23 เม.ย. เวลา 10:37 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 239 พยุหะหกบุปผา

พวกฉินหมิงกลับมาถึงค่ายเขาจี้ซาน รายงานผลการรบแก่ซ่งเจียง ซ่งเจียงกลัดกลุ้มยิ่งนักที่เสียไปสองขุนพล แล้วถามอู๋ย่งว่า “เช่นนี้แล้ว จะผ่านไปตีจิงหนานได้อย่างไร”
อู๋ย่งงอนิ้วสองนิ้วแล้วบอกแผนการให้ฟังว่าควรทำ ดังนี้… ดังนี้…
ซ่งเจียงเห็นชอบ สั่งการให้หลู่จื้อเซิน อู่ซง เจียวถิ่ง หลี่ขุย ฝานยุ่ย เป้าสวี้ เซี่ยงชง หลีกุ่น เจิ้งเทียนโซ่ว ซ่งว่าน ตู้เชียน กงว่าง ติงเต๋อซุน สือหย่งรวมสิบสี่นายทัพ นำหลิงเจิ้น และพลเดินเท้าห้าพันนายสวมเกราะอ่อน พกอาวุธสั้น โล่ หอกซัดและมีดบิน อาศัยความมืดยามราตรีลัดเลาะตามทางน้อยไปหลังเขาปฏิบัติการตามแผน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลึ่ไหวยส่งสารมาท้ารบ ซ่งเจียงหารือกับอู๋ย่ง
อู๋ย่งว่า “พวกโจรคงมีแผน แต่พวกหลู่จื้อเซินเข้าพื้นที่คับขันแล้ว ทางเราก็ต้องออกรบ”
ซ่งเจียงจึงสลักหลังหนังสือรับคำท้า “ออกรบวันนี้” ทหารถือสารกลับไป
ซ่งเจียงสั่งการให้ฉินหมิง ต่งผิง ฮูหยันจว๋อ สวีหนิง จางชิง ฉยงอิงนำพลสองหมื่นเป็นกองหน้า พลธนูอยู่รอบนอก พลทวนยาวและโล่อยู่ด้านใน รถศึกอยู่หน้า ม้าศึกอยู่หลัง
ให้หวงซิ่น ซุนลี่ หวางอิง หู้ซานเหนียงนำพลหนึ่งหมื่นรออยู่ในค่าย
ให้หลี่อิ้ง ไฉจิ้น หันเทา เผิงฉี่นำพลหนึ่งหมื่นรออยู่ในค่ายเช่นกัน
ทั้งสองทัพให้รอฟังเสียงปืนสัญญาน แล้วแยกซ้ายขวาเข้าสู่สนามรบ
ให้กวนเสิ้ง จูถง เหลยเหิง ซุนซิน กู้ต้าเส่า จางชิง ซุนเอ้อเหนียงนำพลสองหมื่นตั้งทัพหลังค่ายใหญ่ คอยสกัดทัพหนุนของฝ่ายโจร
ซ่งเจียง อู๋ย่ง กงซุนเสิ้ง กับขุนพลที่เหลืออยู่รักษาค่ายใหญ่ พอถึงยามเฉิน 辰牌 (8:00 น.) อู๋ย่งขึ้นบันไดเมฆสังเกตการณ์ แล้วสั่งการใหม่ให้กองหน้าถอยกระบวนมาด้านหลังสองลี้ เพื่อเปิดพื้นที่ให้สองทัพที่จะตามหลังเข้าสมรภูมิ
พอตั้งกระบวนใหม่เสร็จ หลี่ไหวยก็นำสี่ขุนพลพยัคฆ์ หยวนหล่าง เถิงคัน หม่าเจี้ยง หม่าจิ้ง นำพลสองหมื่นห้าพันลงเขามา ให้ทหารม้าชูไม้ไผ่เสียบหัวของหวงเยว่มาด้วย ทหารม้าทั้งห้าพันสวมเกราะหนัก ทหารสวมหน้ากากเหล็ก ม้าสวมเกราะกรอมเท้า เพื่อป้องกันหินซัดของขุนพลหญิง ทหารม้าใช้ธนูและทวนยาวเป็นอาวุธ ทหารราบแบ่งเป็นสองทัพซ้ายขวาตามหลังทัพม้า
ทัพโจรบุกลงเขามา ทัพซ่งต้านไม่อยู่ถอยร่นลงมา ซ่งเจียงสั่งให้ยิงปืนสัญญาน ทหารม้าหนักฝ่ายทัพโจรมาติดแนวรถศึกฝ่ายซ่ง ส่วนทหารม้าฝ่ายซ่งยังขึ้นหน้าทำอะไรไม่ได้ สถานการณ์ดูคับขัน
พลันมีเสียงปืนยิงต่อเนื่องจากหลังเขา พวกหลู่จื้อเซินนำทหารข้ามยอดเขาเข้าตีค่ายใหญ่ฝ่ายโจร สังหารทหารชรารักษาค่ายซึ่งมีอยู่ห้าพันนายตายสิ้น ยึดค่ายใหญ่ได้
หลี่ไหวยสั่งถอยทัพกลับไปช่วยค่ายใหญ่ ทัพของพวกหวงซิ่น และพวกหลี่อิ้ง แยกกันโอบซ้ายขวาเข้ามากระหนาบไว้ พวกหลู่จื้อเซินยกลงมาจากค่ายที่ยึดได้ล้อมทัพโจรไว้ หยวนหล่างขุนพลกล้าถูกปืนไฟยิงตาย หลี่ไหวยถูกหลู่จื้อเซินสังหาร เถิงคัน หม่าจิ้งถูกทหารรุมฆ่าขณะชุลมุน มีเพียงหม่าเจี้ยงหนีรอดไปได้ ทัพโจรสามหมื่นตายไปกว่าครึ่งซากศพเกลื่อนเขา ทัพซ่งยึดได้ม้าศึก และยุทโธปกรณ์จำนวนมาก
ซ่งเจียงสำรวจความเสียหายฝ่ายตน เสียทหารไปพันกว่านาย ตกเย็นก็กลับค่ายที่ฟากเหนือของเขาจึ้ซาน
กล่าวถึงทางด้านหลูจวิ้นอี้ที่ยกทัพมาตีเมืองซีจิง 西京 เมืองเล็กเมืองน้อยรายทางไม่ขอสู้รบ ยอมมาอ่อนน้อมสามิภักดิ์ต้าซ่ง หลูจวิ้นอี้จึงเดินทัพขึ้นเหนือโดยไม่จำต้องระวังหลังกระทั่งมาตั้งค่ายลงที่เขายีเชว 伊阙山 ห่างจากเมืองซีจิงมาทางใต้สามสิบลี้ ผู้รักษาเมืองซีจิวคือ กงตวน 龚端 และซีเสิ้ง 奚胜 ซีเสิ้งผู้นี้เคยศึกษาวิชาตั้งค่ายพยุหะมาจนแตกฉาน
หลูจวิ้นอี้ปรึกษาจูอู่ถึงแผนเข้าตีเมืองซีจิง จูอู่ว่า
“ฟังมาว่าซีเสิ้งผู้นี้พอรู้พิชัยสงคราม คงต้องมาท้ารบเราแน่ พวกเราตั้งค่ายพยุหะรอไว้ก่อน”
หลูจวิ้นอี้เห็นด้วย จึงให้ตั้งค่ายพยุหะแปดเหลี่ยมสัมพันธ์ 循环八卦阵 ตรงที่ราบเชิงเขาทิศใต้
ทัพโจรยกมาเป็นสามทัพ ทัพกลางใช้ธงแดง ทัพซ้ายใช้ธงเขียว ทัพขวาใช้ธงแดงเช่นกัน พอมาถึงเห็นทัพซ่งตั้งเป็นค่ายกลพยุหะ ซีเสิ้งก็ให้ทัพธงเขียวธงแดงตั้งลงซ้ายขวา ตัวเองขึ้นบันไดเมฆสังเกตพยุหะค่ายซ่งเห็นว่าตั้งเป็นรูปแปดเหลี่ยมสัมพันธ์ จีงว่า
“พยุหะแบบนี้ ใครก็รู้จัก ไว้รอดูพยุหะของข้าบ้าง”
ซีเสิ้งให้ทหารรัวกลองรบสามรอบ ตั้งเวทีขึ้น แล้วขึ้นเวทีถือธงสองคันโบกซ้ายโบกขวาสั่งการตั้งค่ายกลพยุหะ เสร็จแล้วลงจากเวทีมาขึ้นม้าขี่ออกมาหน้าค่ายเพื่อเจรจากับหลูจวิ้นอี้ ซีเสิ้งสวมหมวกทองเกราะเงิน
金盔日耀喷霞光,银铠霜铺吞月影。
绛征袍锦绣攒成,黄鞓带珍珠钉就。
抹绿靴斜踏宝镫,描金袩随定丝鞭。
阵前马跨一条龙,手内剑横三尺水。
หมวกศึกทองต้องแดดแผดเจิดจ้า
เกราะเงินกลืนจันทราหลบเงาหาย
ชุดศึกแพรม่วงแดงเย็บปักลาย
สายเอวเหลืองฝังมณีมีราคา
รองเท้าเขียวเหยียบโกลนหินค่าหลาย
สาบเสื้อลายทองคล้องกับไหมแส้ม้า
พญามังกรหน้าค่ายทรงอาชา
กระบี่วารีสามฉื่อถือในมือ
(三尺水 คำอุปมา กระบี่แวววาวยาวสามฉื่อ)
ซีเสิ้งยืนม้าหน้าค่ายตะโกนเสียงดังว่า
“ท่านตั้งค่ายพยุหะแปดเหลี่ยมสัมพันธ์ ใครก็รู้จัก แต่พยุหะของข้า ท่านรู้จักไหม”
หลูจวิ้นอี้กับจูอู่จึงขึ้นบันไดเมฆไปดู เห็นลักษณะของค่ายกลโจร มีสามคนเป็นหนึ่งกลุ่มเล็ก สามกลุ่มเล็กเป็นหนึ่งกลุ่มกลาง ห้ากลุ่มกลางเป็นหนึ่งกลุ่มใหญ่ พยุหะรูปสี่เหลี่ยมด้านนอกห่อพยุหะรูปกลมไว้ด้านใน สองส่วนสัมพันธ์กัน
จูอู่บอกหลูจวิ้นอี้ว่า “นี่คือค่ายกลพยุหะหกบุปผา 六花阵法 ของหลี่เย่าซือ 李药师 ที่ย่อส่วนมาจากค่ายกลแปดเหลี่ยมของจูเก่ออู่โหว 武侯 (ขงเบ้ง)จากแปดมาเหลือหก นายโจรดูถูกเราว่าไม่รู้จักพยุหะหกบุปผา หารู้ไม่ว่าพยุหะของเราขยายจากแปดเหลี่ยมเป็นแปดแปดหกสิบสี่ เป็นพยุหะแปดเหลี่ยมของอู่โหวเหมือนกัน แต่ทำลายพยุหะหกบุปผาได้”
หลูจวิ้นอี้จึงขี่ม้ากลับออกมาหน้าค่ายตวาดไปว่า
“ค่ายกลหกบุปผาของท่าน จะมีอะไรพิศดาร”
ซีเสิ้งว่า “ท่านกล้าเข้าตีไหมเล่า”
หลูจวิ้นอี้หัวเราะลั่น “ค่ายกระจอกเพียงนี้ มีอะไรยาก”
หลูจวิ้นอี้กลับเข้าค่ายบอกให้จูอู่แปรขบวนพยุหะ จูอู่ขึ้นบนแท่นใช้ธงโบกซ้ายโบกขวา แปรพยุหะกลับเป็นรูปแปดเหลี่ยม จูอู่บอกให้หลูจวิ้นอี้สั่งการให้หยางจื้อ ซุนอัน เปี้ยนเสียงคุมพลหนึ่งพันเข้าตีค่ายกล
“วันนี้เป็นวันศุกร์ธาตุทอง ให้ทหารจากทิศใต้ของค่ายเรา (ทิศใต้ธาตุไฟ) ออกโจมตี”
หยางจื้อรับบัญชา ให้ลั่นกลองรบสามคำรบ ยกทัพมาทางประตูธงทิศตะวันตก (ทิศตะวันตกธาตุทอง) ของศัตรูตีบุกเข้าไป ทางด้านหลูจวิ้นอี้สั่งการให้หม่าหลิงนำทัพหนุนบุกตีตรงหน้า ศัตรูแตกพ่าย
หยางจื้อบุกเข้าไปในค่ายกลพยุหะ เห็นทหารคุ้มกันซีเสิ้งหนีไปทางเหนือ หยางจื้อ ซุนอัน เปี้ยนเสียงจึงนำทหารกวดตามไปจนถึงเขายีเชว ทหารกองหนึ่งกำลังพลหนึ่งหมื่นซุ่มรออยู่ ออกมาจากหลังลาดเขาตรงเข้าสกัดหยางจื้อ เปิดทางให้ซีเสิ้งหนีกลับเข้าเมืองได้ ซุนอันรบฆ่าขุนพลโจรไปสองคน แต่กำลังทหารนัอยกว่ามาก ถูกไล่ต้อนเข้าไปในหุบเขาทั้งทัพ มีผาสูงล้อมรอบด้าน ทัพโจรนำหินและไม้มากองปิดทางออก ให้ทหารสองพันเฝ้าไว้ แล้วกลับเข้าเมืองมารายงานกงตวน
ทางด้านหลูจวิ้นอี้ พอตึค่ายกลหกบุปผาแตก ก็ฉวยจังหวะบุกต่อเนื่องจนยึดด่านหลงเหมิน 龙门关 ได้ ยึดม้าศึกและยุทโธปกรณ์ได้จำนวนมาก ทหารโจรแตกร่นกลับเข้าเมืองไป หลูจวิ้นอี้สำรวจทัพฝ่ายตน พบว่าพวกหยางจื้อ ซุนอัน เปี้ยนเสียงและพลหนึ่งพันหายไป จึงให้เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า โจวยวน โจวยุ่นนำพลคนละหนึ่งพันออกแยกย้ายตามหาจนตกเย็น ก็ยังไม่มีวี่แววให้เห็น
วันรุ่งขึ้น หลูจวิ้นอี้ให้พวกเซี่ยเจินออกตามหากันอีก เซี่ยเป่านำทหารไต่เถาวัลย์ไปตามยอดเขา จนถึงยอดสูงแห่งหนึ่งทางตะวันออกของเขายี่เชว เห็นทางทิศตะวันตกมีหุบเขาลึกแห่งหนึ่ง มีกองทหารอยู่ด้านใน แต่มองเห็นไม่ถนัดตาด้วยว่ามีดงไม้ทึบบังอยู่ เสียงก็ไปไม่ถึง
เซี่ยเป่านำทหารลงเขามาถามพวกชาวบ้าน ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพหนีภัยสงครามกันไปที่อื่น เซี่ยเป่าหามาถึงที่ราบในเวิ้งเขาลึกแห่งหนึ่ง มีชาวบ้านยากจนอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน พอเห็นมีเหล่าทหารผ่านทางมา ก็พากันมาจับกลุ่มดู
เซี่ยเป่าบอกพวกชาวบ้านว่า “พวกเราเป็นทหารของราชสำนักซ่ง มาปราบโจร”
พอได้ฟังว่าเป็นทหารทางการ พวกชาวบ้านก็เริ่มกระวนกระวาย
เซี่ยเป่ารีบปลอบขวัญว่า “พวกเราเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของท่านแม่ทัพซ่ง”
คนกลุ่มนั้นว่า “ท่านแม่ทัพที่ปราบพวกตาด จับเถียนหู่ แต่ไม่รังแกชาวบ้าน ท่านนั้นหรือ”
เซี่ยเป่าว่า “ถูกต้องแล้ว”
ชาวบ้านกลุ่มนั้นคุกเข่ากราบว่า “ท่านขุนพลไม่มาจับไก่จับหมาของเราก็ดีแล้ว ปีก่อนทหารทางการบอกจะมาจับโจร แต่ก็เหมือนเป็นโจรเสียเอง พวกเราเลยต้องหนีมาอยู่ที่นี่ ท่านขุนพลมาวันนี้ พวกเราคงได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันใหม่”
เซี่ยเป่าจึงบอกถึงเรื่องกองทหารของหยางจื้อที่หายไปโดยไร้ร่องรอย และถามถึงหุบเขาทางตะวันตกที่เห็นจากยอดเขา
คนกลุ่มนั้นว่า “หุบเขาที่ว่าคือ หุบเหลียวฮง 豂谾谷 มีทางเข้าเพียงทางเดียว”
พวกชาวบ้านจึงนำทางเซี่ยเป่ามายังปากทางเข้าหุบเขา ก็พอดีมาพบกับโจวยวน โจวยุ่นเสาะหาจนมาพบเข้าเช่นกัน จึงสมทบกำลังเข้าด้วยกัน บุกสังหารทหารที่เฝ้าหุบเขา แล้วขนหินและไม้ที่ปิดปากทางออก เซี่ยเป่า กับโจวยวนนำทหารเข้าไปในหุบ
ขณะนั้นเป็นบรรยากาศกลางสารทฤดู หุบเขาลึกลี้ลับวังเวงนัก
玉露雕伤枫树林,深岩邃谷气萧森。
岭巅云雾连天涌,壁峭松筠接地阴。
น้ำค้างสารทอาบดงเฟิงเหี่ยวเฉา
หุบเขาลี้ลับจับเจ่าเศร้าหมอง
ยอดผาต่อนภาเมฆหมอกตระกอง
แนวชันของสนไผ่ไล้ดินหม่น
หยางจื้อ ซุนอัน เปี้ยนเสียงกับทหารหนึ่งพันนายกำลังระโหยโรยแรง นั่งรอความตายอยู่กลางดง พอเห็นพวกเซี่ยเป่าเข้ามาสุดที่จะยินดี เซี่ยเป่าส่งอาหารแห้งให้พวกหยางจื้อประทังท้องไปก่อน แล้วพากันออกมาจากหุบเขา เซี่ยเป่าให้พวกชาวบ้านตามมาพบหลูจวิ้นอี้ยังค่ายใหญ่ด้วย หลูจวิ้นอี้มอบข้าวสารและเงินทองตอบแทนเป็นรางวัลแก่ชาวบ้าน ตกเย็นเซี่ยเจินก็กลับมาสมทบที่ค่าย
เช้าวันรุ่งขึ้น ระหว่างที่หลูจวิ้นอี้หารือกับจูอู่ถึงแผนตีเมืองขั้นถัดไป ม้าเร็วเข้ามารายงานว่า
“หวางชิ่งให้ตูตูอุปโลกน์ 伪都督 ตู้ป๋อ 杜壆 นำสิบสองขุนพล พลสองหมื่นยกมาช่วยซีจิง ขณะนี้อยู่ห่างจากเมืองไปสามสิบลี้”
หลูจวิ้นอี้ได้ฟังจึงสั่งการให้ จูอู่ หยางจื้อ ซุนลี่ ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ เฉียวเต้าชิง หม่าหลิงนำพลสองหมื่นตั้งค่ายพยุหะลงตรงหน้าค่ายใหญ่ป้องกันทหารจากในเมือง
ให้เซี่ยเจิน เซี่ยเป่า มู่ชุน เซวียหย่งนำพลห้าพันรักษาค่ายใหญ่
หลูจวิ้นอี้เองนำขุนพลที่เหลือ พลสามหมื่นห้าพันออกรับศึกตู้ป๋อ
คนเสเพลเอี้ยนชิงทักท้วงว่า “วันนี้นายท่านไม่ควรนำทัพรับศึกเอง”
หลูจวิ้นอี้ถามว่า “เพราะเหตุใด”
เอี้ยนชิงว่า “เมื่อคืนผู้น้อยฝันไม่ดี เป็นลางร้าย”
หลูจวิ้นอี้ว่า “เรื่องของความฝัน จะไปเชื่อได้เช่นไร พลีกายเพื่อบ้านเมือง ไม่กังวลถึงผลร้าย”
เอี้ยนชิงว่า “หากนายท่านจะไปให้ได้ โปรดมอบทหารให้ผู้น้อยห้าร้อยนาย ให้ผู้น้อยไปปฏิบัติภารกิจหนึ่ง”
หลูจวิ้นอี้หัวเราะแล้วว่า “เสียวอี่ เจ้าจะทำอะไร”
เอี้ยนชิงว่า “นายท่านอย่าได้วิตก เพียงมอบคนให้ผู้น้อยก็พอ”
หลูจวิ้นอี้ว่า “เช่นนั้นก็มอบให้เจ้า ดูว่าเจ้าจะทำอะไร”
เอี้ยนชิงจึงนำทหารห้าร้อยนายอำลาไป
หลูจวิ้นอี้หัวเราะไม่หยุด แล้วนำทัพออกจากค่ายผ่านมาทางสะพานผิงเฉวียน 平泉桥 ที่ผิงเฉวียน 平泉 นี้มีหินแปลกอยู่จำนวนมาก เป็นบ้านเดิมของหลี่เต๋อวี่ 李德裕 สมัยราชวงศ์ถัง เอี้ยนชิงกำลังให้ทหารตัดไม้อยู่แถวนั้น หลูจวิ้นอี้แม้จะนึกขำ แต่จะมุ่งหน้าไปรับศึกจึงไม่แวะถาม พอนำทัพมาถึงด่านหลงเหมิน 龙门关 ห่างมาทางตะวันตกสิบลี้ ก็ให้ตั้งค่ายพยุหะลงหันไปทางตะวันตกรอรับทัพข้าศึก
ตอนก่อนหน้า : เขาจี้ซาน
ตอนถัดไป : ธัญพืชช่อหกรวง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา