็กขี่ม้าเดินตามชายหาด
เตียงรอเช่า ม้าพร้อมเดิน
และมีพ่อค้าเดินขายของเล่น สีสันชวนให้เด็กอยากอ้อนแม่ขอสตางค์มาซื้อเล่นจัง
สีของเล่น ช่วยให้ทะเลมีสีสัน
และที่เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง คือ แม่ค้าขายล็อตเตอรี ที่เดินเลาะตามชายหาด
เหมือนจะรู้ใจนักท่องเที่ยวที่มาไกล แล้วเสี่ยงซื้อใบสองใบ หวังได้รับโชคติดไม้ติดมือกลับบ้านไป
ที่ไหนมีคน ที่นั่นมีคนขายล็อตเตอรี่
สลับภาพไปที่วิถีชีวิตคนบนถนนเลียบชายหาดบ้าง ราว ๆ 8 โมงเช้า เริ่มมีร้านค้าริมถนนหลายร้านเตรียมเปิดร้าน และที่เปิดขายแล้วก็มี
ร้านที่เตรียมเปิด มีทั้งอาหารการกิน แนวส้มตำ ไก่ย่าง อาหารยอดฮิตประจำชายหาดที่ขาดไม่ได้
ซึ่งเริ่มมีลูกค้ามาสั่งล่วงหน้ากับคนขายที่เป็นภรรยาคอยรับออเดอร์ แบ่งหน้าที่กับสามีที่กำลังเตรียมเตาปิ้งไก่ ด้วยความหวังว่า ยอดขายวันนี้จะดีกว่าเมื่อวาน
ส้มตำ อาหารหลักริมทะเล
และร้านขายเสื้อผ้า ที่มีอยู่ร้านหนึ่งเปิดขายแล้ว ในขณะที่บางร้านกำลังเตรียมจัดวางเสื้อผ้า โดยมีลูกสาววัยเรียนช่วยแม่จัดวางสินค้าอย่างน่ายกย่อง
ฝึกค้าขาย เห็นค่าของเงินแต่เล็ก
ส่วนร้านที่เปิดขายแล้ว เป็นร้านเปิดท้ายรถกระบะ ขายของทะเลแห้ง อาหารแห้ง และรถจักรยานยนต์ จอดขายปลาแห้งที่บรรทุกมาเป็นพวงใหญ่ จัดแยกเป็นถุงไว้พร้อมขาย
ของฝาก อาหารทะเลแห้ง
รวมทั้ง มีคนรอคิวซื้อน้ำ จากรถพ่วงข้าง ขายชา กาแฟ โอเลี้ยง เติมความสดชื่นแต่เช้า
รถพ่วงข้างขายชา กาแฟ
และร้านทางเลือกสำหรับผู้นิยมเครื่องดื่มร้อน ๆ จำพวก น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ที่ตั้งขายตามทางเท้า ก็พอมีให้เห็น รวมไปถึงร้านขายข้าวแกงด้วย
รถเข็นขายน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋
นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งรอตักบาตร ถวายอาหารให้สามเณรน้อยหลายสิบรูป ที่เดินออกบิณฑบาตมาจากวัดซึ่งตั้งอยู่ในละแวกชุมชนชาวชะอำ
สามเณรน้อยออกบิณฑบาต
ทำให้ภาพยามเช้าที่ปรากฏบนถนนเลียบชายหาด แลดูเคลื่อนไหว มีสีสัน
มีชีวิต ชีวา คู่เคียงไปกับวิถีชีวิตริมชายหาด
และอาจสรุปเลา ๆ ได้ว่า จากภาพทั้งหมดเท่าที่พอได้เห็นผ่านพื้นที่ส่วนหนึ่งของชายหาดชะอำ ตั้งแต่ช่วงเย็นถึงค่ำ ต่อด้วยช่วงเช้า
สะท้อนถึงคุณค่าของเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะมีคุณค่าทางตรง ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว
ยังมีคุณค่าแฝงด้านการศึกษา เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้จากธรรมชาติและประสบการณ์จริง ช่วยทิ้งโลกเสมือนในมือถือไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง
รวมไปถึง ช่วยกระตุ้นการค้าขาย กระจายรายได้สู่ชุมชน และการฝึกเยาวชนให้เรียนรู้การค้าขาย
เมื่อมองผ่านผู้คนจากริมชายหาด และถนนเลียบชายหาด ควบคู่กัน
ว่าแต่ว่า...สงกรานต์ที่ผ่านมา ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านยืนอยู่ตรงจุดไหน ที่ใดกันบ้างครับ ลองมองหาคุณค่าในจุดนั้น ๆ มาแบ่งปันกันนะครับ...
🙏ขอบคุณมากครับ
มุมชัย นัยสอิ้ง/29 เม.ย.68
(ขอขอบพระคุณนักท่องเที่ยว ชาวบ้านร้านค้า บนชายหาดชะอำ และข้างเคียงที่ช่วยสร้างมุมมองให้กับการเขียนเรื่องนี้ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ)🥰
โฆษณา