"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต" เมื่อเห็น "พระพุทธเจ้า" แล้ว จะเกิดประโยชน์อะไร ? ต่อตัวเรา
.
สวัสดีครับ กระผม คุณครูเอ็กซ์ตร้า
.
กราบสวัสดี ผู้เจริญในธรรม ในศีล สมาธิ ปัญญา ทุกท่าน ครับ
.
การเห็น "พระพุทธเจ้า"
คือ การเห็นด้วย "ปัญญา" และ จิตใจที่บริสุทธิ์
.
ซึ่งนำมาซึ่ง "ประโยชน์" อันยิ่งใหญ่ ดังนี้ ครับ
.
1. รู้จัก "ทางพ้นทุกข์" ที่ชัดเจน
"พระพุทธเจ้า" คือ ผู้ค้นพบ "สัจธรรม"
.
และ ได้แสดงทางออกจาก "ความทุกข์" ไว้อย่างสมบูรณ์
.
ผ่าน "หลักธรรมอริยสัจ 4"
ทำให้เรา เหมือนมีแผนที่เดินทาง
.
เมื่อเราเห็น "พระพุทธเจ้า"
ก็คือเห็น "มรรคา" (ทางเดินที่ถูกต้อง) ที่นำไปสู่ความสุขแท้จริง
.
ทำให้เรา รู้วิธีแก้ปัญหาชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความแก่ ความเจ็บป่วย หรือ ความตาย
.
เพราะ "พระพุทธองค์" ทรงสอนวิธีการรับมือ ไว้ทั้งหมด ครับ
.
ก็เลยเป็นที่มาของ "พระพุทธภาษิต"
ผู้เห็นธรรม ย่อมเห็นเรา ผู้เห็นเรา ย่อมเห็นธรรม
(องฺ.ติก. 20/367)
.
เราก็จะ ไม่จมอยู่กับ "ความทุกข์"
เพราะรู้ว่า "ความทุกข์" มีสาเหตุ และ มีวิธีทางแก้ไข
.
เช่น เมื่อก่อนเรา "โกรธ" แล้วต้อง "ดุด่า"
แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า "โกรธให้มีสติ"
"ธรรมะ" สามารถระงับ แก้ไขได้
.
2. จิตใจสงบ เป็นอิสระจาก "กิเลส" ใจเบาสบายขึ้น
.
คือ การเห็น "ความว่าง" จาก "ตัณหา"
.
ไม่หลงติดใน "ความสุขชั่วคราว"
เพราะเข้าใจแล้วว่า สิ่งเหล่านั้น "ไม่จีรัง ยั่งยืน"
.
ทำให้เรา "ปล่อยวาง" ได้ง่ายขึ้น
เพราะเห็น "ความไม่เที่ยง" ของสังขาร
.
เช่น คนที่เคยหลงใหลใน "ความรัก"
เมื่อเห็น "ธรรมะ" ก็จะเข้าใจว่า
"ความรักที่ยึดมั่นถือมั่น นั้นคือ ความทุกข์"
.
เข้าใจว่า "อะไรก็ไม่เที่ยง"
.
หากเสียของที่ตนเอง "รัก"
ก็จะเข้าใจว่า มันต้องจากไปสักวันอยู่แล้ว
เสียใจ นะครับ แต่ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น
.
หาก ถูกนินทา ก็จะเข้าใจว่า
"คำพูด" ก็แค่ลมปาก ผ่านมา แล้วก็แค่ผ่านไป ไม่ทุกข์นาน
.
เหมือนมี "เกราะป้องกันหัวใจ" จากสิ่งร้าย ๆ ในชีวิต ครับ
.
3. มีแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต รู้วิธีใช้ชีวิตแบบไม่เหนื่อยฟรี
.
"พระพุทธเจ้า" ไม่ใช่เทวดา หรือ เทพเจ้า นะครับ
แต่ท่านเป็น "มนุษย์" ผู้ฝึกฝน "ตนเอง" จนหลุดพ้น จากความทุกข์
.
ท่านจึง เป็นแรงบันดาลใจ ให้พวกเราได้
เพราะถ้า "พระพุทธองค์" ทำได้ "เรา" ก็ทำได้ ครับ
.
"พระพุทธองค์" ทำให้พวกเรารู้ว่า
"ความสุข" ที่แท้จริง ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งนอกกาย
.
แต่มีสิ่งหนึ่งครับ ที่ทุกท่านต้องรู้
.
"ตถาคต" เป็นเพียงผู้บอกทาง แต่ท่านทั้งหลาย ต้องเดินด้วยตนเอง ครับ
(ขุ.ธ. 25/55)
.
แล้วเราก็จะไม่ "ทำบาป" เพราะรู้ว่า "เวรกรรมมีจริง"
.
ไม่โกหก เพราะรู้ว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย
.
ไม่คิดร้ายต่อคนอื่น เพราะรู้ว่า เดียวจิตใจ "เรา" จะเป็นพิษ
.
ทำดีแบบไม่ต้องฝืน เพราะเข้าใจว่า ทำดีแล้ว ดีกับตัวเอง
.
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว , สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ครับ
.
4. เกิดปัญญา รู้จักชีวิตที่แท้จริง
.
เมื่อเราหมั่น ฝึกสติ สมาธิ ปัญญา
ผ่านการ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน
.
เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึง
รวมถึง เพียรหมั่นฝึกฝน ตามหลักธรรม "อริยสัจ 4"
.
เราก็จะเกิด "ปัญญา" เข้าใจด้วยตนเองว่า
.
1. ความทุกข์ ก็คือ "ความไม่สมหวัง" เป็นเรื่องปกติ
.
2. สมุทัย ก็คือ ต้นเหตุแห่ง "ความทุกข์" คือ "ความอยาก"
.
3. นิโรธ ก็คือ "ความสุข" ที่แท้จริง ที่ไม่มีการ "ยึดมั่นถือมั่น"
.
และ 4. "อริยมรรคมีองค์ 8"
คือ หลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิต เพื่อให้หลุดพ้น จากความทุกข์
.
เราก็จะใช้ชีวิตประจำวัน ทำการงาน ตัดสินใจได้อย่าง "มีสติ"
.
ใช้ชีวิตอย่าง "ไม่ประมาท"
อาจไม่ต้องเสียเวลาชีวิต จากความผิดพลาด ครับ
.
5. ไม่กลัวความตาย
รู้ว่า "ตายแล้วไม่สูญ" แต่จะไปตาม "ผลกรรม" ที่ทำไว้
.
เราย่อมเข้าใจ "กฎแห่งกรรม" และ ชีวิตหลังความตาย
.
เพราะเรา จะรู้ว่า "ตายแล้วไปไหน"
ตามเหตุผล "กฏแห่งกรรม"
.
เราจึงเตรียมใจได้ถูกทาง
ด้วยการสร้างบุญบารมี และ การเจริญ สติ สมาธิ ปัญญา
.
ดั่ง "พระพุทธภาษิต" ที่ว่า
ผู้รู้แจ้งธรรม ย่อมไม่หวาดกลัวแม้ความตาย
(ขุ.สุ. 25/500)
.
และข้อที่ 6. ครับ ข้อสุดท้าย
เราก็จะได้มีโอกาส สร้างบุญกุศล เพื่อให้ติดตัวเราไป ทุกภพชาติ
.
การปฏิบัติตามหลัก "ธรรมะ"
คือ การลงทุนที่ดีที่สุด ที่คุ้มค่ามากที่สุด นะครับ
.
เพราะ "บุญ" จากการฟังธรรม
จะส่งผลให้พบ "ธรรมะ" ในชาติต่อ ๆ ไป
.
โอกาส "บรรลุธรรม" สูงขึ้น
เพราะมี "พุทธานุสสติ" (การระลึกถึงพระพุทธเจ้า)
เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นเครื่องเตือนใจ
.
ถือว่า "เรา" ได้ใกล้ชิดกับ "พระพุทธองค์" ทางด้านปัญญา
.
เพราะแม้ "พระพุทธองค์" จะปรินิพพาน ไปแล้ว
แต่ "ธรรมะ" ยังสอนเรา ยังคงอยู่ใน "จิตใจ" ของเรา อยู่ตลอดเวลา ครับ
.
สรุป ครับ
.
"ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต"
.
เมื่อเห็น "พระพุทธเจ้า" แล้ว จะเกิดประโยชน์อะไร ? ต่อตัวเรา
.
1. รู้ทางพ้นทุกข์ ชีวิตมีแนวทาง ไม่สับสน
เห็นวิธีทางแก้ความทุกข์ หากมีปัญหา ก็จะไม่จมซึม
.
2. จิตใจสงบเป็นอิสระ ไร้ความเครียด ปล่อยวางเป็น
จิตใจไม่หนัก วางเรื่องร้าย ๆ ได้เร็ว
.
3. มีแบบอย่างชีวิตดี ดำเนินชีวิตอย่าง "มีปัญญา"
ใช้ชีวิตถูกครรลองคลองธรรม เลือกทำแต่สิ่งที่ดี กรรมดี
.
4. เข้าใจ "กฎแห่งกรรม" ใช้ชีวิตอย่าง "ไม่ประมาท"
เข้าใจหลักการ วิธีหลุดพ้นจากความทุกข์
ผ่านหลักธรรม "อริยสัจ 4"
.
5. ไม่กลัวตาย เตรียมใจได้ถูกต้อง
รู้ว่าชีวิตหลังความตาย ไม่ได้น่ากลัว หากเราทำ "กรรมดี"
.
และข้อ 6. ข้อสุดท้ายครับ
หมั่น สร้างบุญ สร้างกุศล ติดตัว
เพื่อพบ "ความสุข" ในภพนี้ และ ภพหน้า
.
เป็นลูกศิษย์ "พระพุทธองค์" ท่าน โดยสมบูรณ์
รู้ว่าเรากำลังเดินตามรอย "พระพุทธเจ้า"
.
กระผม เคยได้ยินบทสัมภาษณ์ ของพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ครับ
.
พิธีกร ท่านถามพระอาจารย์ ท่านนี้ว่า
.
หากมีโอกาสได้พบพระพุทธเจ้า ตัวจริง เสียงจริง
พระอาจารย์ อยากจะพูดอะไร ? กับพระพุทธเจ้า
.
พระอาจารย์ ท่านนั่งเงียบ
แล้วคิดไตร่ตรอง ก่อนจะตอบคำถาม ประมาณ 15 วินาที ครับ
.
ผลสรุป คำตอบของพระอาจารย์ ท่านบอกว่า
.
หากมีโอกาสได้พบ "พระพุทธองค์" ท่านตัวจริง จริง ๆ
.
พระอาจารย์ คงไม่มีอะไรจะถามท่าน
.
แต่พระอาจารย์ อยากจะขอบคุณ "พระพุทธองค์" ท่านมากกว่า
.
ที่ "พระพุทธองค์" ท่านได้ชี้ทางสว่าง
ได้บอกหนทาง "แห่งการพ้นจากความทุกข์"
ให้ทุกคนรู้ แล้วให้ทุกคน ได้เดินตามรอย ปฏิบัติตาม ครับ
.
สุดท้ายในตอนนี้ ครับ ขอให้ผู้เจริญในธรรม ทุกท่าน
.
จงเป็นผู้เจริญในศีล สมาธิ ปัญญา ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
.
จนนำไปสู่ความหลุดพ้น จากความทุกข์ทั้งปวง ทุกคน ทุกท่าน ด้วยเทอญ สาธุ 🙏🙏🙏
.
สวัสดีครับ
.
#ธรรมะ , #ศาสนาพุทธ , #พุทธศาสนา , #พระพุทธเจ้า
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
