Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เทียอูบาห์ - ผู้พิทักษ์แห่งกาแล็กซี่ทางช้างเผือก
•
ติดตาม
25 เม.ย. เวลา 09:35 • หนังสือ
✴️ Biography — ชีวประวัติ ✴️
ไฟล์ PDF :
https://drive.google.com/file/d/10p6x8vk_JiLrfEvU1ijjLt9zfUzAgZzk/view?usp=drivesdk
#ชีวประวัติของมิเชล_เดสมาร์เกต์ (1931-2018)
เขียนโดย ดร. ทอม ชาลโก บนพื้นฐานของการสนทนากับมิเชลเป็นเวลา 20 ปี
มิเชล เดสมาร์เกต์ เกิดในปี 1931 ที่นอร์มังดี ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ตั้งแต่เด็ก เขาไม่ชอบอากาศที่เย็น มีเมฆมาก และฝนตกในนอร์มังดี และเขาฝันที่จะไปอาศัยอยู่ในประเทศที่มีอากาศอบอุ่น เมื่อเขาอายุ 16 ปี ฝรั่งเศสกำลังรับสมัครทหารไปประจำการในแอฟริกากลาง
มิเชลทิ้งโรงเรียนเกษตรกรรมที่เขากำลังศึกษาอยู่ และใช้ความฉลาดบังคับให้พ่อแม่ของเขายินยอมให้เขาเข้าร่วมกองทัพในแอฟริกาในฐานะทหารที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
หลังจากวันแรกของการฝึก มิเชลตระหนักว่าเขาได้ทำผิดพลาด เมื่อนายพลมาตรวจแถวทหาร มิเชลวิ่งออกจากแถว จับมือนายพล และประกาศเสียงดังว่าเขาต้องการกลับบ้าน ทุกคนที่อยู่ที่นั่นหัวเราะเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
การผจญภัยของมิเชลในกองทัพฝรั่งเศสในแอฟริกากลางนั้นสมควรมีหนังสือแยกเล่มต่างหาก เมื่อเขาเล่าให้ผมฟังตอนที่ผมไปเยี่ยมเขาในปี 1996 พวกเราหัวเราะกันมากจนกล้ามเนื้อท้องปวดไม่หยุดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จนถึงทุกวันนี้ ในกองทัพฝรั่งเศสในแอฟริกา วีรกรรมของมิเชลยังเป็นที่รู้จัก เพราะคำบรรยายถูกส่งต่อโดยทหารจากรุ่นสู่รุ่น โดยสรุป มิเชลใช้อารมณ์ขันที่มีมาแต่กำเนิดของเขาทำลายวินัยทหารมากเท่าที่เขาสามารถทำได้ และการลงโทษทางวินัยใดๆก็ไม่มีผลตามที่ตั้งใจ
ในเวลานั้น ฝรั่งเศสทำสงครามในเวียดนาม และกำลังสรรหาชาวแอฟริกันให้ไปรบแทนพวกเขาในเวียดนาม เมื่อมิเชลถูกส่งไปยังคุกทหาร ซึ่งมีชาวพื้นเมืองแอฟริกันเป็นยาม เขาได้เรียนรู้ภาษาถิ่นหลายภาษา ทักษะนี้ทำให้เขาสามารถทำลายแผนการเกณฑ์ชาวแอฟริกันเข้ากองทัพฝรั่งเศสในเวียดนามได้อย่างเป็นระบบและประสบความสำเร็จอย่างมาก
หลังจากการแสดงตลกขบขันของมิเชลในกองทัพเกือบ 2 ปี นายพลฝรั่งเศสผู้ดูแลกองทัพได้เชิญมิเชลเข้าพบในสำนักงานของเขา และถามมิเชลว่าเขาต้องการอะไรเพื่อหยุดทำลายวินัย แน่นอน มิเชลตอบว่า “ผมอยากกลับบ้าน” แต่นายพลอธิบายว่ามันเป็นไปไม่ได้ตามกฎหมาย นอกจากนี้ มิเชลใช้เวลาส่วนใหญ่ใน 2 ปีแรกของการ “รับใช้” กองทัพในคุก และนายพลอธิบายว่าเวลาในคุกทหารไม่นับเป็นเวลาของการรับใช้ มิเชลจึงกล่าวว่า “#ผมอยากปลูกผักให้กองทัพ…” นายพลเห็นด้วย จัดสรรที่ดินในชนบทห่างจากกองทหาร และจ้างคนท้องถิ่นหลายคนมาช่วยมิเชลเพาะปลูก
มิเชลได้รับอิสรภาพกลับคืนมา เขาสามารถออกจากกองทหารได้ทุกเมื่อที่ต้องการและนานเท่าที่ต้องการเพื่อ “ดูแล” แปลงผักของเขา ในไม่ช้า แปลงเพาะปลูกก็ผลิตผักได้มากกว่าที่กองทัพต้องการ และมิเชล ด้วยความช่วยเหลือของคนท้องถิ่นและความรู้ภาษาถิ่นของเขา ได้นำผักส่วนเกินไปขายในตลาดท้องถิ่น
เมื่อเขาสิ้นสุดการ “รับใช้” ทางทหาร มิเชลมีเงินมากพอที่จะซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของไร่กาแฟในแอฟริกาและกลายเป็นผู้จัดการไร่ เขาอายุเพียง 20 ปี…
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตของเขาในแอฟริกา มิเชลได้บรรยายไว้ในหนังสือเล่มสุดท้ายของเขาคือ “Nature's Revenge” (การแก้แค้นของธรรมชาติ) ประมาณ 20% แรกของหนังสือเล่มนี้สามารถอ่านได้ฟรีที่นี่ :
https://read.amazon.com.au/sample/B08TLZ82GS?f=1&l=en_AU&r=e6266c30&rid=XRE5J4AZYRNSC55JZ9JG&sid=355-4141276-0560914&ref_=litb_m
หลังจากออกจากแอฟริกา และอยู่ในฝรั่งเศสช่วงสั้นๆ มิเชลย้ายไปยังนิวแคลิโดเนียในมหาสมุทรแปซิฟิก
ขอแบ่งปันเรื่องราวที่มิเชลเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับการเดินทางของเขาไปนิวแคลิโดเนียโดยเรือ ระหว่างทางไปนิวแคลิโดเนีย เรือได้จอดที่เกาะบูเกนวิลล์ มิเชลพาภรรยาชาวอิตาเลียนที่แต่งงานใหม่ของเขาขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารในบาร์ท้องถิ่น บาร์เต็มไปด้วยชายผิวดำในท้องถิ่น พวกเขาเข้าหามิเชลและภรรยาของเขา หนึ่งในนั้นมีมีดคม เรียกร้องให้มิเชลยอมมอบภรรยาของเขาให้กับฝูงชน
มิเชลยื่นมือไปทางชายที่มีมีดและขอให้เขาใช้มีดสะกิดเบาๆที่มือ เมื่อชายคนนั้นลังเล มิเชลบอกเขาว่า: “กรีดมือฉัน ไม่ต้องกลัว…” เมื่อมือของมิเชลเลือดออก เขาขอให้ชายคนนั้นกรีดมือของตัวเองในลักษณะเดียวกัน เมื่อมือของทั้งสองคนมีเลือดไหล มิเชลพูดว่า: “คุณเห็นไหม เลือดของคุณมีสีเดียวกับของฉัน... ข้างในเราเหมือนกัน... เราเป็นพี่น้องกัน…”
บาร์เริ่มส่งเสียงฮือฮา ชายผิวดำทุกคนในบาร์ต้องการจับมือกับมิเชล ความเป็นศัตรูหายไป ถูกแทนที่ด้วยการต้อนรับ ความเมตตา และความชื่นชม พวกเขาไม่เคยเห็นคนผิวขาวคนไหนปฏิบัติกับพวกเขาแบบนี้มาก่อน เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นว่ามิเชล เดสมาร์เกต์เป็นใครจริงๆ และเขาสามารถรับมือกับอันตรายและความยากลำบากสุดขีดได้อย่างไร
ในนิวแคลิโดเนีย มิเชลปลูกมะเขือเทศ หลังจากนั้นเขาย้ายไปออสเตรเลีย ในที่สุดเขาได้ตั้งรกรากที่ฟาร์มแห่งหนึ่งบนขอบป่าเขตร้อนใกล้เมืองแคนส์ สร้างบ้าน “ทนไซโคลน” ที่นั่น และช่วยชาวออสเตรเลียดูแลสวนเขตร้อนของพวกเขา โดยเรียกตัวเองว่า “สถาปนิกภูมิทัศน์”
เนื่องจากความเข้มแข็งเป็นพิเศษของอุปนิสัย ซึ่งถูกทดสอบและพิสูจน์แล้วระหว่างการผจญภัยอันขบขันของเขากับกองทัพฝรั่งเศสในแอฟริกา #มิเชลถูกเลือกในเดือนมิถุนายน_1987 ให้เดินทางระหว่างดวงดาวผ่านกาแล็กซี่ของเรา ไปเยี่ยมชมเทียร์อูบาห์ (Thiaoouba) ที่กล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิล (คำย่อในภาษาฮีบรู יהוה ในคัมภีร์พันธะสัญญาเดิม) และรายงานสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินโดยไม่บิดเบือน
ผู้คนที่ก้าวหน้าของเทียร์อูบาห์ในคัมภีร์ไบเบิล (יהוה - คนกลุ่มเดียวกับที่มอบบัญญัติสิบประการให้แก่โมเสสเมื่อประมาณ 3,300 ปีก่อน) ได้มอบภารกิจให้มิเชลเขียนหนังสือบรรยายการเยือนเทียร์อูบาห์ของเขา #ซึ่งแฝงไว้ด้วยสาสน์จากเทียร์อูบาห์ถึงชาวโลกในปัจจุบัน
การเดินทางเกิดขึ้นโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า “#การเปลี่ยนภาวะข้ามมิติ” (trans-substantiation) ซึ่งอาศัยการออกจากกาลอวกาศ (space-time) และกลับเข้ามาใหม่ที่จุดอื่นในกาแล็กซี่ของเรา หนังสือของมิเชล “คำพยากรณ์จากเทียร์อูบาห์” (Thiaoouba Prophecy) บรรจุคำบรรยายโดยละเอียดของ มิเชลเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้★
★ในหนังสือสือเธาว์บอกว่า ยานอวกาศเดินทางพิสัยไกลของพวกเขาเดินทางได้เร็วกว่าแสงหลายเท่า การเดินทางที่จะทะลุกำแพงความเร็วของแสงได้ คงต้องออกไปจากห้วง space-time ปกติแล้วถึงจะทำได้กระมัง? หรือจะเป็นแบบในหนังที่ต้องทะลุเข้าสู่ด้านมืดของจักรวาล (dark universe) เราถึงจะสามารถเดินทางได้เร็วขนาดนั้นได้❓ –ผู้แปล–
หลังจากกลับมายังโลก มิเชลประสบกับความยากลำบากมากมาย เนื่องจากเขาไม่เคยเขียนอะไรในชีวิตของเขามาก่อน ยกเว้นจดหมายถึงพ่อแม่ของเขา เขาใช้เวลาเกือบ 3 ปีในการเขียนหนังสือด้วยมือเป็นภาษาฝรั่งเศสภายใต้การแนะนำทาง โทรจิตของเธาว์ (Thao) ที่ปรึกษาของเขาจากเทียร์อูบาห์
ความยากลำบากเพิ่มขึ้นหลังจากที่หนังสือถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและพิมพ์ออกมา ในปี 1995 มิเชลให้ทุนในการพิมพ์หนังสือ 10,000 เล่มในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีร้านหนังสือใดต้องการขายพวกมัน ในปี 1996 มิเชลละทิ้งการพิมพ์ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา เพราะโรงพิมพ์ต้องการเก็บค่าเก็บรักษาหนังสือเป็นรายเดือน
ในออสเตรเลีย การพิมพ์ครั้งแรกถูกขายหมดในปี 1993 แต่ไม่มีร้านหนังสือใดต้องการขายการพิมพ์ครั้งที่สอง
แทบไม่มีใครบนโลกเชื่อมิเชล แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้าน UFO และมิเชลก็เริ่มซึมเศร้า หลังจากการกลับมายังโลก ภรรยาสองคนติดต่อกันได้ทิ้งเขาไป และในปี 2000 มิเชลตัดสินใจที่จะละทิ้งภารกิจของเขาพร้อมกับหนังสือโดยสิ้นเชิง ไปเวียดนามเพื่อแต่งงานเป็นครั้งที่ 3 และในที่สุดก็ได้บรรลุ “ความสงบทางใจ”
ในปี 1996-1999 ผมได้จัดการบรรยายสาธารณะหลายสิบครั้งให้กับมิเชล หลายครั้งจัดในห้องประชุมขนาดใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ซึ่งผมเป็นนักวิชาการอยู่ในขณะนั้น ในปี 1997 ผมได้เริ่มเว็บไซต์
thiaoouba.com
เพื่อเผยแพร่หนังสือ ของมิเชลและสาสน์จากในหนังสือไปทั่วโลก
ผมติดต่อกับมิเชลเกือบทุกวันในช่วงเวลานั้น ชี้แจงความไม่ถูกต้องและคลุมเครือมากมายในการแปลต้นฉบับภาษาอังกฤษจากต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสที่เขียนด้วยลายมือของเขา
เป็นที่ชัดเจนว่า เคย์ สมิธ ผู้แปลภาษาอังกฤษคนแรก ไม่ได้เข้าใจเนื้อหาอย่างเต็มที่เสมอไป และความคล่องแคล่วในภาษาอังกฤษของมิเชลนั้นมีจำกัด ซึ่งหมายความว่าเขาไม่สามารถตรวจพบข้อผิดพลาดได้ ในการตอบคำถามของผม มิเชลจะตรวจสอบต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสที่เขียนด้วยลายมือของเขาอีกครั้งและชี้แจงความหมายของแต่ละประโยคที่มีปัญหา จากคำแนะนำและคำชี้แจงของมิเชล ผมได้ปรับปรุงต้นฉบับอิเล็กทรอนิกส์ โดยบันทึกคำชี้แจงแต่ละรายการอย่างรอบคอบไม่ว่าจะเป็นในเชิงอรรถหรือในหน้า 178 (หน้าสุดท้าย)★
★ผมไม่ได้แปลตรงส่วนนี้ออกมาเป็นภาษาไทยนะครับ เพราะผมเห็นว่ามันไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรต่อการแปลเป็นไทยจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ –ผู้แปล–
จากนั้นมิเชลได้มอบหมายให้ผมเป็น “เลขานุการ” ของเขาบนอินเทอร์เน็ต โดยประกาศว่าผมรู้จักหนังสือของเขาและคำตอบสำหรับคำถามของทุกคน
เมื่อมิเชลตัดสินใจที่จะละทิ้งหนังสือของเขาเป็นครั้งที่สองและไปเวียดนามในปี 2000 - เขาเสนอขายสิทธิ์ในการจัดพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษของหนังสือให้ผม เมื่อเห็นการคัดค้านของผม มิเชลกล่าวว่า “ถ้าคุณไม่ต้องการซื้อสิทธิ์ในการจัดพิมพ์ด้วยตัวเอง - หาคนที่ดีกว่าคุณให้ผม” หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ มิเชลโทรหาผมเพื่อถามว่าผมพบใครหรือไม่ ผมต้องยอมรับว่าผมไม่พบ... ในที่สุดผมก็ตกลงที่จะรับภาระในการจัดพิมพ์และส่งเสริมภารกิจและหนังสือของเขา #แต่มีเงื่อนไขว่าผมสามารถทำให้หนังสือทั้งเล่มสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบนอินเทอร์เน็ต
#ข้อโต้แย้งของผมคือการให้อีบุ๊กฟรีเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องเนื้อหา เมื่อมีสำเนาอีบุ๊กนับล้านอยู่ในมือของคนทั่วไป การเผยแพร่ที่ถูกดัดแปลงเนื้อหาไม่ว่าทางใดก็จะสามารถตรวจพบได้ง่าย★★★
★★★ที่ผมแปลไทยและทำเป็นไฟล์เพื่อแจกฟรี และ ยังทำเป็น 2 ภาษา ก็เพื่อให้คนไทยทุกคนที่ได้อ่าน สามารถเทียบเคียงกับต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ตลอดเวลา #ก็มีเหตุผลมาจากย่อหน้านี้ครับ –ผู้แปล–
ก่อนที่มิเชลจะออกเดินทางไปเวียดนาม ผมแนะนำว่าการแปลหนังสือเทียร์อูบาห์ทั้งหมดควรทำโดยตรงจากต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสที่เขียนด้วยลายมือของเขา อย่างไรก็ตาม มิเชลตอบว่าหลังจากงานทั้งหมดที่เราทำเพื่อแก้ไขการแปลภาษาอังกฤษ #การแปลอื่นๆทั้งหมดควรทำจากฉบับภาษาอังกฤษที่แก้ไขแล้วนี้
ดังนั้น อีบุ๊กภาษาอังกฤษจึงกลายเป็น “ต้นฉบับ” ที่มิเชล เดส มาร์เกต์ #ต้องการให้ผมปกป้องสำหรับคนรุ่นต่อไป
ไม่กี่เดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต มิเชลได้โทรหาผมจากเวียดนามเพื่อบอกว่าเธาว์ ผู้เป็นที่ปรึกษาของเขาจากเทียร์อูบาห์ ได้มาเยี่ยมเขา (ในรูปกายทิพย์) #และแสดงความพึงพอใจกับการเผยแพร่ภารกิจของเขาและหนังสือของเขาบนโลก การโทรครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจ เพราะมันยืนยันว่าความพยายามของผมในการเผยแพร่หนังสือของมิเชลและภารกิจของเขาตั้งแต่ผมเริ่มเว็บไซต์
thiaoouba.com
ในปี 1997 ได้บรรลุผลตามที่ตั้งใจไว้.
ที่มา :
https://thiaoouba.com/biography/
หนังสือ
จิตวิญญาณ
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Thiaoouba.com
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย